ตอนที่แล้วตอนที่ 84 ก๊วยเซียง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 86 ร่วมมือ (2)

ตอนที่ 85 ร่วมมือ


ตอนนี้สีหน้าของก๊วยเซียงเริ่มบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ เขาซึ่งเป็นผู้ฝึกวรยุทธชั้นปราณก่อเกิดกลับต้องมาเสียท่าให้ไอ้หนูชั้นปราณนิมิตรได้ แถมการโจมตีของไอ้หนูนั้นยังเกือบทำให้แขนของเขาหัก

ก๊วยเซียงมองไปที่ฉางหยางพร้อมชี้ออกไป “แก! ไอ้หนูทำข้าได้แสบมาก ข้าจะฉีกแกให้เป็นชิ้นจนไม่ให้เหลือเค้าเดิมอยู่เลย”

“หากคิดว่าทำได้ก็ลองเข้ามาแสดงให้ข้าดูหน่อย” ฉางหยางกล่าวอย่างเย้ยหยัน

“แก!” ก๊วยเซียงพุ่งทะยานเข้าหาฉางหยางด้วยความโกรธเกรี้ยวราวกับมีก้องไฟที่สุมอยู่ในอกก็มิปาน หมัดของเขากำแน่นจนเส้นเลือดปูดออกมาอย่างเห็นได้ชัด ส่วนทางด้านของฉางหยางก็ไม่แพ้กัน ร่างของเขาพุ่งทะยานไปพร้อมกับโคจรพลังลมปราณให้ไหลไปรวมที่มือขวาจนเกิดเป็นออร่าสีทองขึ้นมา

“ตูม”

หมัดทั้งสองกระแทกเข้าหากันส่งผลให้ร่างของสองกระเด็นถอยห่างไป ตามด้วยคลื่นอัดอากาศที่กระจายไปทั่ว ก๊วยเซียงเริ่มเชื่อแล้วว่าไอ้หนูสวมหน้าปีศาจที่อยู่ข้างหน้าเขามันไม่ธรรมดา

แต่ทางด้านฉางหยางกลับไม่เป็นเช่นนั้น ตอนนี้ที่มือขวาของเขาผิวหนังถลอกปอกเปิกเผยให้เห็นหยดเลือดที่ไหลรินออกมา เขาไม่นึกเลยว่าพลังมันจะต่างกันขนาดนี้ ขนาดเขาโคจรพลังลมปราณเสริมพลังกายให้ยกระดับเข้าสู่ปราณผันผวนขั้นต้นแล้วก็ยังได้รับผลกระทบขนาดนี้

ทั้งที่ชายชราก๊วยเซียงใช้แค่พลังกายเท่านั้น เพียงเท่านี้เขาก็พ่ายแพ้เสียแล้ว อย่างไรก็ตามตอนนี้เขาต้องทุ่มสุดกำลังเท่านั้นมีอะไรงัดออกมาให้หมด เพราะเขาไม่สามารถหนีชายชราก๊วยเซียงได้อย่างแน่นอน ตราบใดที่เขายังมีเคล็ดวิชาเคลื่อนไหวที่น่ากลัวขนาดนั้น

“ไอ้หนู แกทำให้ข้าประหลาดยิ่งนัก ขนาดข้าใช้พลังกายถึงแปดส่วนกลับไม่สามารถบดขยี้แขนของแกได้ ดูเหมือนว่าข้าจะประมาทไอ้หนูอย่างแกไม่ได้เสียแล้ว งั้นก็เตรียมตัวตาย”

หลังจากที่ชายชราก๊วยเซียงกล่าวจบ ร่างของเขาก็หายไปจากสายตาของฉางหยางทันที แล้วปรากฏตัวอีกครั้งข้างหลังของฉางหยางพร้อมโคจรพลังลมปราณไปที่แขนขวา จากนั้นก็ตวัดออกไปที่คอให้ขาดสะบั้นในพริบตา

อย่างไรก็ตามฉางหยางที่ระวังตัวอยู่แล้ว เขาย่อตัวลงเล็กน้อยเพื่อหลับแขนของก๊วยเซียงทำให้การโจมตีพลาดไป

“วืดด”

แต่เท่านั้นยังเพียงพอ ฉางหยางรีบระเบิดพลังลมปราณที่อยู่สะสมอยู่บริเวณเท้า ส่งผลให้ร่างของเขาพุ่งกลับหลังอย่างรวดเร็วพร้อมแทงศอกที่อัดแน่นไปด้วยพลังลมปราณออกไป

“ตูม”

“อั๊ก”

ก๊วยเซียงถึงกับกระอักน้ำลายคำโตออกมา พร้อมร่างที่ปลิวถอยหลังไป แต่ทว่าเขาก็ไม่ได้บาดเจ็บอะไรมากนักเพียงแต่แค่รู้สึกเสียหน้าเท่านั้นเอง ตอนนี้ความโกรธของเขาพุ่งถึงขีดสุดแล้ว เส้นเลือดเริ่มปูดออกมาที่ใบหน้า เขามองไปที่ไอ้หนูสวมหน้ากากก็พบว่ากำลังตั้งท่าอะไรสักอย่าง

“เฉินตี้เตรียมพร้อม”

ได้ยินเช่นนั้นชายชรารีบหันไปมองทางสัตว์อสูรสีทองทันที แต่ทว่าพริบตานั้นเองก็เสียงคำรามดังลั่น “เคล็ดวิชาวายุเทพสังหาร” พร้อมกับพลังลมปราณที่ระเบิดออกมาอย่างมหาศาล ทำให้เขารีบหันกลับมาก็พบว่าไอ้หนูนั้นหายไปแล้ว

“ตูม”

กระบองวายุถูกแทงออกไปอย่างเร็ว ทำให้ร่างของก๊วยเซียงกระเด็นถอยหลังไป ก่อนที่เขาจะทันได้ตั้งตัวก็โดนเข้าอีกดอกที่ระหว่างขาของเขา

“ตูม  อ๊ากก”

ก๊วยเซียงถึงกับร้องเสียงหลงตามด้วยร่างของเขาพุ่งขึ้นอากาศอย่างรวดเร็ว ด้วยสีหน้าที่บิดเบี้ยวและเขียวคล้ำ เพราะถูกโจมตีเข้าที่จุดตายของบุรุษทำให้ลมปราณภายในร่างของเขาต้องหยุดชะงักไปชั่วครู่เลยทีเดียว ทำให้เขาได้แต่คิดเพียงในใจว่า

“มันเคล็ดวิชาอะไรกันทำไมมันถึงโหดร้ายกับบุรุษเช่นนี้ บ้าเอ้ย! ข้ากลายเป็นขันทีแน่นอนคราวนี้”

ฉางหยางพุ่งตามร่างของก๊วยเซียงขึ้นไปพร้อมออกกระบวนท่าสกัดจุด

“ตูม ตูม ตูม ตูม”

ภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งวินาทีกระบวนท่าทั้งสี่ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ก๊วยเซียงที่ลอยอยู่กลางอากาศ ตอนนี้เขาขยับตัวไม่ได้แล้ว พลังลมปราณในร่างก็โคจรลำบาก ทั่วทั้งตัวปวดร้าวระบมไปหมด แต่ทว่ามันก็ยังไม่หมดเพียงเท่านั้นในเมื่อเขาเห็นไอ้หนูสวมหน้ากำลังรวบรวมพลังลมปราณไว้ที่กระบองสีดำทมิฬ พริบตามันก็ถูกแทงออกมากระแทกเข้ากับหน้าอกเขาอย่างจัง

“ตูม”

“อั๊ก”

ก๊วยเซียงกระอักเลือดออกมา เพราะพลังลมปราณที่อัดแน่นอยู่ในกระบองส่งผลให้อวัยวะภายในของเขาบอบช้ำไปหมด พลังลมปราณในร่างก็ปั่นป่วนไปหมด ทำให้เขาตอนนี้ได้แต่รอรับการโจมตีเพียงเท่านั้น

กระบองทองพุ่งทะลุออกจากหลังของก๊วยเซียงพุ่งเข้ากระแทกพื้นดิน จนเกิดเป็นหลุ่มลึกขนาดสองเมตร ตามด้วยร่างของก๊วยเซียงหล่นลงหลุมดัง

“ตุบ”

“ตอนนี้ล่ะเฉินตี้ เอาเลย” ฉางหยางที่ลอยอยู่บนอากาศตะโกนออกมาลั่น

เฉินตี้ที่เตรียมพร้อมอยู่แล้ว อ้าปากออกกว้างพลังลมปราณเริ่มไหลรวมกันอยู่ปากมากขึ้นเรื่อยๆ ควบแน่นจนกลายเปลวเพลิงสีทองในเวลาเพียงพริบตามันก็ขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดห้าเมตร แล้วก็ถูกยิงพุ่งตรงไปที่หลุมที่ก๊วยเซียงนอนอยู่

“ตู้มมม”

แรงระเบิดมหาศาล ทำให้ทั่วบริเวณเต็มไปด้วยเศษหินดินที่กระจายไปทั่ว และความร้อนที่แผดเผาอากาศให้แห้งกร้าน ฉางหยางลอยลงมาบนพื้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะมองที่ผลงานของเฉินตี้แล้วพยักหน้าอย่างพอใจ ซึ่งหากเขาไม่กล่าวบอกเฉินตี้ให้เตรียมพร้อม ก็คงไม่มีโอกาสสร้างการโจมตีที่หวังผลได้ขนาดนี้

“โดนไปขนาดนี้ ข้าว่าไอ้แก่นั้นคงไม่รอดแล้ว”

ระหว่างที่เขากล่าวอยู่ พริบตาร่างของก๊วยเซียงก็ปรากฏตรงหน้าของเขา แล้วตวัดขาเตะออกมาอย่างรุนแรง

“ตูม”

“แกร๊กก”

ฉางหยางรีบโคจรพลังรวมที่แขนซ้ายแล้วยกขึ้นมากันได้ทันเวลา แต่ก็ทำให้แขนของเขาหักไปทันทีแล้วแรงกระแทกราวกับขุนเขาก็ส่งให้ร่างของเขาปลิวกระเด็นไปหลายร้อยเมตร

“วันนี้แกต้องตายไอ้หนู บังอาจทำให้ข้ากลายเป็นขันที ข้าก็จะแกให้เป็นขันทีด้วยเช่นกัน ตาย!”

ก๊วยเซียงที่เต็มไปด้วยบาดแผลมากมาย แต่เขาหาได้สนใจไม่และพุ่งตามร่างฉางหยางไป แล้วปล่อยหมัดออกไปกระแทกเขาที่ท้องอย่างรวดเร็ว

“ตูม”

“อั๊ก”

ร่างของฉางหยางจมลงพื้นดินลึกถึงหนึ่งเมตร กระดูกแตกหักไปหลายส่วน อวัยวะภายในเกือบถูกทำลาย แต่ทว่าเท่านั้นก็ยังไม่สาแก่ใจของก๊วยเซียง

เขามองไปที่ระหว่างข้าของฉางหยางเผยรอยยิ้มอันเหี่ยวแห้งขึ้น

“วันนี้แกต้องสูญพันธุ์เหมือนข้า”

ว่าแล้วมือที่อัดแน่นไปด้วยพลังปราณพุ่งไปตรงระหว่างขาของฉางหยาง แต่ขณะนั้นเองเฉินตี้ก็ตวัดหางฟาดเข้าที่ลำตัวของก๊วยเซียงอย่างแรง

“ตูม”

ก๊วยเซียงปลิวกระเด็นห่างออกจากฉางหยางถึงสองร้อยเมตร

ส่วนฉางหยางที่นอนอยู่ในหลุมค่อยลุกขึ้นมาช้าๆ ตอนนี้ร่างกายของเขาบาดเจ็บหนักมาก กระดูกก็แตกหักไปหลายส่วน อวัยวะภายในก็เสียหายไปหลายส่วน เขามองไปที่เฉินตี้และกล่าวบางอย่างออกไป

“เตรียมพร้อมให้ดี ทุ่มทุกอย่างที่เจ้ามีซะหากข้าให้สัญญาณ”

หลังจากที่เก็บกระบองวายุแล้ว ฉางหยางเช็ดเลือดที่มุมปากเล็กน้อย ใบหน้าของเขาขาวซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ตามร่างกายมีเลือดไหลออกมาไม่หยุดหย่อน

อย่างไรก็ตามเขาจะมายอมแพ้ได้อย่างไร ในเมื่อเขายังมือไพ่เด็ดที่ยังไม่ได้เปิดเผยอยู่ ฉางหยางเริ่มโคจรผสานทันที พลังลมปราณที่เหลืออยู่เพียงสี่ส่วนจะถูกใช้กับการโจมตีนี้ เพื่อเบิกทางและถ่วงเวลาให้เฉินตี้ได้ปลุกพลังของสายเลือดมรกตกลืนกินขึ้นมา เพราะมันคือความหวังสุดท้ายของเขาแล้วตอนนี้

“ไอ้แก่! วันนี้ข้าจะให้แกได้ลิ้มลองเคล็ดวิชาไม้ตายก้นหีบของข้า”

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไอ้หนูอย่างแกนี่นะจะให้ข้าได้ลิ้มลองเคล็ดวิชา ข้าว่าเคล็ดวิชาของแกคงเป็นเพียงเคล็ดวิชาอันกระจ้อยร่อยเหมือนกับเคล็ดวิชาเมื่อกี้แน่นอน ย่อมได้หากเป็นเช่นนั้นข้าก็จะแสดงเคล็ดวิชาระดับเทวะให้ไอ้หนูอย่างแกได้ชมเป็นขวัญตา”

ก๊วยเซียงกล่าวเยาะเย้ยออกไป แต่แท้จริงภายในใจของเขากลับต้องสั่นไหว เพราะเคล็ดวิชาที่ไอ้หนูนั้นใช้เมื่อกี้มันเป็นระดับเทวะชัดๆ แต่ที่เขาไม่ได้รับผลของมันมาก ย่อมต้องเป็นระดับบ่มเพาะที่ต่างกันถึงสามชั้นปราณ ซึ่งหากไอ้หนูนั้นมีระดับการบ่มเพาะเท่ากับเขา เมื่อนั้นผู้ที่จะถูกสังหารคงเป็นก๊วยเซียงผู้นี้แน่นอน

“ใจเย็นๆ มันก็แค่ขู่เพียงเท่านั้น มันจะเป็นได้อย่างไรที่ไอ้หนูระดับปราณนิมิตรจะครอบครองเคล็ดวิชาที่สูงกว่าระดับเทวะขึ้นไป แต่หากเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่เห็นต้องกลัวมันเลย เพราะความห่างชั้นของระดับการบ่มเพาะ และพลังกายจะเป็นตัวชี้ชะตามันเอง” ก๊วยเซียงได้แต่กล่าวปลอบใจตนเอง.....

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด