ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่2 – จงใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ และจงตายอย่างไร้ความเสียใจ

ตอนที่1 – กลับมาหลังจากล่าปลาวาฬ


ตอนที่1 – กลับมาหลังจากล่าปลาวาฬ (@วาฬทั้งตอนครับ55)

ในยามค่ำคืนที่มืดมิด ได้มีพายุฝนโหมกระหน่ำอย่างหนัก

คลื่นทะเลอันบ้าคลั่งได้ชนเข้ากับหินโสโครกไม่หยุด และขู่ว่าจะทำลายล้างแผ่นดินด้วยคลื่นพวกนี้(น่าจะหมายถึงคลื่นสึนามิ) บอลลูนสีส้มที่กำลังลอยตัวอยู่ ได้ถูกพายุดูดลงทะเลไปอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นการบ่งบอกว่ามีพายุเฮอร์ริเคนอยู่ในมือ แม้แต่เสาที่แข็งแรงทนทานซึ่งมีบอลลูนมัดไว้อยู่ก็ดูราวกับว่ามันจะแตกหักได้ทุกวินาที

ถึงแม้ว่าสภาพอากาศอันเลวร้ายนี่จะไม่ได้เกิดขึ้นกับเมืองท่า ซือเชียว ที่ห่างไกล แต่ก็เกิดขึ้น 3-5 ครั้งต่อปี นั่นคือเหตุผลที่ชาวบ้านไม่ตื่นตระหนก เก็บตัวในกระท่อมที่สว่างไสวด้วยตะเกียงของตน ขณะที่เพลิดเพลินกับมื้ออาหารซึ่งมีปลาเค็มและไวน์ข้าวฟ่างและใช้กะละมังเพื่อรองน้ำรั่วจากหลังคา ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์นี้ผ้าห่มจะชื้นเพียงแค่สัมผัสมือก็เปียก

ภายใต้สภาพอากาศนี้ มีกองไฟที่กำลังลุกไหม้อยู่ภายในกระท่อมซ่อมซ่อซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของเมือง ซือ เซียว ภายในกระท่อมมีเศษยางที่ถูกทิ้งไว้ – คนจนสามารถใช้สิ่งนี้มาทำเป็นเรื่องยางถูกๆแต่มีประสิทธิภาพได้ – มีกลุ่มชาวประมงผิวดำ 10 คนรวมตัวกันอยู่รอบ ๆ กองไฟ คนกลุ่มนี้มีอายุกันประมาณ 20-30 ปี และคนที่กำลังนั่งอยู่ท่ามกลางชาวประมง เป็นเด็กหนุ่มที่มีริ้วรอยลึก(ง่ายๆตีนกาแหละ) หนวดเคราของเขาได้เปลี่ยนเป็นสีเทาและหน้าตาที่หล่อเหลาในแบบของคนมีอายุของเขาซึ่งมันได้ซ่อนความเศร้าโศกไว้ภายใน แค่มองครั้งเดียวก็สามารถบอกได้ว่าเขาคือคนที่ยอมจำนนต่อโชคชะตา(ลุงต้าซือนั่นเอง)

“เฮ้ย!! พวกเราเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้นะ ฝีมือของ ซันจือ(Sanzi) ก็ไม่เลวหรอกน่ะ แต่ฝีมือของ เซอเอียน(Sheyan) เนียสิ เจ๋งมากเลยโว้ย!! ฮ่าๆ”

คนที่กำลังพูดด้วยท่าทาหยาบคายและน้ำลายกระเด็นขณะพูดด้วย คือชายหนุ่มที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้าชื่อ เกา เชียง อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าคนอื่นที่อยู่รอบๆ จะเห็นด้วยกับเขา พร้อมกับมองเขาด้วยความชื่นชม

ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งที่มีขนคิ้วหนาและมีร่างกายที่แข็งแรงที่แขนมีกล้ามปูดขึ้นมา แม้ว่าเขาจะมีหน้าตาที่ดูหยิ่งยโส แต่สายตาของเขายังคงมั่นคง เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่าๆพร้อมกับแก้วน้ำในมือของเขา ภายในแก้วเต็มไปด้วยน้ำร้อนจัด ซึ่งทำให้เขาต้องเป่าก่อนจะดื่มมัน เซอเอียน ยิ้มให้อย่างถ่อมตน เมื่อได้ยินชื่อของเขาโดยไม่ได้ตอบกลับไป เขาพยักหน้าให้ในขณะที่กำลังดื่มน้ำ

“เออ เห็นด้วย การตั้งท่าตลอดจนการยิงของ เซอเอียนเป็นธรรมชาติมากเหมือนเป็นเรื่องธรรมดา แต่ฉันก็แทงโดนมันเต็มๆ9ครั้งเลยนะ ตั้ง9ครั้งเลยนะเฮ้ย!!”ชายหนุ่มที่มีจมูกใหญ่(พวกอเมริกันครับ) พูดเสียงดังในขณะที่เขากำลังยืนโบกมืออย่างแรง

“เวรเอ้ย!! เราโดนมันลากไปตั้ง30เมตรแล้ว อีกแค่10เมตร ตอนนี้เราทุกคนก็คงต้องไปนั่งกินข้าวในพายุเฮอร์ริเคนแทนแน่ๆ”

ในอีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มที่ผอมและดำ ได้หัวเราะขึ้นมาขัดจังหวะเขาพูด

“ลุง ต้าซือ เวลานี้มีกลิ่นหอมซึ่งมันหนักไม่น้อยกว่า20กิโลเลยละ แม้ว่าเราจะไม่สามารถดึงมันขึ้นมาได้หมด แต่เรายังคงสามารถได้อย่างน้อย10กิโลเลยนะ โชคดีขนาดนี้มันมาอยู่ตรงหน้าแล้ว นายไม่ต้องการเงินไปซ่อมเรือเหรอไง? การจับครั้งนี้มันทำให้นายสามารถซ่อมเรือได้อย่างน้อยๆก็10ครั้งเลยนะ แถมยังมีเงินเหลือพอที่จะใช้ต่อด้วย”

ต้าซือ ได้ยินอย่างนั่น เขาทำได้แค่หัวเราะอย่างจริงใจตอบ ตั้งแต่เขาเกิด เขาก็ได้รับการเลี้ยงดูโดยทะเล อาจกล่าวได้ว่าน้ำทะเลเป็นส่วนหนึ่งของเขาไปแล้ว ตลอดชีวิตนี้เรือก็คือบ้านของเขา เพราะก่อนหน้านี้เขารับลูกบุญธรรม 2 เป็นเด็กกำพร้า ทำให้เขาไม่มีเวลาหาภรรยา ต่อจากนั่นไม่นานเขาก็ไม่คิดว่าเขาไม่จำเป็นต้องมีภรรยา เขาใช้เงินทั้งหมดของเขาในการซื้อเรือเก่าๆนี้ แม้ว่าหลังจากนั่นเขาจะโดนคนอื่นๆด่าก็ตาม หลังจากที่ซื้อแล้วเขาก็ได้ปรับแต่งเรือใหม่ทันทีพร้อมตั้งชื่อมันว่าฟู่เอวียน และนั่นคือเหตุผลที่จนถึงตอนนี้ เขายังคงไม่ได้ใช้หนี้ทั้งหมด(คือมันเอาเงินไปซื้อเรือหมด แล้วดันไปกู้เงินมาซ่อมเรืออีก หนี้บาน)

ถ้าคนราวัดความร่ำรวยด้วยความเมตตาและความชื่อสัตย์แล้วล่ะก็ ตอนนี้ ต้าซื้อคงเป็นมหาเศรษฐี อย่างไรก็ตามไม่สำคัญว่าเขาจะทำงานหนักแค่ไหน เขาก็ไม่สามารถหลบหนีชีวิตอันอยากไร้ได้ ไม่ว่าสวรรค์จะใจร้ายยังไง แต่สุดท้ายก็จะมีแสงที่ปลายอุโมงค์

เมื่อวันก่อน ขณะแล่นเรือพวกเขาได้พบกับสัตว์หัวใหญ่ตัวหนึ่ง

สัตว์ร้ายหัวใหญ่นี้ถือว่าเป็นชื่อที่ชาวประมงแถวนี้ต้องรู้จักกันทุกคน จริงๆแล้วมันคือ ปลาวาฬสเปิร์ม (หรือเรียกว่า วาฬหัวทุยก็ได้) มันมีร่างกายที่สั้นแล้วยังอ้วน แล้วยังมีการเคลื่อนไหวที่เงอะงะ และมีรูปร่างที่ประหลาด ราวกับว่าส่วนหัวของมันหนักกว่าร่างกาย ถ้าหากเปรียบเทียบมันกับลูกออดล่ะก็คงต้องเป็น ลูกออดถึงหนึ่งล้านตัวขึงจะอธิบายได้ ศีรษะของมันยังกับกล่องมหึมา ขนาดของมันประมาณหนึ่งในสี่หรือสามของขนาดตัวทั้งหมด แม้แต่จมูกของมันก็ยังแปลก จมูกด้านซ้ายมีนั่นโล่งเห็นถึงข้างในชัดเจน ในขณะที่จมูกด้านขวาอุดตัน มันจะทำมุม 45 องศาไปทางด้านหน้าซ้ายเมื่อมันจะพ่นหมอกควัน ชาวประมงที่มีประสบการณ์จะสามารถหาร่องรอยของปลาวาฬสเปิร์มผ่านหมอกของมันได้ อย่างไรก็ตามหลังจากหลายทศวรรษแห่งการล่าสัตว์จำนวนประชากรของปลาวาฬสเปิร์มได้ลดลงไปหลายร้อยตัว ทั่วทั้งทะเลจีนใต้ ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมามีข่าวว่ามีเพียง 3 ตัวที่ถูกล่าและในปัจจุบันการที่จะเจอมันนั่นถือว่ายากมากๆ

ไม่นานหลังจากนั้น พวกเขาก็ได้แล่นเรือตามมันชนิดกัดไม่ปล่อย

แม้ว่าจะเป็นเรือเก่าๆแบบนี้ แต่ก็ดูเหมือนว่าคว้าโชคดีจากสวรรค์ได้อย่างเหนียวแน่น ถึงแม้จะมีการเตือนของพายุไต้ฝุ่นก็ตาม แต่ก็ยังสามารถจับวาฬสเปิร์มขนาด10เมตรได้!! นอกเหนือจากจากลุง ต้าซือก็ไม่มีใครมีประสบการณ์มนการจับปลาวาฬบนเรือซักคน ตอนนี้พวกเขาได้เตรียมอุปกรณ์ยิงปลาใต้น้ำ(ปืนยิงฉมวก) ท่ามกลางพายุและคลื่นลมทะเล พวกเขาได้ยิงพลาดไป แม้ว่าพวกเขาจะยิงอีก4ครั้งก็ยังพลาด ผลลัพธ์นั้นคือทำให้วาฬตื่นตัว มันจึงเริ่มดำลงไปใต้น้ำ

หลังจากนั่นหนึ่งในลูกบุญธรรมของต้าซือ เซอเอียนลุกขึ้นยืนร่างกายของเขาที่กำลังแกว่งไปมาเพราะคลื่นลมทะเลอย่างกับใบไม้บนต้นไม้ เซอเอียนจับปืนหอกอย่างแน่นในมือของเขา เขาเอาปืนเล็งไปที่เป้าหมายค้างไว้สิบวินาที และในเวลาที่สิ้นหวังที่สุด เขาก็ยิงกระสุนปืน

เพียงแค่ครั้งเดียวหอกก็ได้ทะลุตัววาฬไปอย่างรุนแรง!!

ในขณะที่มันกำลังจะตาย วาฬสเปิร์มได้ดิ้นรนใช้แรงเฮือกสุดท้ายว่ายไปไกล30เมตร(สู้ๆลูกพ่อ)พร้อมทั้งลากเรือไปด้วย ตามระยะทางที่มันลากมาท้องทะเลได้เปลี่ยนเป็นสีแดง ในที่สุดตัวของมันก็กลายเป็นสมบัติของมนุษย์พวกนี้ ขณะที่เรือเก่าฟู่เอวียนได้กลับมายังท่าเรือซีเฉียวได้อย่างน่าอัศจรรย์ก่อนเที่จะเกิดพายุเฮอริเคน สำหรับปลาวาฬสเปิร์มแม้ว่าเนื้อกระดูกและน้ำมันจะมีราคาแพง แต่ที่มีค่าที่สุดก็คือ 'ครีมหอม ๆ ' ที่มีต้นกำเนิดมาจากลำไส้ของพวกมัน(ในลำไส้ก็ง่ายๆขี้มันแหละครับ) สิ่งนี้ซึ่งเป็นที่รู้จักกันทั่วไปสำหรับชาวประมงพื้นบ้าน เมื่อแห้งแล้วจะกลายเป็นสารที่รู้จักกันในชื่อ “อำพันทะเล”(อำพันทะเล เป็นสารคล้ายขี้ผึ้งที่ใช้ในการทำน้ำหอม)

(เสริม - ที่ส่วนหัวของวาฬหัวทุยยังมีสารพิเศษคล้ายไขมันหรือขี้ผึ้ง เรียกว่า "ไขปลาวาฬ" ซึ่งใช้ในการผลิตโลชั่น และเวชภัณฑ์ชนิดต่าง ๆ)

อาหารหลักของปลาวาฬสเปิร์มเป็นปลาหมึก หลังจากกินมันจะไม่สามารถที่จะแยกแยะปลายแหลมของเปลือกและกระดูกกลมภายในของอาหารของมัน ด้วยเหตุนี้ลำไส้ใหญ่หรือทวารหนักของปลาวาฬจะติดเชื้อโรคซึ่งจะส่งผลให้เกิดการหลั่งสารสีเทาหรือสีเทาในลำไส้เล็ก ต่อมาการหลั่งนี้จะสร้างสารมืดที่หนาขึ้นในลำไส้ใหญ่ / ทวารหนักโดยการขจัดกลิ่นอันไม่พึงประสงค์และเพิ่มน้ำหอมเมื่อเวลาผ่านไปจะทำให้เกิดแอมเบอร์กริส หรือ อำพันทะเลนั่นเอง

อำพันทะเล ประกอบไปด้วยธาตุ 25 ชนิดซึ่งมีคุณค่ามากในการรักษากลิ่นหอมของน้ำหอมให้อยู่นานขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เป็นยาที่มีคุณค่า วาฬสเปิร์มของ ต้าซือ มีขนาด 10 เมตรซึ่งถือว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยเล็กน้อย อย่างไรก็ตามอำพันทะเลยังสามารถขายได้เป็นเงินจำนวนมาก

ดังนั้นพวกเขาจึงได้ร่วมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลอง ไม่รู้ว่ามันเป็นช่วงที่ค่อนข้างดึกแล้ว พวกเขาได้ดิ้นรนท่ามกลางท้องกลางทะเลเป็นเวลาครึ่งเดือน และก่อนที่พายุเฮอริเคนจะมาถึง พวกเขาก็กลับไปที่ท่าเรือ ซือเชียว ได้สำเร็จ ลูกเรือต่างรู้สึกอ่อนเพลียขึ้นมาทันที หลังจากช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นของพวกเขา ฝนที่กระหน่ำลงมาเพราะพายุเฮอริเคนถูกคาดเดาว่าจะหยุดในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ ต้าซือ ที่อยู่ในกระท่อมของเขากำลังปูที่นอนบนพื้น ชาวประมงเหล่านี้เคยกระเสือกกระสนในทะเลเลยรู้สึกไม่สนใจมัน ซันจือและเซอเอียนได้ออกจากบ้านของพวกเขา ที่วัด มาจู อยู่ทิศเหนือของเมือง ซือ เชียว พวกเขายุ่งอยู่กับการซ่อมแซมเพิง(โรงเก็บของ) เรียกว่าเป็นช่วงเวลาส่วนตัวของพวกเขาก็ได้ แม้ว่าพายุจะแรงและระยะห่างระหว่างเมืองของพวกเขากับที่นี่จะไม่น้อยเลย

ขณะที่ทั้งสองคนผลักประตูที่ทำมาจากการเอาแผ่นไม้มาตอกตะปู ลมเย็นกับฝนที่ตกหนักทำให้เกิดความรู้สึกว่าต้องต่อสู้กับสงครามเย็น ในอากาศที่แม้แต่คนที่นอนรอบ ๆกองไฟก็เริ่มร้องออกมา เซอเอียนและซันจือ พร้อมกับผ้าที่คาดอยู่บนหัวของพวกเขากำลังติดประตู ในขณะนี้ลุงต้าซือ รีบวิ่งไปช่วยและพาพวกเขากลับบ้าน

ซือ เชียวเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับการยอมรับในแผนที่โลก(คือขนาดในแผนที่โลกยังไม่มีเมืองนี้เลยมันเล็กมากๆ)

สถานที่พิเศษของที่นี้จะอยู่ที่อ่าวเล็ก ๆ ทางตอนใต้ของเมืองที่เป็นแนวพรมแดนของท่าเรือฝางเฉิงในมณฑลกวางตุ้ง ซึ่งสามารถเห็นได้จากทางตะวันตกของเวียดนามด้วยตาเปล่า การกระทำต่างๆก็เงียบสงบ ทำให้ไม่เป็นรู้จักกันกับโลกภายนอก เพราะฉะนั้นการสันโดษแบบนี้ ทำให้เกิดการลักลอบค้าขายและลักทรัพย์ คนที่นั่นทั้งหมดเป็นพื้นที่สีเทาของอุตสาหกรรมในสายตาของกฎหมาย

เนื่องจากคำขู่และแรงกดดันจากผู้มีอำนาจสูง การก่อสร้างของ เซอเอียน ใช้วัสดุคุณภาพต่ำที่มีราคาไม่แพงเพื่อสร้างตึกของพวกเขา ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้กับทางสถาปัตยกรรมคนอื่น เซอเอียน อายุได้ 19 ปี เขาอายุมากกว่า ซันจือ เพียงไม่กี่เดือนและเคยทำงานให้กับคนรู้จักของลุง ต้าซือ มาตั้งแต่อายุ 14 ปีเนื่องจากการที่เขาทำสิ่งต่างๆทำให้เขาได้รับความไว้วางใจและได้รับคำชมอยู่เรื่อยๆ ในวัยรุ่นชื่อเสียงของเขาได้กระจายไปทั่วทั้งเมืองท่า ซึ่งความรู้และลักษณะนิสัยของเขาก็ไม่เป็นสองรองใคร

(@ทนๆกันไปก่อนนะครับ มันจะน่าเบื่อแค่7ตอนแรกซึ่งเป็นส่วนบทนำที่ยาวพอสมควร หลังจากนั่นจะเริ่มสนุกละ)

0 0 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด