ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 2: กายศักดิ์สิทธิ์ชีพจรเก้าหยาง

บทที่1 : นักเรียนอ่อนแอที่มีพรสวรรค์


บทที่ 1: นักเรียนอ่อนแอที่มีพรสวรรค์

 

“ถังเจิ้ง แกไอ้คนจน คืนเงินห้องที่ขโมยไปมาเดียวนี้!!”

 

“เมื่อไม่นานมานี้ ฉันได้ยินมาว่าปู่แก้ไม่สบาย แกต้องขโมยไปรักษาปู่ของแกแน่ คนจนๆอย่างแก มาอยู่ในห้องนี้ถือว่าเป็นความอัปยศมาก”

 

“แกยังคงยังคิดว่าตัวเองเป็นนักเรียนดีเด่นอยู่สินะ จริงอยู่เมื่อก่อนแกเป็นที่หนึ่งของเมืองนี้ แต่ตอนนี้แกเป็นไอ้โง่อันดับหนึ่งนับจากท้ายวะ โรงเรียนควรไล่แกออกได้แล้ว”

 

มองไปที่ท่าทางอันต่ำช้ากับเสียงด่าทอมากมายที่เข้ามาในหูเขา ถังเจิ้งกัดริมฝีปากและตะโกนว่า “ฉันไม่ได้ขโมยเงินไป!!”เขาตอบอย่างแน่วแน่ขณะที่หน้าแดง

 

“อย่าพูดไร้สาระ ถ้าแกไม่ได้ขโมยแล้วใครขโมย?ในช่วงที่คนอื่นไปเรียนพละก็มีแต่แกคนเดียวที่อยู่ในห้อง นอกจากแกแล้วคนอื่นเป็นลูกคนรวยหมด แล้วทำไมพวกเราต้องขโมยเศษเงินในสายตาเราด้วย มีแต่แกที่เป็นลูกคนจนหรือแกจะแก้ตัวโง่ๆว่าเงินมันงอกขาแล้วหนีไปเอง?”

 

“เฉียว เฟ่ย นายพูดโกหก”ถังเจิ่ง พูดด้วยตาแดงกร่ำ ก็จริงอยู่ที่เขาเป็น

คนจนและปู่เขาก็กำลังป่วย แต่ว่าตั้งแต่เมื่อก่อนจนตอนนี้เขาก็ไม่เคยขโมยแม้แต่ครั้งเดียว

 

ตั้งแต่เด็ก ปู่เขาก็สอนตลอดว่าถึงแม่เราจะจนแต่เราก็ต้องมีความซื่อสัตว์ ไม่ขโมยข้าวของใครนี้เป็นสิ่งพื้นฐานที่มนุษย์ต้องมี

 

ถังเจิ้ง เป็นลูกของครอบครัวจนๆคนหนึ่งที่ได้รับการพิจารณาว่าเป็นอัจฉริยะ เขามีความสามารถในเรียนรู้ซึ่งมันทำให้เขายืนอยู่เหนือคนอื่นได้ ปีที่ผ่านมาระหว่างการสอบเขาได้อันดับหนึ่งในเมือง ทำให้เขาได้เข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติ Peng Cheng โดยมีไม่ต้องจ่ายค่าเล่าเรียนทั้งหมด

 

ตอนแรก ถังเจิ้งได้ทำตามที่หวังไว้ สองปีต่อมาหลังจากที่เขาเข้าเรียน ก็สอบได้ที่หนึ่งตลอด เขาเป็นนักเรียนตัวอย่าง

 

อย่างไรก็ตาม หลังจากขึ้นปีสุดท้ายระดับมัธยมปลายได้ไม่นาน ขณะกลับบ้านจากโรงเรียนเขาถูกลอบทำร้ายและได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ตั้งแต่นั้นมาเขาก็ต้องเผชิญกับความเจ็บปวด เมื่อใดก็ตามที่เขาพยายามตอบคำถามเขาจะปวดหัวมาก นอกจากนี้ความสามารถในการจดจำของเขาก็แย่ลงมาก จากที่เมื่อก่อนจะจำอะไรก็ง่ายดาย แต่ตอนนี้การจะลืมอะไรสักอย่างนั่นง่ายมาก

 

จงถึงตอนนี้ก็ยังไม่หาย และตอนนี้ใกล้จะครึ่งเทอมแล้วแต่เขาก็ยังไม่สามารถรักษามันได้ ทุกครั้งที่มีการสอบ เขาจะได้ที่โหล่

 

เขารู้ราวกับร่วงจากสวรรค์ลงนรก พวกเพื่อนๆของเขาก็กลายเป็นเหินห่าง พวกที่ตอนแรกอิจฉาเขาก็มีความสุขกับความทุกข์ของเขา

 

แต่ก็เขาก็ยังคงไม่ยอมแพ้ หลายต่อหลายครั้งที่เขาพยายามเรียน แต่ทุกๆครั้งเขาจะรู้สึกปวดหัวราวกับมันจะแตกเป็นเสี่ยงๆจนเขาแทบจะหมดสติ

 

วันนี้ในช่วงที่เวลาผ่านไปหกร้อยเหรียญได้หายตัวไปอย่างฉับพลัน และในเวลานั้นหัวของเขากำลังปวด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ไปเรียนพละ ด้วยเหตุนี้หัวหน้าห้อง เฉียวเฟ่ย จึงยืนกรานว่าเขาเป็นคนที่ขโมยเงินไป

 

“เฉียวเฟ่ย ถังเจิ้งเป็นคนซื่อตรงแล่วซื่อสัตย์ แล้วเขาจะกลายเป็คนขอโมยได้ยังไง?”เสียงที่มีเสนย์ของ ฟางซือซือ ที่คล้ายกับเสียงของ skylark (นกจาบฝนเสียงสวรรค์) ดังขึ้นขณะที่เธอเดินเข้ามา

 

ถังเจิ้ง ส่งสายตาของคุณไปให้ ฟางซือ ได้ยิ้มตอบกลับราวกับว่ามีดอกไม้นับร้อยเบ่งบานออกมาเป็นฉากหลังรอยยิ้มนั้น ซึ่งทำให้ลมหายใจของทุกคนที่มองถี่ขึ้น

 

พื้นเพของครอบครัวฟางซือซือ ไม่ใช้แค่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลเท่านั้น แม้แต่ในโรงเรียนเธอก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เมื่อก่อนผลการเรียนของเธอเป็นที่สองรองจากถังเจิ้ง แต่หลังจากถังเจิ้งได้รับบาดเจ็บ เธอก็ได้ครองอับดับหนึ่งแทน

 

แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจจากผู้คนอย่างแท้จริงคือรูปลักษณ์ที่สวยงามของเธอ เพราะเธอเป็นหนึ่งในสองสาวที่สวยที่สุดประจำโรงเรียน ซึ่งมีนักเรียนหลายคนฝันถึงการได้เป็นแฟนกับเธอ

 

แม้แต่เฉียวเฟ่ย ยังชอบฟางซือซือ เขาเคยป่าวประกาศว่าจะจีบเธอ แต่ก็ถูกปฏิเสธ แม้กระนั้นเขาก็ยังคงไม่ทิ้งความตั้งใจอันชั่วร้ายและมักปรารถนาตัวเธอ

 

ความอิจฉาได้เกิดขึ้นภายในใจเขา ขณะที่เขาเห็นเธอปกป้องถังเจิ้ง

 

เฉียวเฟ่ย กล่าวอย่างเย็นชา “เขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์? ทำไมฉันไม่รู้? จะมีคนจนสักกี่คนที่ซื่อสัตย์จริงๆ เธอไม่เห็นบรรดาคนจนเหล่านี้ในข่าวที่ทำตัวเหมือนสุนัขและขโมยเหมือนคนขี้ขลาด อาชญากรมีจำนวนน้อยหรือ?”

 

“เฉียวเฟ่ย พูดถูกแล้ว” ฝูงชนรอบๆออกความเห็นด้วยความไม่พอใจ

โรงเรียนนานาชาติ Peng Cheng เป็นโรงเรียนของคนรวย มีแกะดำคนเดียวคือถังเจิ้ง

 

ถังเจิ้งจ้องเขม็งไปที่พวกเขา “เฉียวเฟ่ย เป็นคนจนแล้วมันต้องขโมยใช้ไหม?คนจนก็มีความซื่อสัตย์!ฉันบอกว่าไม่ได้ทำ ก็คือทำก็ไม่ได้ทำ!!”

 

“"อ่า ... แกกล้าที่จะตะโกนใส่ฉัน คนจนก็คือคนจำอยู่วันยังค่ำ อะไร? แกยังไม่เลิกจ้องฉันอีก? แกต้องการตีฉัน? เอาสิ มาเลย!!” เฉียวเฟ่ยยื่นหน้าเข้าไปใกล้อย่างหยิ่งยะโส

 

ฝูงชนจ้องไปที่ ถังเจิ้ง อย่างยั่วเย้า เพราะเขาเป็นนักเรียนที่ไม่ดื้อและไม่เคยทำผิดมาก่อน พวกเขามองว่าเขาเป็นคนอ่อนแอและปัญญาอ่อน”

 

ยิ่งกว่านั้นร่างกายของ เฉียวเฟ่ย แข็งแรงและสูงถึง180เซนติเมตร ขณะที่ ถังเจิ้ง สูงเพียง170เซนติเมตร ความแตกต่างใหญ่เกินไป ด้วยเหตุผลนี้ เฉียวเฟ่ย จึงคิดว่า ถังเจิ้ง ไม่กล้าทำแน่ๆ

 

ฟางซือซือ ย่นจมูกอันละเอียดอ่อนของเธอและแนะนำว่า “เฉียวเฟ่ย ทุกคนที่นี่เป็นเพื่อนร่วมชั้น ไม่ควรทำแบบนี้”

 

“ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย ถังเจิ้ง แกไม่ได้คิดจะตีฉัน? ฉันให้โอกาสแกแล้วนี้ไง”เฉียวเฟ่ย พูดด้วยความเย่อหยิ่ง เขามั่นใจว่าถังเจิ้งจะไม่กล้าทำร้ายเขา เช่นนี้จะทำให้เขาดูมีอำนาจมากขึ้นเช่นพระเจ้าในหมู่มนุษย์

 

“ถังเจิ้ง ไม่ต้องสนใจเขา ฉันเชื่อว่าคุณไม่ได้ขโมยเงิน”ฟางซือซือ ปลอบเขา อย่างไรก็ตามขณะที่เธอหันทางเขา สิ่งที่เธอเห็นคือกำปั้นพุ่งไปกระแทกกับใบหน้าเฉียวเฟ่ย

“อ่า!”

 

เฉียวเฟ่ย ร้องไห้อย่างน่าสมเพจ ขณะที่เขาจับจมูกที่กำลังมีเลือดไหลของเขา

 

ฝูงชนสูดหายใจอย่างหนาวเหน็บ จ้องมองที่ ถังเจิ้ง ราวกับว่าพวกเขาเห็นผี ... เขา....เขากล้าทำจริงๆ!

 

“จัดการมันให้ฉัน!กระทืบมันซะ!!” เฉียวเฟ่ยคำราม ลูกน้องเขาไม่กี่คนได้วิ่งเข้าใส่ ถังเจิ้ง

 

ถังเจิ้ง รีบป้องกันศีรษะของเขา ขณะที่ฝนหมัดได้กระหน่ำใส่ร่างของเขา เขากัดริมฝีปากด้วยตาที่แดง เขาไม่ได้ร้องขณะที่สายตาเขาจ้องเขม็งไปที่ เฉียวเฟ่ย

 

“ฆ่ามัน! ฉันต้องการให้ไอ้บ้านนอกนี้ตาย และฉันก็ต้องการให้ปู่ของมันตายด้วย”เฉียวเฟ่ย ตะโกนด้วยความโกรธ ตั้งแต่ยังเด็กเขาใช้ชีวิตเหมือนเจ้าชาย เขาไม่เคยโดนแบบนี้มาก่อน นอกจากนี้ยังต่อหน้าของฟางซือซือ เขาได้เสียหน้าอย่างสมบูรณ์ ถ้าเขาไม่กู้หน้ากลับมาตอนนี้ เขาจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต?

 

ทันใดนั้นดวงตาของถังเจิ้งก็ก็เบิกกว้างขึ้น ปู่เขาเป็นญาติเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ ถ้าใครกล้าที่จะทำอะไรกับคุณปู่ของเขา เขาจะไม่ปล่อยให้มันทำแน่

เขาเป็นเหมือนเสือดาวที่กระโจนออกมาจากวงล้อม แล้วตรงไปที่ เฉียวเฟ่ย ความสูงระหว่างคนทั้งสองเห็นได้ชัด แต่สำหรับ ถังเจิ้ง ที่ฝึกวิ่งมานานหลายปี ร่างกายเขามีประสิทธิภาพดีกว่า เฉียวเฟ่ย ที่อาศัยอยู่เหมือนเจ้าชาย ความแข็งแรงของเขามากกว่า และมีทั้งมือและเท้าที่ใช้ทำงาน เพียงไม่นานหน้าของ เฉียวเฟ่ย ก็เหมือนหมู

 

ฝูงชนสับสน ถังเจิ้ง...หมอนี่ ... เมื่อไหร่กันที่เขากลายเป็นคนที่ดุร้ายขนาดนี้?

 

ฟางซือซือ เปิดแล้วก็ปิดปากของเธอ เห็น เฉียวเฟ่ย ที่ใบหน้าเหมือนหมู ความรู้สึกที่เธอเก็บซ่อนไว้เหมือนได้ปลดปล่อยบางส่วน เป็นเพราะ เฉียวเฟ่ย เคยคุกคามเธอ จนถึงจุดที่ต้องทดสอบความอดทนของเธอ

 

“นายกำลังทำอะไร? หยุดเดียวนี้!”ทันใดนั้นเสียงดังสนั่นขึ้นมา ทำให้หัวใจทุกคนสั่นสะเทือนจิตใจของพวกเขาบอกว่า แม่มดเฒ่าได้ปรากฏตัวขึ้นแล้ว(@มาช้ายังกับตำรวจไทย)

 

แม่มดเฒ่าเป็นครูของห้อง วูชุยฮง เธออายุไม่เพียงอายุ50ปีเธอ ยังมีเอวและต้นขาขนาดใหญ่พร้อมกับบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ทำให้ทุกคนกลัวเธอ

 

“ถังเจิ้ง... นายกำลังทำอะไร?” เสียงโกรธของ วูชุยฮง ดังขึ้นมา

 

ถังเจิ้ง หยุดกำปั้นของเขา และเฉียวเฟ่ยรีบลุกขึ้นยืนทันที ความกลัวและความสงสัยเต็มในตาของเขาในขณะที่เขาจ้องมองถังเจิ้ง และกล่าวว่า “แก....แกกล้าต่อยฉัน”

 

“เกิดอะไรขึ้น?” ดวงตาที่เต็มไปความโกรธของ วูชุยฮง กวาดมองพวกเขาขณะที่เธอถามด้วยท่าทางที่ผ่าเผย

 

“ครูครับ ถังเจิ้งขโมยเงินห้องและยังทำร้ายเพื่อนร่วมชั้นอีกด้วย” พวกลูกน้องรีบใส่ไฟ

 

“ฉันไม่ได้ขโมยเงิน!” ถังเจิ้ง ยังคงปฏิเสธหัวชนฝา

 

วูชุยฮง ขมวดคิ้วของเธอทันทีและมองไปที่ ถังเจิ้งด้วยความหงุดหงิด ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าเธอได้สมบัติ ซึ่งจะนำเกียรติยศมาให้เธอ ตั้งแต่ได้ที่หนึ่งในการทดสอบทำเธอพอใจมาก แต่ในใจเธอก็ยังดูถูกว่าเป็นคนจนอยู่ดี

 

หลังจาก ถังเจิ้ง หล่นจากที่หนึ่งไปและหมดประโยจน์ต่อเธอยังไม่พอยังสร้างปัญหาและเป็นภาระต่อเธออีก ดังนั้นเธอจึงเสนอให้ทางโรงเรียนย้ายเขาหรือไม่ก็ไล่ออกไปซะ  อย่างไรก็ตามทางโรงเรียนยังไม่ได้ตัดสินใจขั้นเด็ดขาด

 

อยู่ๆ วูชุยฮง ก็นึกออกว่านี้เป็นโอกาสดีที่จะทิ้งตัวภาระนี้

 

“ทุกคนกลับไปเรียนต่อนะ แล้วก็ขอสักคนสองคนมาช่วยนำ เฉียวเฟ่ย ไปที่โรงพยาบาล ถังเจิ้งตามฉันมา” วูชุยฮง สั่งเสียงเย็น

 

“คราวนี้ถังเจิ้งโดนแน่ ฉันสงสัยว่าแม่มดจะลงโทษมันยังไง” บางคนกล่าวขณะที่มีความสุขในความซวยของถังเจิ้ง

 

เมื่อมองเงาของถังเจิ้งที่กำลังไกลออกไป ใบหน้าของฟางซือซือ มีความซับซ้อน เธอค่อยๆขยับริมฝีปากของเธอและวิ่งไปจับ “ครูค่ะหนูเชื่อว่า ถังเจิ้ง ไม่ได้ขโมยเงินต้องมีการเข้าใจผิด”

 

วูชุยฮง หยุดฝีเท้าของเธอ แล้วมองอย่างอ่อนโยนไปที่ ฟางซือซือ และกล่าวว่า

“ซือซือ เงินจะไม่เติบโตอย่างรวดเร็วมีปีกและบินหนีไปหรอกนะ เนื่องจากมีคนจำนวนมากบอกว่า ถังเจิ้ง ขโมยมันแล้วมันจะต้องเป็นความจริง หนูกลับไปที่ชั้นเรียนเถอะ”

 

“ไม่ มันต้องมีการเข้าใจผิดแน่ๆ!” ฟางซือซือ ยืนยันอย่างแน่วแน่

 

ใบหน้าของวูชุยฮงค่อยๆมืดมนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก่อนหน้านั้นก็มีเสียงแทรกขึ้นมา พูดว่า “ซือซือ เธอต้องเชื่อครู ครูจะจัดการเรื่องนี้เอง”

 

ฟางซือซือมองไปที่ถังเจิ้ง และพบว่าถังเจิ้งกำลังกัดฟันอย่างแน่น ไม่ใช่พูดคำดูเหมือนว่าเขาจะเจ็บปวดจากการถูกใส่ร้าย

 

วูชุยฮง ไม่ได้พูดอะไรอีกและนำ ถังเจิ้งลงมาที่ชั้นล่าง

 

“ถังเจิ้งไม่เพียง ไม่ใช้แค่เกรดของแกแย่แกยังเป็นตัวถ่วงของห้องอีก และตอนนี้แกขโมยเงินและตีคนอื่นๆ บอกฉันทีนี้เป็นวิธีที่นักเรียนควรจะทำ?”วูชุยฮง วิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างรุนแรงและดุเดือด

 

“ครู ผมไม่ได้ขโมยเงินไปจริงๆ เฉียวเฟ่ยใส่ร้ายผมและนั่นคือเหตุผลที่ผมทำร้ายเขา”

 

“เฉียวเฟ่ยใส่ร้าย? งั้นทำไมเขาถึงไม่ทำแบบนี้กับนักเรียนคนอื่น? หยุดพูดไร้สาระและแกจะไม่มีอะไรต้องกลัว”วูชุยฮง กล่าวด้วยความชิงชัง

 

ถังเจิ้งจ้องเธอด้วยความโกรธ และคิดว่าในฐานะครูคุณสรุปได้โดยไม่สอบสวน และเมื่อก่อนฉันเคยให้ความเคารพคุณเป็นอย่างมาก แต่ตอนนี้คุณกลับทำเป็นตาบอดไม่เห็นอะไร

 

“แกไม่จำเป็นต้องเข้าชั้นเรียนในวันนี้ ไปที่ห้องแล็บและกวาดพื้นซะ” วูชุยฮง ทำให้เขามองอย่างโกรธเขืองและพูดด้วยว่า

“ห้องผีสิง?” ถังเจิ้งก็หวาดกลัว

 

คิ้ว วูชุยฮง ยกขึ้นขึ้นและพูดว่า: “แกกำลังพูดอะไรเกี่ยวกับอะไร ... มีผีสิง? ถ้ายังกล้าพูดเรื่องไร้สาระแบบนี้อีก ฉันจะโทรหาครอบครัวคุณ”

 

ถังเจิ้ง กลืนน้ำลาย เขาไม่ได้พูดอีก เนื่องจากปู่ของเขาป่วยอยู่แล้ว เขาจะทำให้ปู่มาโรงเรียนได้อย่างไร? นอกจากนี้เขาไม่อาจบอกปู่เกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของเขา มิฉะนั้นปู่จะรู้สึกไม่ดีและสภาพร่างกายจะแย่ลง

 

เขาไม่กล้าบอกคุณปู่เกี่ยวกับการลดลงของคะแนน เพราะเขาเป็นความภาคภูมิใจของคุณปู่เสมอ และเขาก็ไม่อยากที่จะเห็นปู่เสียใจ ด้วยเหตุนี้เขาจึงพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อเอาชนะความยากลำบากของเขาเพื่อที่เขาจะสามารถยืนชั้นบนได้อีกครั้ง ด้วยเหตุนี้ปู่ของเขาจะสามารถมีความสุขได้

 

ห้องแล๊บหรือที่เรียกว่าห้องผี อยู่ตรงกลางของโรงเรียน มันเป็นชื่อแบบนี้เพราะเหตุการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้นที่นี่เมื่อหลายปีก่อน เด็กนักเรียนคนหนึ่งที่อยู่ในห้องทดลองอยู่ๆก็เสียชีวิตทันที และได้มีการกล่าวว่าเลือดของเธอถูกดูดหมดกลายเป็นเหมือนมัมมี่

 

ตำรวจได้สืบสวนแต่พอพวกเขามาก็หาสาเหตุไม่เจอ และโรงเรียนก็ได้จ้างนักบวชของลัทธิเต๋า ไปดูและทำหน้าที่ของเขา ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรแปลกประหลาดเกิดขึ้น แต่ชื่อ ‘ห้องผี’ ได้กลายเป็นที่รู้จักกันดี เหล่านักเรียนจะไม่เต็มใจไปที่นั่นจนกว่าจะมีเรียนที่ห้องแล๊บ

 

โดยทำให้เขาทำความสะอาดพื้นนั้น วูชุยฮง เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้รับความหวังดีใด ๆ เธออาจจะทำให้เขาตกใจหรือบางทีเธออาจหวังว่าเขาจะจบลงเหมือนนักเรียนหญิงคนนั้น

 

“เหอะ ฉันไม่ได้กลัวซักหน่อย” ความกล้าของถังเจิ้งไม่ได้น้อย เนื่องจาก วูชุยฮง ต้องการทำให้เขากลัว ถ้าเขาปฏิเสธเขาก็คงเดินตามแผนการของเธอ

 

ประตูห้องใต้ดินถูกเปิดขึ้น น้ำท่วมมีความชื้นสูง กลิ่นของตะไคร่น้ำจู่โจมจมูกของ ถังเจิ้ง ขณะที่เขาสั่น ที่นี่อากาศเย็นกว่าข้างนอกมาก

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด