ตอนที่แล้วตอนที่ 30 ภารกิจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 32 อันตราย

ตอนที่ 31 สัตว์ร้าย


หลังสำนัก ดาราพิชิต

ฉางหยางที่กำลังมองเฉินตี้ เลื้อยตามแขนของหลางหลู่เออร์ก็รีบกล่าวเตือน “เฉินตี้มานี้ เราจะออกเดินทางแล้ว ก่อนอื่นเลยข้าจะพาเจ้าไปที่ป่าอสูรคลั่งก่อนเพื่อหาอาหาร”

เฉินตี้ที่กำลังเลื้อยอยู่ตามแขนของหลางหลู่เออร์ ก็กระโดดลงพื้น แล้วเลื้อยไปข้างหน้าเล็กน้อย เพื่อให้ห่างจากฉางหยาง เปลวเพลิงทมิฬลุกโหมกระหน่ำตามลำตัวของเฉินตี้ จนไม่สามารถมองเห็นได้ จากนั้นเฉินตี้ก็ขยายร่างกลับมาเป็นเหมือนเดิม

หลางหลู่เออร์และหลิ่งซู มองไปดูเฉินตี้ด้วยความตกใจ เพราะว่า จู่ๆร่างที่เล็กเพียงแค่ห้าเซนติเมตร ก็ขยายขนาดอย่างกระทันหันขึ้นจนมีขนาดสี่เมตร

หลางหลู่เออร์ที่เห็นขนาดที่เท่าเดิมของเฉินตี้ ก็รู้สึกเอะใจขึ้นมา “หรือว่า เจ้าคืองูเพลิงศิลาที่อยู่ป่าหมอกอย่างนั้นรึ”

เฉินตี้ค่อยเอาหัวมาถูตามตัวของหลางหลู่เออร์อย่างเบาๆ ฉางหยางที่กำลังมองดูคิดบางอย่างอยู่ภายใจ “ไม่น่าเชื่อนางเคยพบเฉินตี้มาก่อน ยุ่งละทีนี้นางจะใช้ข้ออ้างนี้ตามติดข้าไปตลอดแน่”

“เจ้าใช่งูตัวนั้น จริงๆด้วย ดีแล้วที่เจ้าปลอดภัย ต่อไปนี้ข้าจะเรียกเจ้าว่า เจ้างูน้อย แล้วกัน” หลางหลู่เออร์กล่าวออกไป

“เอาละพอไว้แค่นี้ก่อน พวกเจ้าทั้งสองก็ขึ้นไปบนหัวของเฉินตี้ได้แล้ว” พอกล่าวจบ เขาก็กระโดดขึ้นไปนั่งบนหัวของเฉินตี้ ตามด้วยหลางหลู่เออร์ และหลิ่งซู

เมื่อสัมผัสได้ว่าทั้งสามคน นั้นได้ขึ้นมาบนหัวของตน เฉินตี้ก็เลื้อยพุ่งตัวออกไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว

ฉางหยางที่กำลังนั่งอยู่บันหัวของเฉินตี้ก็รู้สึกสงสัยอย่างมาก ว่านางพบงูเพลิงศิลาได้อย่างไร “หลู่เออร์ นี่เจ้าเคยเจอเฉินตี้ด้วยรึ”

หลางหลู่เออร์ได้ยินที่ฉางหยางกล่าวถามออก ก็คิดที่จะแก้แค้นเขา ที่นางเคยถามอะไรที่เกี่ยวกับเขา เขาก็จะบอกปัดไปทุกที “ฮึ! ทำไมข้าต้องบอกเจ้าด้วย ทีเจ้าข้าถามอะไรเจ้าก็ไม่เห็นบอกข้าสักนิดเลย”

หลิ่งซูมองดูทั้งสองพูดคุยอย่างสนิทสนม ก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาเล็กน้อย เนื่องจากเขาไม่ค่อยพูดกับนางเท่าไร ทำให้นางคิดที่จะหาวิธีตีสนิทอยู่หลายวิธีแต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ

“สงสัย เป็นเพราะข้านั้นงดงามน้อยกว่าหลางหลู่เออร์แน่นอน แต่ข้าก็มีเสน่ห์มากกว่า ปทุมถันของข้าก็ใหญ่กว่าด้วย แล้วทำไมเขาไม่สนใจข้าเลย” หลิ่งซูที่คิดอยู่ แล้วมือทั้งสองก็จับไปที่ปทุมถันทั้งสองข้างของตนเอง

ฉางหยางที่กำลังพูดคุยกับหลางหลู่เออร์อยู่ก็เหลือบไปเห็นหลิ่งซู ที่ตอนนี้มือทั้งสองได้ขย้ำไปที่ปทุมถันของตัวเองอย่างเมามัน ทำให้ลูกตาของเขาแทบกระเด็นออกมา เพราะมันเป็นภาพที่หาชมได้ยากยิ่งนัก จะมีหญิงสาวนางใดเล่าจะมาทำแบบนี้ให้ชมในระยะใกล้ชิดขนาดนี้

หลางหลู่เออร์ที่กำลัง มองฉางหยางอยู่ก็เห็นเขามองไปที่ขางหลังนางอย่างไม่วางตา ตรงที่ข้างหลังนางนั้นมีหลิ่งซูอยู่ จึงทำให้นางหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นหลิ่งซูมองที่ปทุมถันของตนเองแล้วใช้สองมือขย้ำไปมา จากนั้นฝ่ามืออรหันต์ ก็พุ่งไปด้วยความเร็วสูง กระแทกเข้าที่ใบหน้าของฉางหยางอย่างจัง เสียงดัง “เปี๊ย”

“เจ้า มันสัตว์ป่าที่หื่นกระหาย”

หลิ่งซูที่ได้ยิน เสียงตบและเสียงของหลางหลู่เออร์พูดขึ้น ก็มองไปที่ฉางหยาง เห็นเขาจองมองมาที่นาง ทำให้นาง ณ ตอนนี้บนใบหน้าของนางปรากฏรอยแดงจางๆ และรู้สึกภูมิใจอยู่เล็กน้อย เนื่องจากเขานั้นได้สนใจนางอยู่บ้าง ไม่ใช่ว่าจะไม่สนใจนางเลย

ฉางหยางตอนนี้โดนแรงตบจากหลางหลู่เออร์ จนหัวเขาเกือบทิ่ม เพราะความต่างของระดับการบ่มเพาะ ทำให้แรงตบนั้นรุนแรงจนฟันของเขาแทบหักเลยทีเดียว ตอนนี้มือของเขาข้างไปกุมอยู่ที่ใบหน้าของตนเอง อย่างปวดแสบปวดร้อน นี่น่ะรึแรงจากผู้ที่มีระดับการบ่มเพาะสูงกว่า หากนางใช้เคล็ดวิชาข้าคงได้รับบาดเจ็บสาหัสแน่แล้ว

“ข้าทำอะไร  ทำไมต้องมาตบข้าด้วย”

หลางหลู่เออร์ เห็นท่าทางของฉางหยางที่ทำตัวไม่รู้เรื่องยิ่งทำให้นางโกรธมากขึ้น “ฮึ ยังมีหน้าจะมาพูดอีกเจ้านั้นแหละ ทำอะไร จองมองลูกตาจนแทบถลนออกเบ้าแล้ว ยังจะไม่ยอมรับอีก”

ตอนนี้เขารู้สึกอับจนหนทางในการแก้ตัวอย่างมาก ทำได้เพียงแค่นั่งนิ่งๆ โดยไม่กล่าวอะไรออกมาเป็นเวลานาน เฉินตี้ ตอนนี้ได้เลื้อยมาเรื่อยๆ  จนใกล้ที่จะถึงป่าอสูรคลั่งแล้ว

ขณะนี้ บนหัวของเฉินตี้นั้นไม่มีเสียงพูดคุยกันเกิดขึ้น ต่างกันต่างจองมองออกไปข้างนอกเพื่อดูบรรยากาศ ที่แสนสวยงามเพราะตอนนี้ก็ใกล้พลบค่ำเต็มทีแล้ว ดวงตะวันก็เริ่มทีจะลับขอบฟ้า จึงต้องทำให้ต้องหาทีพักกันก่อน

ที่ข้างหน้าของฉางหยาง เป็นป่าธรรมดาขนาดใหญ่ มีลำธารขนาดเล็กไหลออกมาจากในป่า น้ำในลำธารดูแล้วสวนสดใสเป็นอย่างมาก มีฝูงปลาแหวกว่ายไปมา สัตว์ป่าที่อาศัยอยู่ที่ป่านี้ก็ค่อนข้างเยอะทำให้หาอาหารได้สะดวก และเป็นที่เหมาะสำหรับพักค้างคืนเป็นอย่างมาก

“เอาละ เราจะพักกันที่นี่ก่อน” ฉางหยางได้บอกให้เฉินตี้หยุดที่ป่านี้ก่อนเนื่องจากเขานั้นมีเม็ดยาปราณธาราเพียงสองเม็ดเท่านั้น จึงไม่สามารถให้เฉินตี้กินได้ เขาจึงได้ให้มันเข้าไปหาอาหารในป่านี้เอง

หลังจากพูดเสร็จฉางหยางก็โดนลงจากบนหัวเฉินตี้แล้วเดินเข้าไปในป่าทันที  หลางหลู่เออร์และหลิ่งซูก็เดินตามเข้าไปในป่าเหมือนกัน

ผ่านไปสักพักเขาก็ได้เลือก ที่พักดูแล้วค่อนข้างเหมาะ เพราะว่ามันอยู่ห่างจากลำธารเพียงแค่ห้าร้อยเมตรเท่านั้น ทำให้สามารถจับปลามาเพื่อย่างกินได้ จากนั้นก็กล่าวกับหญิงสาวทั้งสอง

“เอาละเราจะพักกันที่นี่ก่อน”

หลางหลู่เออร์ที่เห็นท่าทางของฉางหยางแปลกๆ ไปหลังจากที่นางได้ตบเขา ทำให้นางครุ่นคิดบางอย่างอยู่ภายในใจ “รึว่าเขากำลังโกรธข้า ฮึ! แต่เขาก็ผิดเองที่ทำตัวอย่างสัตว์ร้าย”

“พวกเจ้าทั้งสองอยู่นี้กันไปก่อน เดียวข้าจะไปหาอาหารในป่า”

“เจ้าจะไปทำไม ในเมื่อเราเม็ดยาปราณธาราอยู่แล้ว มันให้พวกเราไม่หิวถึงสิบห้าวันเลยนะ” หลิ่งซูถามออกไป

“ข้าน่ะ ก่อนที่จะเป็นผู้ฝึกวรยุทธ ข้านั้นชินกับการกินอาหารเหมือนมนุษย์ปกติแล้ว ส่วนเม็ดยานี้ข้ารู้สึกยังไม่ค่อยยากใช้สักเท่าไร เพราะข้านั้นมีเฉินตี้ที่ต้องเลี้ยงดูทำให้เม็ดยานี้จำเป็นต่อข้ามาก” ฉางหยางกล่าวตอบออกไป

“ตามใจเจ้าแล้วกัน” หลิ่งซูกล่าวอย่างเอียงอายเล็กน้อยเพราะนางยังคงนึกถึงเรื่องที่เขามองมาที่นางอยู่ตอนนั้น

พอพูดเสร็จ ฉางหยางก็เดินเข้าไปในป่า พอหาจับสัตว์มาย่างกิน ตอนนี้เหลือเพียงหญิงสาวสองคนที่กำลังนั่งอยู่คนละฝั่งอย่างเงียบงัน ไม่มีเสียงตอบโต้พูดคุยกันออกมา

เวลานี้ท้องฟ้าได้เข้าสู่ยามราตรีเรียบร้อยแล้ว ฉางหยางเดินออกจากป่าพร้อมกระต่าย และปลาที่อยู่ในมือ เฉินตี้ก็เลื้อยตามหลังมาเช่นกัน

พอมาถึงที่พักเขาก็ได้ก่อกองไฟขึ้น โดยปล่อยพลังลมปราณทมิฬเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไฟก็ติดขึ้นมา ปลาและกระตายที่จับมาได้ก็ย่างที่กองไฟปล่อยกลิ่นหอมน่ากินลอยออกมา

ผ่านไปสักพักกระต่ายป่าย่างกับปลากสุกได้ที่ เขาหันหน้าไปมองหญิงสาวทั้งสองแล้วเอ่ยถามออกไป

“พวกเจ้าจะกินกับข้าไหม”

“ข้ากินด้วย” หลิ่งซูพูดจบก็เดินไปนั่งข้างๆฉางหยางทันที

เหลือแต่เพียงหลางหลู่เออร์คนเดียวที่นั่งอยู่ แต่พอเห็นทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมกัน จึงทำให้นางต้องจำใจลุกเดินไปนั่งข้างๆเขาเหมือนกัน

“เอามาให้ข้า ข้าก็จะกินด้วย”

ฉางหยางมองไปที่นาง แล้วก็ยื่นปลาย่างให้ เขาช่างรู้สึกปวดหัวหญิงสาวแบบนางยิ่งนัก ที่เอาแน่เอานอนอะไรไม่ได้เลย และหาวิธีรับมือกับนางก็ค่อนข้างลำบาก ระดับการบ่มเพาะของนางก็สูงกว่าเขาด้วย จึงทำให้เขานั้นค่อนข้างไม่อยากทำให้นางโกรธสักเท่าไร เดียวผลที่ตามมาจะรุนแรงกว่าตอนที่อยู่บนหัวเฉินตี้

“เอาล่ะ ในเมื่อกินอิ่มหมดแล้ว ก็รีบเข้านอนพรุ่งนี้จะได้เดินทางแต่เช้า” หลังจากที่พูดจบ ทั้งสามคนก็ได้แยกย้ายกันไปเพื่อหาที่เหมาะสำหรับพักผ่อน

เวลาได้ล่วงเลยมาจนถึงยามเที่ยงคืน ฉางหยางได้สะดุ้งตื่นขึ้น เนื่องจากได้ฝันเห็นบิดา และมารดาของตนตายอย่างอนาถ ตอนนี้ชุดที่ฉางหยางได้สวมใส่เปียกโชกไปด้วยเหงื่อ นี่ทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุข

“สงสัยข้าต้องไปชำระร่างกายหน่อยเสียแล้ว”

กล่าวจบแล้วฉางหยางก็ค่อยเดินออกที่พักมุ่งไปที่ลำธารเพื่อชำระตัว แต่ทว่าเนื่องจากยามราตรีจึงทำให้ไม่ค่อยได้เห็นทางเท่าไรนัก เพียงแค่อาศัยแสงจันทร์ที่อยู่บนท้องนภาให้แสงสว่างในการมองเห็นเพียงแค่นั้นเอง

ฉางหยางได้เดินมาอย่างระมัดระวัง ผ่านไปไม่นานก็เขาเดินมาถึงลำธาร ที่ตอนนี้มีเสียงของน้ำกระเซ็นดังออกมาเรื่อยๆ

“หรือว่าจะเป็นสัตว์อสูร แถวนี้ไม่น่าจะมีสัตว์อสูรได้นิ”

พอกล่าวจบเข้าค่อยๆ ย่องเขาไปพยายามปิดกั้นเสียงหายใจให้เบาที่สุด และย่องไปหลบที่หลังต้นไม้ที่อยู่ข้างลำธาร แล้วค่อยๆโพ่หัวออกไปมองอย่างๆช้าๆ  สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าที่ห่างออกไปเพียงแค่ยี่สิบเมตร ทำให้เขาถึงตะลึงเลยทีเดียว

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด