ตอนที่แล้วAST บทที่ 81 - ความโศกเศร้าทุกข์ระทม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 83 - ร้านช่างตีเหล็กอัคนีผลาญเมฆา

AST บทที่ 82 - แก่นแท้สกัดทองคำ


บทที่ 82 - แก่นแท้สกัดทองคำ

"พี่สาวเชื่อมั่นและ ให้เวลาข้าสักหน่อย แล้วข้าจะเปลี่ยนแปลงพวกมันเอง"ชิงสุ่ยถูจมูกของเขาในขณะที่เขาพูดด้วยความมุ่งมัน

"เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าจะยอมแต่งงานกับเจ้า!!"อวี้เหอตอบกลับ

หลังจากตกลงร้องขอกันเสร็จสิ้น อวี้เหอทุกอย่างเคร่งครึมถึงว่า "เจ้าต้องฝึกตนให้หนักยิ่งขึ้น อย่าหลงระเริงในความสามารถที่มีอยู่ พี่สาวคนนี้จะไม่ยุ่งเกี่ยวผู้ใดและจะไม่แต่งงานกับใครเด็ดขาด ในอนาคตเมื่อเจ้ามีสถานะและความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ เมื่อวันนั้นมาถึงจะมีผู้หญิงจำนวนมากรอเจ้าอยู่ และเมื่อถึงจุดจุดนั้น ภายในสายตาของเจ้านั้น อาจจะไม่มีค่าอยู่ภายในสายตาแล้ว"

อวี้เหอจ้องมองออกไปภายนอกหน้าต่างอันแสนไกล มองไปยังสุดเส้นขอบฟ้า แผ่นหลังของเธอนั้นปล่อยคลื่นความเหงาและหดหู่อยากช่วยไม่ได้ ชิงสุ่ยรู้สึกราคาถูกเข็มพันเล่มทิ่มแทงเข้าสู่หัวใจ แต่เขาจะทำอะไรได้บ้างล่ะ แม้แต่พูดว่าจะปกป้องเธอนั้นเขาเองจะทำไม่ได้เลย

พลังอำนาจทุกสิ่งทุกอย่างนั้นต่างเกี่ยวข้องกับพลังและอำนาจ แม้ว่าอวี้เหอนั้นจะไม่ได้รักเขาเลยแต่ตราบใดที่เขามีพลังอำนาจที่เพียงพอแล้ว เขาก็สามารถทำทุกอย่างให้เธอมีความสุขได้

ชิงสุ่ยรู้ดีว่าทุกอย่างที่เขาพูดตอนนี้นั้นเป็นเช่นเรื่องเพ้อฝัน หากไม่มีอำนาจอยู่ในมือแล้วนั้นใครจะสามารถสัญญาอะไรได้บ้าง นอกจากนี้การปล่อยให้ผู้หญิงวัยผู้ใหญ่อย่างอวี้เหอนั้นตกหลุมรักเขา ชิงสุ่ยยังไม่อยากเชื่อเลย บางทีเขารู้สึกว่าเขานั้นไม่แข็งแรงพอหรือไม่โตพอที่จะน่าเชื่อถือ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะตกหลุมรักกับผู้ชายที่ขาดคุณสมบัติมากมายหลากหลายประการ ไม่มีความเกลียดชังใดที่ไร้เหตุผล และแน่นอนไม่มีความรักไหนที่ไร้เหตุผลเช่นกัน ผู้หญิงส่วนใหญ่ในดินแดนแห่งนี้มักจะหลงใหลในชายชาตรีที่มีขุมพลัง มันคล้ายคลึงกับตรรกะในโลกใบก่อน คือผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะรักในชายผู้ร่ำรวย

แม้ว่าประโยคสุดท้ายของอวี้เหอมันจะทำให้ชิงสุ่ยอยากสานสัมพันธ์กับเธอ ตอนนี้และที่นี่

"ในอนาคต ถ้าข้าจะตกหลุมรักกับชายผู้หนึ่ง ชายผู้นั้นจะต้องเป็นเจ้า ผิวพรรณของเจ้าที่เรียบเนียนราวกับผิวยกนั้น แม่ผู้หญิงยังต้องอิจฉา รูปลักษณ์ของเจ้านั้นดูดีขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลาที่ข้าได้รู้จักกับเจ้า อีกครั้งทักษะในการจูบของเจ้านั้นอย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย…."

จูบของชิงสุ่ยนี้ เป็นรอยจูบที่เขาไม่เคยฝึกฝนมาก่อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว

ชิงสุ่ยออกจากที่แห่งนี้ไป เขานั้นไม่ได้เกลี่ยกล่อมและเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการ

ความรักจะต้องถูกสร้างขึ้นมาบนพื้นฐานของความชื่นชอบในบางสิ่งบางอย่าง หากไร้ซึ่งความชอบจะเกิดเป็นความรักได้อย่างไร?

ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงแล้ว เขาได้กลับมาถึงร้านโอสถตระกูลชิง เมื่อเห็นสายตาของชิงอี้ ชิงสุ่ยถึงกับหัวเราะอย่างเขินอาย

"ชิงสุ่ย ของแม่โตขึ้นแล้วจริงๆ"ชิงอี้ถอนหายใจอย่างเงียบๆ "อย่างไรก็ตาม ยังมีสตรีบางคนที่ไม่อาจแตะต้องได้ แม้ว่าพวกเธอจะงดงามเพียงใด ตัวตนภายในของพวกเธอนั้นอาจจะเป็นแมงมุมหรือแมงป่องที่มีพิษอยู่ก็เป็นได้ เจ้ายังคงเด็กนัก หัวใจของเจ้านั้นหวั่นไหวได้ง่าย อย่าให้ความงามมันหลอกสายตาของเจ้า"ชิงอี้ดึงมือของชิงสุ่ยขณะที่เธอที่อธิบายอย่างสงบ

ชิงสุ่ยรู้ได้ทันทีว่าชิงอี้หมายถึงอะไร เธอเป็นห่วงว่าเขานั้นจะสูญเสียตัวตนไปเพียงเพราะการหมกมุ่นกับความรักและความงาม ถ้าความอ่อนแอของเขานั้นเกิดจากความต้องการทางเพศ หญิงสาวโฉมงามก็จะสามารถควบคุมตัวตนของเขาได้ง่ายและสุดท้ายมันก็จะจบลงโดยการสร้างรอยบาดแผลไว้ในจิตใจ หรือหากแย่กว่านั้นมันอาจจะเป็นเงาตามตัวเขาไปตลอดกาลก็เป็นได้

"ท่านแม่ ท่านอย่าได้กังวลไปเลย ลูกชายของท่านนั้นฉลาดกว่านั้นมาก"ชิงสุ่ยแสดงรอยยิ้มอันมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง

"ชิงสุ่ย เจ้าเข้าใจในตัวของอวี้เหอมากเพียงใด? แม่จะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับความคิดของเจ้า ถ้าหากเจ้ามีความสามารถเพียงพอ ไม่ว่าใครที่ชอบเจ้า จะไม่มีใครกล้าบอกว่านางเป็นผู้หญิงที่เต็มไปด้วยความอับโชค? ตราบใดที่เจ้ารักนาง และหากนางจริงใจต่อเจ้า แม่จะสนับสนุนเจ้าอย่างแน่นอน ก่อนที่เจ้าจะโตเป็นผู้ใหญ่ แม่เพียงหวังว่า เจ้าจะไม่ใช้ความทุ่มเททั้งหมดเพื่อหญิงงาม"ชิงอี้เตือนยังอบอุ่น

เมื่อมองไปชิงอี้ ชิงสุ่ยทำได้เพียงแค่ตอนหายใจ เธอนั้นได้ฝากความหวังทั้งหมดไว้กับลูกของเธอ ตั้งแต่ในวัยเด็ก ชิงสุ่ยเป็นเด็กไม่มีพ่อ และเขาจะมีวันยอมรับว่าชายผู้นั้นเป็นพ่อของเขา ไม่ว่ามันจะถูกหรือผิด เขานั้นคงคล้ายกับอวี้เหอที่ต้องทนทุกข์ทรมานและได้รับความกดดันอย่างมาก

มีช่วงบ่าย ชิงสุ่ยไปที่หอนางโลมและฝึกฝนการต่อสู้กับเหวินเหรินอูซวง ความชำนาญในด้านกระบี่ของเขานั้นเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆระหว่างการฝึกซ้อมกับเหวินเหรินอูซวง แม้ว่าทักษะกระบี่ที่แท้จริงของเธอจะไม่สามารถนำมาใช้ต่อสู้กับเขาได้ เพราะเธอนั้นเป็นถึงผู้ฝึกตนในระดับปราณเทวะเซียนเทียน แต่มันก็ทำให้ชิงสุ่ยเข้าใจถึงแก่นสารสำคัญ"เจาะทะลวง"ของกระบี่ แกนกลางของวันนั้นมีสาระสำคัญเป็นเพียงแค่คำว่า "แทง"ตราบใดที่เขาสามารถมุ่งความสนใจทั้งหมดไปที่จุดเดียวได้แล้ว เขาสามารถเพิ่มแรงขึ้นไปได้มากถึง 10 เท่า

เช่นเดียวกับตอนนี้ เมื่อเขาพุ่งจิตทั้งหมดของเขาไปที่ปลายกระบี่ เมื่อกระบี่ไม้ของเขาสัมผัสกลับกระบี่หมายของเหวินเหรินอูซวง กระบี่ของเขานั้นทำให้กระบี่ของเธอถึงกับแยกออกเป็น 2 ชิ้น

ภาพที่เกิดขึ้นทำให้ชิงสุ่ยและเหวินเหรินอูซวง ถึงกับอึ้ง ชิงสุ่ยยืนนิ่งเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจากเขา แล้วเขาก็ค้นพบวิธีกระจายแรงออกในทิศทางได้อย่างถูกต้อง ขณะที่เหวินเหรินอูซวงตกใจเพราะนอกเหนือจากเคล็ดกระบี่อิไอโด้แล้ว ชิงสุ่ยยังคงใช้เคล็ดวิชาอื่นด้วย เคล็ดวิชาอื่นๆที่ว่านั้นอยู่ใน " ดินแดงกระบี่แห่งสัจธรรม"

ตอนนี้ชิงสุ่ยยังเข้าใจถึงแก้นสาระในการเคลื่อนไหวอีกด้วย ถ้าหากเขาบรรลุระดับปราณเทวะเซียนเทียน และใช้พลังปราณเสริมพลังให้กับอาวุธของเขา สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอนได้คือเขาสามารถเจาะผ่านเกาะต่างๆได้อย่างง่ายดายราวกับใบมีดที่ร้อนระอุ

ในยามราตรีชิงสุ่ยกลับเข้าสู่ดินแดนหยกยุพราชอมตะอีกครั้ง ก่อนที่เขากำลังจะเริ่มฝึกตน เขามองไปเห็นหินก้อนสีดำที่เขาซื้อมาจากชายชราก่อนหน้านี้ มีหยดน้ำปรากฏขึ้นบนผิวของหินสีดำก้อนนั้น แต่ไม่มีสัญญาณว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไปเป็นสิ่งใดทั้งสิ้น

เพียงแค่เดินไปไม่กี่ก้าวเขาก็ขว้าหินสีดำขึ้นมาบนมือ อยู่ก็มีความคิดประหลาดปรากฏขึ้น ข้ายังไม่ลองใช้เคล็ดเปลวเพลิงแรกเริ่มกับมัน?

และแล้วชิงสุ่ยก็ตัดสินใจที่จะใช้ชุดวิชาเปลวเพลิงเพื่อทดสอบการเปลี่ยนแปลงของหินดำตอนนี้

เมื่อเริ่มโคจรพลังปราณทั้ง 48 รอบของเคล็ดกายาบรรพกาลและเริ่มต้นใช้เคล็ดวิชาโบราณการเปลวเพลิงแห่งหยิน-หยาง เปลวเพลิงแรกเริ่มสีเทาเริ่มปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเขา หินสีดำเริ่มถูกล้อมรอบไปด้วยเปลวเพลิง

จากนั้นในเวลาไม่ช้านาน ชิงสุ่ยเริ่มค้นพบว่าบางส่วนของหินนั้นเริ่มละลายออกจากเนื้อหิน ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

"อันที่จริง ข้านั้นคาดเดาได้อย่างถูกต้องจริงๆ ว่าเปลวเพลิงโบราณการ หยิน-หยาง สามารถหลอมละลายได้ทุกสิ่งทุกอย่าง"

ร่างกายของเขานั้นได้ใช้พลังปราณไปจนเกือบหมด พอจึงเริ่มนั่งลง และฟื้นคืนสภาพร่างกายให้อย่างรวดเร็ว ก็ที่เขาจะกลับไปใช้เปลวเพลิงแรกเริ่มอีกครั้ง

ขั้นตอนการปรับแต่งยังคงเดินหน้าต่อไป ในที่สุดแล้วชั้นสีดำส่วนหนึ่งของหินตัวถูกละลายออกไป ในตอนนี้มันเริ่มปรากฏให้เห็นสีเหลืองแวววาววับภายในหินสีดำ สีของหินเริ่มกลายเป็นสีเหลืองดำคล้ำ มันทำให้ชิงสุ่ยถึงกับเกาศีรษะตัวเองด้วยความตื่นตะหนก นี่มันอะไรกัน ตอนแรกคิดว่ามันจะเป็น แก่นแท้แห่งโลหะ เสียอีก สีเหลืองที่ปรากฏขึ้นนั้นมันก็หมายถึงว่ามันเป็นไปไม่ได้เลยที่เห็นดำนี้จะเป็นแก่นแท้แห่งโลหะ!!!

แก่นแท้สกัดทองแดง? ชิงสุ่ยค่อนข้างสับสนในขณะที่เขายังคงเดินหน้าปรับแต่งต่อไป

ชิงสุ่ยใช้เวลาที่เหลือในขณะปรับแต่งอย่างเป็นประโยชน์ เขานั้นทั้งฝึกฝนบ่มเพาะเคล็ดวิชาอย่างอื่นของเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็น มันอสูรสันโดษ หรือแม้กระทั่งก้าวไร้วิญญาณ

หลังจาก 3 วันผ่านไปภายใต้ดินแดนหยกยุพราชอมตะ ชิงสุ่ยผู้ว่าหินเปลี่ยนสีครั้ง จากครั้งก่อนสีเหลืองดำหมองคล้ำ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองม่วงบ้างบางส่วน

หลังจากผ่านไปอีก 3 วัน สีเหลืองม่วงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทอง

หลังจากปรากฏสีเหลืองทองขึ้นมา ชิงสุ่ยสามารถสรุปได้ชัดเจนเลยว่ามันไม่ใช่แก่นแท้สกัดทองแดงอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามสิ่งนี้อาจจะเป็น แก่นแท้สกัดทองคำ หากของที่ออกมานั้นเป็นสีทองทั้งหมด

แก่นแท้สกัดทองคำนั้นเปรียบได้ดังรูปลักษณ์ของทองคำบริสุทธิ์ เมื่อมองไปยังชิ้นส่วนแก่นแท้สกัดทองคำนั้น ชิงสุ่ยรู้ว่า เพื่อที่จะได้ทองคำสกัดนั้น จะต้องใช้ทองคำอย่างน้อย 100 ตันเพื่อสร้างมันออกมา

ชิงสุ่ยซึ่งราวกับถูกฟ้าผ่า

เมื่อมองดูแก่นแท้สกัดทองคำอันล้ำค่าเช่นนี้ ชิงสุ่ยถึงกับอ้าปากค้าง ถ้าต้องการแจ้งแท่งโลหะ จะต้องใช้โลหะจำนวนกว่า 100 ตันเพื่อสกัดมัน ราคาของแก่นแท้โลหะนั้นจะต้องมากกว่าราคาของโลหะ 100 ตัน เช่นเดียวกันกับแก่นแท้สกัดทองคำ เขาประมาณเข้าค่ายได้ว่า ชิ้นแก่นแท้สกัดทองที่อยู่ในเมืองเขานั้นมีมูลค่าอย่างน้อยที่สุดประมาณ 2 ล้านเหรียญทองคำ

0 0 โหวต
Article Rating
9 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด