ตอนที่แล้วบทที่ 34: การหยิบยืมและการเอาไป (อ่านฟรีวันที่2มิถุนายน)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 36: ต่ำกว่าสองสามกระบวนท่า (อ่านฟรีวันที่ 8มิถุนายน)

บทที่ 35: เทคนิคต้องห้ามร่างแปลงปีศาจ (อ่านฟรีวันที่ 5มิถุนายน)


บทที่ 35: เทคนิคต้องห้ามร่างแปลงปีศาจ

เมื่อเผชิญหน้ากับทัศนคติที่หยิ่งและก้าวร้าวของพ่อเฒ่าสำนักเซียนกระบี่แล้วสำนักวิชากู่เจวี้ยวซินจะทนได้อย่างไร?

"ดีมาก!

เจริ้นซ่านลุกขึ้นยืนตะโกนทันทีว่า "ท่านเป็นคนพูดเองนะ?อย่าคิดเปลี่ยนใจทีหลังละกัน"

"เมื่อคำมั่นได้พูดออกไปแล้วแม้กระทั่งม้าขนส่งสี่ตัวก็อย่าหวังได้ตามทัน!" (Tl: สำนวนเดียวกัน: เขาจะรักษาสัญญาของเขาไว้)

หลังจากพูดจบเจริ้นซ่านก็จ้องไปทางตี้จร้างเหมิ่น

มันเป็นเรื่องของชื่อเสียงและมันก็มาถึงจุดที่เขาไม่สามารถปฏิเสธได้ ตี้จร้างเหมิ่นทำใจแข็งและพยักหน้าเบา ๆ

"เนื่องจากผู้อาวุอาวุโสน้อยได้ตัดสินใจแล้วที่จะมีการท้าประลองข้าจึงไม่สามารถปฏิเสธได้ "เจริ้นซ่าน!" ตี้จร้างเหมิ่นกล่าว

“ครับ?ท่านผู้นำสูงสุด” เจริ้นซ่านลุกขึ้นยืนทันที

"ไปพาลูกศิษย์ออกมา"

หลังจากที่เจริ้นซ่านได้ยินเช่นนี้คิ้วของเขาก็รัดแน่นขึ้น "ทำไมเราจะต้องยอมตกลงประลองครั้งนี้?"

"หยุดพูดจาไร้สาระของเจ้าและรีบไปซะ!"ตี้จร้างเหมิ่นตะโกน

เจริ้นซ่านมองไปที่สาวกหญิงข้างเสี่ยวเฉินหมิงแล้วลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็เดินไปที่ด้านข้างของห้องโถงเพื่อเรียกลูกศิษย์ข้างล่าง

ทันทีที่เขาเรียกมาสาวกชายรูปร่างสูงและผอมบางแต่งตัวอย่างหรูหราในชุดคลุมที่คล่องแคล่วปรากฏอย่างรวดเร็วมาที่มาถึงบริเวณ

สาวกชายไม่มีอาวุธ แต่มือของเขามีถุงมือสองข้าง เขามีรูปร่างเหมือนดั่งกระจกซึ่งทำให้เขาดูเปราะบางมาก อย่างไรก็ตามร่างกายของเขาโอบล้อมไปด้วยพลังอันยอดเยี่ยม

"ศิษย์หลินจื่อขอคาราวะท่านผู้นำสูงสุดตี้จร้าเหมิ่นท่านผู้อาวุโสใหญ่กับท่านผู้อาวุโสอันดับสอง"

“อืมม.”

ใบหน้าอันตึงเครียจของตี้จร้างเหมิ้นในที่สุดก็แสดงให้เห็นถึงรอยยิ้ม จากนั้นเขาก็กล่าวว่า "นี่คือแขกจากสำนักเซียนกระบี่มาคุยเรื่องสำคัญกับข้า อย่างไรก็ดีพวกเขายังถูกส่งมาเรียนรู้ทักษะและประสบการณ์ ดังนั้นศิษย์เอ๋ยเจ้าต้องใช้การฝึกฝนในรอบหลายปีมานี้เพื่อแสดงทักษะของเจ้าและแลกเปลี่ยนกับพวกเขา ... อย่างระมัดระวัง "

"ขอรับ,ท่านผู้นำ! ข้าเข้าใจแล้ว "หลินจื่อส่งเสียงออกมา

“จำไว้! เจ้าคือตัวแทนของสำนักวิชากู่เจวี้ยวซิน!”

"ข้าน้อยจะตั้งใจด้วยเกียรติคำบัญชาของท่านผู้นำสูงสุดอย่างสุดความสามารถ" หลินจื่อโผล่ออกมาและหันไปทางเสี่ยวเฉินหมิงเพื่อวิเคราะห์ฝ่ายตรงข้ามของเขา

"มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?" เสี่ยวเฉินหมิงกล่าวด้วยรอยยิ้มกว้าง ๆ บนใบหน้าของเขาในขณะที่เขากำลังมองไปที่ ไป๋เอี้ยนซาน

ไป๋เอี้ยนซานไม่ได้พูดนางก้าวไปข้างหน้า

"โปรด" เรียกข้าว่า หลินจื่อ

"ข้าไป๋เอี้ยนซาน

สาวกสองคนนั้นออกไปจากห้องโถงใหญ่ พวกเขามาถึงเขตพื้นที่โล่งของสำนักวิชากู่เจวี้ยวซินหลังประตูใหญ่

ผู้นำสูงสุดและผู้อาวุโสใหญ่ทั้งสองคนเดินตามอย่างรวดเร็ว ขณะที่พวกเขามาถึงพวกสาวกของสำนักวิชากู่เจวี้ยวซินมารวมตัวกันมากขึ้นอยู่รอบนอกสนาม พวกเขารู้สึกตื่นเต้นกับการต่อสู้ที่พวกเขากำลังจะมาเป็นสักขีพยาน ...

ในขณะเดียวกันที่อีกช่องทางเปิดที่ด้านล่างของภูเขา

มีอาคมขนาดใหญ่ที่มีเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าสิบเมตร

อาคมเลือดมีความซับซ้อนมาก ตามความจริงมีหลายร้อยภาพของสัตว์อสูรที่หลากสีอยู่ด้านบนของอาคม ทำให้เกิดบรรยากาศแปลกๆผิดธรรมดาและน่าขนลุก เป็นโครงสร้างอาคมขนาดใหญ่ในพื้นที่นั้น

ในตอนท้ายของอาคมใหญ่มีเรือนร่างที่สวมเสื้อผ้าสีดำพร้อมด้วยดาบ เขากำลังถือหัวใจสัตว์อสูรอยู่ซึ่งเขากำลังบีบมืออยู่ตลอดเวลา เลือดไหลซึมออกจากหัวใจและหยดลงบนพื้น เมื่อเลือดหยดลงก็เริ่มทำสัญลักษณ์วาดภาพของอาคมที่ยิ่งใหญ่

ในที่สุดการวาดเส้นสุดท้ายของอาคมก็เสร็จสิ้น

วิ้งงงง!!

ซูหยุนจับลมหายใจของเขา เทคนิคนี้เป็นส่วนหนึ่งของ "เทคนิคปีศาจจันทรา" ซึ่งจำเป็นต้องใช้เลือดจำนวนมหาศาลจากสัตว์อสูรที่มีพลัง

เพื่อทำภาระกิจให้ลุล่วงเขาได้นำเสื้อผ้าของนักดาบมาปลอมตัว หากมีใครจำใบหน้าของเขาได้ในอนาคตจะทำให้เกิดปัญหาตามมา

ทุกอย่างพร้อมแล้ว เขาได้วางวัสดุที่เขารวบรวมไว้ก่อนหน้านี้ในแต่ละมุมของ "อาคมโลหิตวิถีฟ้า" เขารู้ว่าหลังจากวางทุกอย่างในตำแหน่งที่ถูกต้องแล้วเขาจะสามารถเปิดใช้งานได้

หลังจากที่เขาวางวัสดุอย่างระมัดระวังในที่ต่างๆแล้วเขาก็เริ่มในแต่ละส่วนที่ซับซ้อนและยากที่สุด

เติมอาคม

กระบวนการนี้ทำให้ซูหยุนเหนื่อยล้า โชคดีที่ซูหยุนคุ้นเคยกับอาคมนี้ดังนั้นเขาจึงจัดการเสร็จสิ้นหลังจากพยายามอย่างหนัก

ไม่นานหลังจากนั้นเขาหยิบผลึกสวรรค์และเริ่มรออย่างเงียบ ๆ

อาคมขนาดใหญ่เริ่มปล่อยกลิ่นอายของเลือดเพิ่มมากขึ้นและหนาขึ้น

"โอ้วว ...อะไรกัน กลิ่นอายเลือดที่ทรงแบบพลังนี้,เจ้าเด็กนี่คิดจะทำอะไร ... เขาใช้อาคมนี้เพื่ออะไร?"

เป็นอีกครั้งที่ผู้อาวุโสใน [เคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง] ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นจากการนอนหลับของเขา จู่ ๆ เขาก็ถามซูหยุนเนื่องจากเขารู้สึกกลัวเล็กน้อยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

"เทคนิคปีศาจระดับดับ 8: อาคมโลหิตครอบงำปีศาจ!" ซูหยุนตอบ

"ปีศาจ ... เทคนิคปีศาจ ... จะ ... เจ้ายังไม่ถึงเขตแดนผลิวิญญาณ แล้วทำไมเจ้าถึงรู้เกี่ยวกับเทคนิคปีศาจ? จะ ... เจ้าป็นใครกันแน่? เจ้าหนู... เจ้าพยายามที่จะทำอะไรกันแน่? " ผู้อาวุโสกระบี่ถามอย่างตะลึง

"ใจเย็นๆท่านผู้อาวุโสกระบี่ข้าก็เป็นแค่ซูหยุน!"

ซูหยุนควบคุมลมหายใจสูดเข้าลึกมุ่งเน้นไปที่ผลึกสวรรค์ เมื่อเขามองไปที่ผลึกสีดำมันก็กระพริบด้วยแสงเจิดจ้า จากนั้นผลึกก็เปลี่ยนเป็นสีดำอีกครั้ง

"ถึงเวลาแล้ว" ซูหยุนกล่าว

"เจ้าพยายามจะทำอะไร?" ผู้อาวุโสกระบี่ถาม

"กลั่นมัน!"

หลังจากซูหยุนกล่าวผลึกสวรรค์ก็เริ่มหมุนวนอยู่เหนืออาคมโลหิตอันมโหราฬ จากนั้นอาคมโลหิตปีศาจเริ่มทำงาน

วูบบวูบบ !!!

แสงจางลงและลมจากผลึกที่หมุนวนลดลงสายเลือดสีแดงของเลือดจากอาคมเริ่มเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจากพื้นดินและหมุนรอบผลึกสวรรค์ คลื่นหลังจากคลื่นของเลือดหมุนวนขึ้นมา

ผลึกสวรรค์กลายเป็นสีแดงเข้มอีกครั้ง

"ปีศาจ ... เทคนิคปีศาจ ... " ผู้อาวุโสกระบี่กล่าวว่า

ผู้อาวุโสกระบี่มีประสบการณ์เป็นอย่างมากเมื่อเดินทางไปทั่วทวีปปีศาจ เทคนิคปีศาจที่แสดงให้เห็นเมื่อกี้มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เห็น

เมื่อซูหยุนจับผลึกสีแดงเข้มแดงขึ้นมาแล้วยัดใส่ไว้บนหน้าอกของเขาอีกครั้ง

เปรี้ยะๆๆๆๆชี๊ๆๆๆ! ! !

ทันใดนั้นมีเสียงโหยหวนเกิดขึ้น ผลึกกำลังเผาร่างของซูหยุนขณะที่มันถูกใช้งาน

ผลึกสวรรค์ได้ผสานอย่างรวดเร็วเข้ากับหน้าอกของเขาและรูปแบบเส้นเลือดเริ่มก่อตัวขึ้น อย่างไรก็ตามมันก็แตกต่างจากสีทองที่เกิดขึ้นในระหว่างเหตุการณ์ในหุบเขาจันทร์เสี้ยว คราวนี้ผลึกสวรรค์กำลังเปล่งแสงสีแดงเลือดอันชั่วร้าย

"กลิ่นอายจิตวิญญาณนี้ ......สุดยอดไปเลย! ทรงพลังมาก! เจ้าหนู! เจ้ามันบ้า! "เจ้าพยายามจะทำอะไร?" เจ้าจะทำลายสำนักวิชากู่เจวี้ยวซิน? "

ผู้อาวุโสกระบี่แทบสั่นขณะที่เขาเปล่งเสียงด้วยความกังวลของเขา

ซูหยุนกัดฟันของเขา ดวงตาทั้งสองข้างของเขาบัดนี้กลายเป็นสีแดงเลือดและมีจารึกดอกบัวโลหิตปรากฏบนหน้าผากของเขา ร่างของเขาถูกปกคลุมไปด้วยหมอกสีแดงจาง ๆ เปล่งประกายระยิบระยับระลานตา เขาดูราวกับว่าเขาเป็นเทพปีศาจ

ผู้อาวุโส!” ซูยองหายใจลึก ๆ เสียงที่เขาพูดนั้นคล้ายกับเทพปีศาจ

"เจ้าหนูนี่เจ้า ... "

"สำนักวิชากู่เจวี้ยวซินอาจเป็นนิกายเล็ก ๆแต่มีอัจฉริยะอยู่ภายใน คราวนี้ข้าตั้งใจที่จะสู้กับผู้นำสูงสุดดังนั้นถ้าข้าไม่สามารถใช้พลังเต็มรูปแบบของผลึกสวรรค์ได้ข้าก็คงไม่สามารถทำสำเร็จ ดังนั้นข้าจึงใช้เทคนิคปีศาจระดับ 8: อาคมโลหิตปีศาจซึ่งทำให้ข้าสามารถใช้พลังของผลึกสวรรค์ได้อีกครั้ง นอกจากนี้ข้ายังไม่รู้ว่าสำนักเซียนกระบี่ยังค้นหาข้าอยู่เรื่อย ๆ ดังนั้นข้าจะเสี่ยงที่จะใช้มัน อย่างไรก็ตามข้าต้องการจะบอกท่านว่าผู้อาวุโสกระบี่ที่ข้าทำสิ่งต่างๆข้าล้วนมีเป้าหมาย ... ข้าจะไม่ทิ้งสิ่งใดที่เป็นโอกาส "

"จะ ... เจ้าไม่กลัวที่จะกลายเป็นปีศาจ?" ผู้อาวุโสกระบี่ถามอย่างกระวนกระวาย

"กลายเป็นปีศาจ?" ซูหยุนครุ่นคิดนิดหน่อย หลังจากนั้นไม่นานปากของเขาก็ยิ้มขึ้น

"เมื่อนานมาแล้วข้าได้กลายเป็นปีศาจ ... " ซูหยุนยอมรับ

หลังจากที่ผู้อาวุโสกระบี่ได้ยินเรื่องนี้เขายังคงนิ่งอยู่เป็นเวลานาน แล้วเขาก็พูด

"หัวใจของข้าฝังแน่นไปด้วยความทุกข์"

"ซึ่งไม่มีการครอบงำข้าอาจจะไม่ได้ยืนอยู่ที่นี่ในวันนี้."

ผู้อาวุโสกระบี่ไม่เข้าใจคำพูดของเขาและคงไม่เข้าใจคำพูดเหล่านี้

"นั่นคือกรณีนี้,ใช่นี่มันวิเศษไปเลย" ผู้อาวุโสกระบี่พูด

ซูหยุนพยักหน้า: "ผู้อาวุโสท่านใช้พลังชีวิตมากแล้ว ท่านควรรีบกลับไปที่คัมภีร์ <เคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง> "

ระวังตัวด้วยนะ! หลังจากพูดจบผู้อาวุโสกระบี่ก็รีบกลับไปที่คัมภีร์

ซูหยุนสูดลมหายใจเข้ามาอีกครั้ง จากนั้นเขาหยิบหน้ากากโลหะจากแหวนมิติที่เขาเตรียมไว้ล่วงหน้า เขากลบใบหน้าของเขาและเอาดาบสลักมังกรวารีออกจากปลอกดาบนิรันดร์ของเขา

เขาแทงมันลงไปที่พื้น

พลังงานกระบี่วิญญาณอันรุนแรงถูกปล่อยออกมาจากดาบสลักมังกรวารีปะทะเข้ากับกลุ่มเลือด พลังงานหายวับเข้าไปใน อาคมโลหิตปีศาจ

ทันใดนั้นหมอกเลือดก็ลอยขึ้นไปในอากาศและพุ่งเข้าไปที่ดาบ มันเริ่มหมุนวนรอบใบมีด

<เคล็ดวิชากระบี่ไร้สรรพสิ่ง > รูปแบบดาบแรก: สิบล้านกระบี่เทวะ

คำราม! ! !โฮกกกกก!!!

เสียงคำรามสั่นสะเทือนผืนปฐพีแตกละเอียดเป็นผุยผงทั้งภูเขาใกล้ๆกับสำนักวิชากู่เจวี้ยวซิน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด