ตอนที่แล้วChapter 13 กลับสู่อารีน่าอีกครั้ง (Part 3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 15 สหาย (Part 2)

Chapter 14 สหาย (Part 1)


Chapter 14 Comrades (Part 1)

“ผมชื่อฮอนโฮคิมและไม่นานมานี้ผมกำลังเรียนหนังสือเพื่อสอบเข้าราชการ คุณชื่ออะไร?”

ผมถามเรื่องนี้หลังจากที่เราเดินอยู่ท่ามกลางบรรยากาศตึงเครียดและอึดอัด คุณอย่างน้อยคุณก็ต้องแลกเปลี่ยนชื่อคุณบ้าง ไอ้ห่า

หนุ่มมหาลัยยินดีที่จะให้ความร่วมมือ

“ผมชื่อลีจุนโฮ ผมเป็นนักเรียนใหม่ที่เพิ่งสอบเข้าม.เกาหลีได้*”

(TN: ม.เกาหลีก็เหมือนกับฮาวาร์ดในเกาหลี.)

เขาเป็นนักศึกษาจริงๆเขายังเด็ก แต่คิดว่าน่าจะอายุประมาณ20

“ลีแฮซู...ฉันเป็นพนักงานบริษัท”

ชื่อของหญิงสาววัย20ปีคือลีแฮซู เมื่อเห็นว่ามันใช้เวลานานมากแล้วเธอเลยแนะชื่อของเธอออกมาและเนื่องจากปาร์คโกซางได้แนะนำตัวก่อนแล้วที่เหลือก็คือชาย30คนเดียวที่ยังไม่ได้บอกชื่อ แม้ว่าเขาจะไม่พูดอะไรเราก็ไม่คิดว่าเขาจะพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้

“คังจุนซางนักสู้จากเซี่ยงไฮ้.”

นักสู้จากจีน!

อย่างงั้นเราก็รู้แล้วว่าทำไมจุนซางไม่กลัวโกชาง.

การแสดงออกของโกชางกลายเป็นน่าเกลียด ถ้าเขาโดนเข้าไปโจมตีจริงๆเขาก็จะเสียหน้าแน่นอน.

หลังจากแลกเปลี่ยนชื่อแล้วเราก็ยังเดินต่อไปในบรรยากาศที่น่าอึดอัด

จุนโฮเป็นคนเดียวที่แทบจะไม่ลืมการพูดคุย

พนักงานแฮซูก็ตอบข้อความสั้นจู๋ในการสนทาง่ายๆของพวกเรา แต่มันอาจจะเป็นเพราะว่าเธอตกใจหลังจากเกือบจะโดนโกชางทำมิดีมิร้ายทำให้คำพูดของแฮซูดูน้อยลง

“คอมผมแห้งแล้ว คิดว่าน้ำน่าจะอยู่แถวไหน?”

นี่เป็นคำพูดของจุนโฮ

“ผมก็พยายามจะหาอยู่ ซิล!”

หลังจากการเริ่มการสอบครั้งที่สองผมก็เรียกซิลเป็นครั้งแรก

-เมี๊ยว.

ซิลปรากฎตัวขึ้นกลางอากาศและเอาหน้ามาถูกับหน้าผม

“โอ้? นั่นคืออะไร?”

จุนโฮประหลาดใจอย่างมาก แฮซู โกชาง และจุนซางต่างก็ประหลาดใจและมองมาที่ผมเพื่อขอคำอธิบาย.

“นี่เป็นสกิลอัญเชิญสปิริตที่ได้รับจากรางวัลคาม่าของผม เธอเป็นสปิริตลมชื่อซิล.”

“อัญเชิญสปิริต? นั่นมันเป็นสกิลช่วยเหลือหรอ?”

“สกิลหลัก.”

หลังจากผมพูดจบหลายคนก็มีปฏิกิริยาต่างกัน

“สกิลหลักของคุณ?!”

“นั่นเป็นสกิลหลักของคุณ?!”

“สกิลหลัก?”

จุนโฮ,โกชางและแม้แต่จุนซางก็ประหลาดใจ

จุนซางผู้ที่ไม่อาจจะรู้ได้ว่าเขาจะพูดได้ถามคำถามกับผม.

“คุณได้รับคาม่าเท่าไรจากการสอบครั้งแรก?”

“500 คาม่า.”

“…!”

ใบหน้าของจุนซางเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ดูเหมือนว่าคะแนนของผมจะสูงกว่าเขามาก

“คุณล้อเล่นหรือป่าว?คุณทำอย่างไรถึงได้500คาม่า?”

โกชางเริ่มที่จะก้าวร้าวอีกครั้ง แต่ผมยักไหล่

“ผมบอกได้ว่ามันเป็นการประเมิณศักยภาพมากกว่าความสามารถ อย่างไรก็ตามผมสามารถที่จะอัญเชิญสปิริตและปืนไรเฟิล ถ้าคุณไม่เชื่อต้องการเห็นไหม?”

ผมได้เรียกปืนเวทย์มนต์และกล่องกระสุน กล่องกระสุนที่มีกระสุนเพิ่มขึ้นมากอีก100นัดมันอัดแน่นไปด้วยลูกกลมๆเหล่านั้น

“มันไม่ค่อยเมกเซ้นเท่าไร…”

การแสดงออกของโกชางดูเหมือนกับว่าเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ

หืมม ตอนนี้คุณเห็นหรือยัง? ผมไม่ใช่คนที่คุณจะหัวเราะหรือจิกหัวใช้ได้ ในบางทีคุณอาจจะต้องจ่ายหนี้ของคุณจากผม.

“ซิลมองหาแหล่งน้ำใกล้ๆ.”

-เมี๊ยว!

ซิลบินไปอย่างรวดเร็ว

ในขณะเดียวกันผมก็ถามคนอื่นๆ

“พวกคุณได้รางวัลอะไรจากค่าม่า? ผมคิดว่ามันต้องรู้เนื่องจากมันจะทำให้การทำงานของเราดีขึ้นและเสริมการต่อสู้ในภายหลัง.”

“คุณน่าทึ่งเป็นอย่างมาก ในการสอบครั้งแรกผมได้คาม่าแค่ 270 ความต้องการของสกิลหลักคือ400คาม่าดังนั้นผมเลยไม่สามารถที่จะเรียนรู้มันได้.”

จุนโฮเป็นคนตอก่อน

“ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเลือกสกิลรอง ‘เสริมพลังกายภาพ’และมันสามารถเรียนรู้ได้ถึงเลเวล2 ที่เหลือผมก็เอาไปซื้อโล่ผมจะโชว์ให้ดู.”

ขณะที่กำลังพูดอยู่จุนโฮได้เรียกโล่หนังกลมดูเหมือนว่าเขาจะไม่มีอาวุธ.

“บัฟเสริมความแข็งแกร่งทางกายภาพมันเป็นอย่างไร?”

ผมไม่เคยเห็นสกิลช่วยเหลือ ผมเลยอยากรู้อยากเห็น

“มันเหมือนกับการที่ร่างกายของคุณแข็งแกร่ง ที่เลเวล1 เอนทรี มันจะทำให่ร่างกายของคุณแข็งแรงและเลเวล2จะทำการเคลือบความแข็งทางผิวหนังด้วย อาสติกชาม.”

ราวกับว่าเขากำลังอาย เขาเกาหัวของเขา

“ผมมักจะมีความอ่อนแอทางสายเลือด ดังนั้นผมเลยเพิ่มมันเป็นเลเวล2.”

จุนโฮตัวไม่ค่อยสูงนัก แต่มันก็กำลังพอดี แต่ดูเหมือนกับว่าเขาต้องขอบคุณบัพเสริมความแข็งแกร่งของเขาที่มันช่วยให่เขาไม่ต้องออกกำลังกายมากนัก.

“นั่นเป็นสกิลที่ดีจริงๆ ร่างกายของก็ไม่ค่อนดี มันมีค่าใช้จ่ายเท่าไร?”

“เอนทรี เลเวล1 ใช้คาม่า100 และเลเวลสองใช้150.”

นั่นมันเป็นปฏิวัติการพัฒนาทางร่างกาย

ผมเป็นคนที่มีร่างกายที่ค่อนข้างซับซ้อน ‘ร่างกายที่ไม่ได้เคยดูแลของผม.’แต่ถ้าผมได้รับความช่วยเหลือนี้ผมก็ไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายและสามารถเป็น moem-jjang!*

(TN: มันแปลเป็นอังกฤษไม่ได้ แต่มันหมายความว่ามันมีร่างกายที่น่ากลัว)

‘เมื่อการสอบนี้เสร็จสิ้นฉันจะเอารางวัลเหล่านี้ทันที.’

ไม่ใช่ความโลภของผมที่ไม่ต้องการออกกำลังกาย แต่เนื่องจากการมีความแข็งแกร่งคือสิ่งสำคัญทั้งหดม

“อ่า แม่ง ฉันได้ 250 คาม่า แกบอกฉันหน่อยสิว่ามันดีไม่เท่ากับแก?”

ปาร์คโกชางสะอื้นและสถบถามออกมาในเวลาเดียวกัน แต่จุนโอก็กลัวเป็นการยั่วยุเขา

“ฉันได้รับบัฟเอนทรีเลเวล3และดาบ.”

“เลเวล 3?”

“แกคิดว่าฉันจะเหมือนกับพวกแกหรอ?มันมาจากการออกกำลังกายอย่างแท้จริง ไอ้เลว.”

“ฉันรู้.”

ปาร์คโกชางเดิมทีมีร่างกายเท่ากับได้รับบัฟเลเวลสองและเขาก็ซื้อเพิ่มอีกเป็นเลเวลสาม

‘ดังนั้นการที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและมีสุขภาพที่ดีจะสามารถเรียนได้ตั้งแต่เลเวล2.’

ผมได้เรียนรู้มากจริงๆ

ตอนนี้ก็มาถึงแฮซูเธอหยุดพูดชั่วคราวก่อนที่จะบอกออกมาอย่างระมัดระวัง

“ฉันได้100คาม่า นอกนจากเอนทรีแล้วฉันก็ไม่มีอะไร ฉันขอโทษ…”

“ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร ฉันบอกแล้วไงว่าฉันจะปกป้องคุณ.”

เมื่อได้ยินความคิดเห็นของโกชางไปแฮซูก็หน้าซีดทันที

-เมี๊ยว.

ใช่มันได้เวลาแล้วที่ซิลจะต้องกลับ

“คุณเจอน้ำหรือป่าว?”

-เมี๊ยว!

ซิลชี้ไปทางซ้ายและบอกด้วยความรวดเร็ว ‘293’

“ขอบคุณผมจะเรียกคุณมาใหม่.”

ผมยกเลิกการเรียกซิลและพูดกับกลุ่ม

“300 เมตรจากที่นี่มีน้ำ.”

เรามุ่งหน้าไปทางที่ซิลชี้ หลังจากที่เราเดินผมก็ได้ถามจุนซาง

“คุณได้เลือกราววัลอะไรของคุณ?”

“400คาม่า ควบคุมออาร่า เอนทรีเลเวล 1”

400คาม่า น้อยกว่าผม

ผมคิดว่ามันเกี่ยวกับวิธีการต่อสู้ของทุกคนในการสอบครั้งแรก.

การซ่อนตัวเพื่อโจมตีของลิงแดง แต่จุนซางที่เป็นนักรบเขาสามารถหลีกเลี่ยงขวานหินนั่นได้อย่างรวดเร็วและก็น๊อคลิงแดงในอึดใจเดียวนั่นเป็นสิ่งที่ผมแน่ใน อย่างไรก็ตามการควบคุมออร่ามันเหมาะกับนักสู้เป็นอย่างมาก.

แต่คำพูดของจุนซางก็ยังออกมาเรื่อยๆ

“ตอนนี้ผมมีเอนทรีเลเวล 4.”

“หืม?”

“แม้ว่าจะไม่มีการสอบแต่มันก็เป็นไปได้ว่าจะสามารถยกระดับจากข้างนอกได้.”

มันเป็นการเปิดเผยที่น่าตกใจ

ต้องขอคุณที่สามารถเพิ่มเลเวลสกิลของคุณได้โดยไม่ใช้คาม่า!

‘หืม? แต่มันมีเวลาแค่11วันในการฝึกออร่า?’

มีคำถามตามต่อจากที่จุนซางพูด

“คุณเพิ่ม3เลเวลใน11วัน?”

“การควบคุมออร่ามีหลักการเดียวกับไทเก๊ก. ผมได้ฝึกบังกัลซาน* และเฟยฉีเตียน* ตลอดชีวิตของผม.”

(TN: Bāguà zhǎng มันก็เหมือนกับเดินจงกลม.มันคล้าย ‘แปดฝ่ามืออรหัน’ Fānziquán คือการต่อยสั้นและรวดเร็ว. มันหมายถึงการ ‘หมุนหมัด’ขณะปล่อยกำปั้น)

ผมตะลึงกับความมหัศจรรย์ของจุนซาง.

พูดอีกอย่างคือถ้าเขาไม่มีพื้นฐานแต่แรกเขาก็ไม่สามารถที่จะยกระดับจากเลเวล1ไปยังเลเวล4!

มันเป็นจุดที่ผมไม่อยากจะเชื่อว่ามันเป็นการสอบครั้งแรก ผมอยากเห็นเขาสู้ดูว่าเขาจะแข็งแกร่งแค่ไหน.

อย่างไรก็ตามผมมีความคิดพื้นฐานอยู่ในหัวว่าเราควรจะต่อสู้อย่างไร

ผมจะยิงจากระยะไกลและอีกสามคนปกป้องแฮซู

‘สุดท้ายแฮซูก็เป็นปัญหา เนื่องจากเธอไม่มีอะไรเลยนอกจากควาแข็งแรงทางกายภาพเลเวล1 และเป็นอีกครั้งนึงเนื่องจากเธอมีสภรรมภาพเท่ากับผู้ชายคนนึงเธออาจจะแข็งแรงกว่าผมหรือดีกว่าผม?’

จุนโฮไม่มีอะไรเลยนอกจากโล่

‘ผมแย่ใจว่าการตัดไม้ให้เป็นหอกมันจะคุ้มค่าหรือไม่?’

จากการคาดเดาของผมหากคู่ต่อสู้เป็นลิงแดงแล้วหอกมันก็เพียงพอ

ผมสงสัยว่าเราเดินมาไกลแค่ไหน?

เรามาถึงแหล่งน้ำ

เราสามารถเห็นกระต่ายที่ดื่มน้ำได้อย่าวรวดเร็วและไป.

“ซิล!”

-เมี๊ยว?

ซิลถูกอัญเชิญ

“จับกระต่ายนั่น!”

-เมี๊ยว!

ซิลลอบเขาไปทางด้านหลังของกระต่านอย่างไร้ร่องรอย.

เพียงครู่เดียวซิลก็กลับมาพร้อมกับคอของกระต่ายอยู่ในปากของเธอ กระต่ายก็ใช้ฟันของมันกัดโต้ตอบแต่มันก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากจั่วลม ตอนนี้ผมถือกระค่ายด้วยการถึงหูของมันจากนั้นผมก็บอกซิล

“คุณสามารถทำให้ลมคมเหมือนกับมีและตัดหลอดเลือดของมันได้ไหม?”

-เมี๊ยว.

ซิลพยักหน้าของเธอ

ผมถือกระต่ายไปข้างแม่น้ำหลังจากนั้นผมก็บอกกับซิล

“ทำมัน”

_-เมี๊ยว!

ลมที่เหมือนกับมีดที่แหลมคมกรีดลงไปบนคอของกระต่าย

ฉัวะ! (เสียงเชือด)

เลือดไหลออกจากคอของกระต่าย กระแสน้ำเปลี่ยนเป็นสีแดง

กระต่ายเอาดิ้นรนในลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนที่มันจะแน่นิ่งไป ผมจับขาและเทเลือดให้ใหลออกจากตัวของมันให้หมด.

“โอ้ เธอมีประโยชน์มาก?”

ปาร์คโกซางเคลื่อนไหวเล็กน้อย

หยุดแค่นี้มันก็โอเคแล้ว แต่แล้วเขาก็เพิ่มคำไร้ประโยชน์เข้ามาอีก

“จากนี้ไปคุณจะต้องรับผิดชอบเรื่องอาหาร.”

หน้าของผมกลายเป็นสีแดงด้วยความโกรธ

‘ไอ้อันพาลนั่น เขาต้องการที่จะออกคำสั่ง?’

ผมมีความเสียใจที่ถูกเขาโจมตีก่อน

ในใจของผมคิดว่าอยากจะกรีดคอของเขา.

‘รอและดู.’

หากฉันถึงขีดสุดเมื่อไหร่

0 0 โหวต
Article Rating
9 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด