ตอนที่แล้วตอนที่ 2 คัมภีร์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 4 ยากจน

ตอนที่ 3 เคลื่อนย้าย


“อะไรกัน” ราชันย์มารฟงตี้กล่าวด้วยความตกใจ

“ฮ่าๆ คิดว่าเคล็ดวิชาระดับเทวะ อันกระจ้อยร่อยของเจ้าจะมีปัญญาทำอะไรข้าได้อย่างนั้นรึ คิดง่ายไปแล้ว” หลิ่วตงกล่าวอย่างภูมิใจ

“จะ.....เจ้ามีเคล็ดวิชาระดับตำนานนั้นได้อย่างไร” ราชันย์มารฟงตี้กล่าวถามด้วยความตกใจ

ในโลกของผู้ฝึกวรยุธจะมีเคล็ดวิชามากมายซึ่งมีพลังที่แตกต่างกันแต่ก็จะสามารถแบ่งระดับของเคล็ดวิชาออกเป็นหกระดับ จากเคล็ดวิชาระดับที่ต่ำที่สุดไปถึงระดับที่สูงที่สุดจะเริ่มตั้งแต่ เคล็ดวิชาระดับมนุษย์ เคล็ดวิชาระดับปฐพี เคล็ดวิชาระดับสวรรค์ เคล็ดวิชาระดับเทวะ เคล็ดวิชาระดับตำนาน เคล็ดวิชาระดับอมตะ ยิ่งเคล็ดวิชามีระดับที่สูงเท่าไรก็ยิ่งยากต่อการฝึกฝนเท่านั้น

“ฮึ! เจ้าคิดว่าเจ้าคนเดียวเท่านั้นรึที่มีไม้ตายก้นหีบไว้ใช้ ฮ่าๆ ข้าก็มีเหมือนกันแต่ข้าไม่อยากเปิดเผยให้พวกโง่เง่าอย่างพวกเจ้าได้รับรู้ พวกเจ้าคิดว่าเคล็ดวิชาที่ข้าคนนี้มี มันจะมีแค่เคล็ดวิชาระดับเทวะเท่านั้นรึ

พวกเจ้ามีได้ ข้าก็ต้องมีได้ ฮ่าๆ เอาล่ะจากที่ข้าอยู่ลำดับที่สี่ของขุมพลังอำนาจในโลกแห่งนี้ แต่วันนี้ข้าจะขึ้นไปอยู่ลำดับที่หนึ่งแทนไอ้พวกนักดาบกิ๊กก๊อกพวกนั้นเองฮ่าๆๆ” หลิ่วตงกล่าวด้วยความยโสโอหัง

“ฮึ! ทำได้ก็ลองดู”

พอกล่าวจบไป๋หยู่ก็เริ่มโคจรพลังปราณอย่างต่อเนื่อง จนร่างกายปลดปล่อยออร่าสีแดงสดออกมา จิตสังหารที่มากล้นก็ถูกปล่อยออกมาเช่นกัน เขามองไปที่หลิ่วตงด้วยสายตาที่แดงก่ำก่อนจะพุ่งทะยานร่างไปจนเห็นเป็นเพียงเส้นแสงสีแดงเท่านั้น

“น....นั้นมันเคล็ดวิชาปราณคลั่ง” หนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์ปรากฏสีหน้าที่ตื่นตะลึง เพราะมันเป็นเคล็ดวิชาที่ร้ายกาจเป็นอย่างมาก จนสามารถผลักดันให้ไป๋หยู่ขึ้นไปอยู่อันดับที่หนึ่งได้โดยไม่มีข้อโตแย้งใดๆมาขัดเลย

เคล็ดวิชาปราณคลั่ง เป็นเคล็ดวิชากายาระดับตำนาน อย่างไรก็ตามเคล็ดวิชานี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาโจมตี หากแต่ผู้ฝึกวรยุทธที่ใช้เคล็ดวิชานี้พลังลมปราณก็เพิ่มขึ้นทวีคูณทันที

โดยเคล็ดวิชานี้จะกระตุ้นจิตวิญญาณภายในให้ระเบิดพลังงานมหาศาลออกมา รวบรวมพร้อมกับโคจรปราณให้ไปสะสมที่จุดชีพจรลมปราณทั้งหมดในร่างกาย ทำร่างกายยกระดับไปอีกหนึ่งขั้นพร้อมกับความรุนแรงในการใช้เคล็ดวิชาโจมตีเพิ่มขึ้นอีกครึ่งหนึ่ง

แต่เคล็ดวิชานี้ก็มีผลสะท้อนกลับมาให้ผู้ใช้เช่นกัน เนื่องจากร่างกายได้รับภาระหนัก และเมื่อสิ้นสุดการใช้งานพลังลมปราณก็จะหายไปเกือบครึ่งหนึ่งของที่มีอยู่

“ท่านหยวนเฟิง นี่มันไม่ดีแล้วนะขอรับ เราจะทำอย่างไรดี” หนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์กล่าวด้วยความกังวล

“ฮ่าๆ พวกเจ้าไม่ต้องห่วงวันนี้ข้าเอาเม็ดยาร่างจำแลงมาด้วย”

จากนั้นหยวนเฟิง ได้หยิบเอาเม็ดขนาดเล็กในถุงเสื้อของตัวเองด้วยความเร่งรีบ แล้วกำลังจะกินเข้าไป ปรากฏว่าหนึ่งในผู้พิทักษ์ที่ได้หันมาพูดคุยกับราชันย์พฤกษาถูกลอบทำร้าย ส่งผลให้ร่างของเขาปลิวมาด้วยความเร็วสูง แล้วกระแทกเข้ากับมือของหยวนเฟิงที่กำลังถือเม็ดขนาดเล็กอยู่ ทำให้เม็ดขนาดเล็กนั้นปลิวหลุดมือบินไปทางศิลาทักษะทันที

“บัดซบ” หยวนเฟิงสถบออกมาดังลั่น ก่อนจะรีบพุ่งตัวของไปด้วยความเร็วเพื่อไปหยิบเอาเม็ดขนาดเล็กนั้นกลับมา

“บ้าเอ้ย! บังอาจลอบโจมตีข้า ท่านหยวนเฟิงข้าน้อยขอประทานโทษด้วย ข้าน้อยไม่ทันระวังตัว” หนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์สถบออกมาเช่นกัน แล้วหันไปกล่าวกับหยวนเฟิงอย่างรู้สึกผิด

ในด้านของไป๋หยู่เขาได้ชักดาบยักษ์ออกมา แล้วโคจรพลังปราณคลั่งไหลไปสะสมอยู่ที่ดาบ จนเกิดออร่าสีแดงเข้มออกมาจากดาบ แขนกำดาบแน่นจนเส้นเลือดปูดออกมา แล้วตวัดดาบออกไปราวกับสายฟ้าฟาด

“มังกรไฟทำลายล้าง”

“โฮก”

ปรากฏเป็นมังกรสีแดงเข้ม ขนาดมหึมา ดวงตาส่องประกายสังหารออกมา และเต็มไปด้วยแรงกดดันที่หนักหน่วงพุ่งตรงไปยังหลิ่วตง

เห็นเช่นนี้ ใบหน้าของหลิ่วเป็นปั้นยากทันที เขากัดฟันแน่นด้วยความโกรธ เพราะเคล็ดวิชาที่ไป๋หยู่ปล่อยออกมานั้น มันเป็นเคล็ดวิชาระดับตำนานที่สามารถทัดเทียมกับเคล็ดวิชาผนึกสุริยันของเขาได้ แต่ทว่ามันยังได้รับพลังหนุนเสริมจากปรานคลั่งอีก จนให้มีพลังทำลายมากกว่าเคล็ดวิชาผนึกสุริยันถึงครึ่งหนึ่ง

หลิ่วตงเห็นท่าไม่ดี เขารีบโคจรพลังปราณให้ไปสะสมที่อยู่ที่เท้าปรากฏออร่าสีขาวขึ้น แล้วใช้เคล็ดวิชาย่างก้าวแสงจันทร์ออกไป

“พรึบบ”

ร่างของหลิ่วตงหายไปทันที แล้วปรากฏตัวอีกครั้งห่างจากศิลาทักษะสี่ร้อยเมตรทันที

หยวนเฟิงที่กำลังพุ่งเข้ามาเพื่อจะคว้าเอาเม็ดขนาดเล็กกลับคืนมา สังเกตเห็นว่าเม็ดนั้นมีสีใสเหมือนผลึกมีพลังงานมากมายอัดแน่นรวมกันอยู่เป็นจำนวนมาก

ใบหน้าของเขาสั่นกระตุกทันที แล้วล้วงเข้าไปในถุงเสื้อหยิบเม็ดเล็กๆออกมาดู ปรากฏว่าเป็นเม็ดยาร่างจำแลงที่อยู่ถุงเสื้อของตนเอง นี่ทำให้เขาตกตะลึงเป็นอย่างมาก

“บ้าเอ้ย ทำไมมันเป็นเช่นนี้ได้”

และเมื่อเห็นเคล็ดวิชาที่ปล่อยออกมาของไป๋หยู่ที่มีพลังทำลายที่น่าหวาดหวั่น เขาซึ่งกำลังยืนดูอยู่ก็ไม่กล้าพุ่งเข้าไปคว้าเอาผลึกทิพย์ที่เหมือนกับสมบัติล้ำค่าของตนเอง นี่จึงทำได้แต่ยืนจ้องมองผนึกทิพย์และหวังจะสามารถเก็บกลับคืนมาได้

เคล็ดวิชามังกรไฟทำลายล้างพุ่งลอยไปที่ศิลาทักษะไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเลย แล้วมังกรไฟก็กระแทกเข้าผลึกทิพย์ที่หยวนเฟิงทำหลุดมือไป จนเกิดเป็นประตูมิติขนาดใหญ่ขึ้นมา

อย่างไรก็ตามเคล็ดวิชามังกรไฟทำลายล้างที่ไม่สามารถหยุดได้แล้ว ปะทะเข้ากับประตูมิติขนาดใหญ่เกิดการผันผวนของพลังลมปราณ ทำให้เอาสิ่งรอบข้างที่รอบๆประตูมิติถูกดูดเข้ามาภายในเสี้ยววินาทีพร้อมกับศิลาทักษะด้วย จากนั้นประตูมิติได้หดตัวอย่างรวดเร็ว และหายไปในอากาศทันที

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันช่างรวดเร็วเหลือเกินจนทำให้ไป๋หยู่ที่ยืนดูอยู่มีสีหน้าตกตะลึงอย่างช่วยไม่ได้ เพราะทำไมมันถึงมีประตูมิติเกิดขึ้นมาได้

“นี่มันอะไรกัน?”

“ทำไมถึงมีประตูมิติเกิดขึ้นได้” ราชันย์มารฟงตี้กล่าวออกมาด้วยความงุนงง

การหายไปของศิลาทักษะนี้ ทำการต่อสู้ของสี่ขุมพลังอำนาจเงียบลงเหมือนป่าช้า พร้อมกับปรากฏเสียงหัวเราะแห้งๆ ของหยวนเฟิง และกล่าวออกมาด้วยความยากลำบาก

“แหะๆ เป็นข้าเองที่ทำผลึกทิพย์หลุดมือไปจึงทำให้มีประตูมิติเกิดขึ้น”

“ไม่เป็นไรผลึกทิพย์แค่ก้อนเดียวมันไม่สามารถเปิดประตูมิติไปไหนได้ไม่ไกลนัก มันต้องอยู่ที่ไหนซักแห่งในโลกนี้แน่ ข้าต้องรีบระดมกำลังพลตามหามันให้เร็วที่สุด” เทพดาบไป๋หยู่กล่าวอย่างเร่งรีบ

“เป็นไปไม่ได้ ผลึกทิพย์ที่ข้าทำหลุดมือไปมันสามารถเปิดประตูมิติไปต่างโลกที่ไกลแสนไกลได้” ราชันย์พฤกษากล่าวอย่างหมดหวัง

“บ้าเอ้ย ! ข้าเลยพลาดเคล็ดวิชาระดับอมตะ” หลิ่วตงสบถ พร้อมกับกล่าวด้วยความสิ้นหวัง

ทุกอย่างกลายเป็นว่างเปล่า ไม่มีศิลาทักษะอีกต่อไปแล้ว แถมยังไม่รู้อีกด้วยมันไปโผล่ที่ไหน ทำให้ฟงตี้สายหัวอย่างช่วยไม่ได้แล้วกล่าวออกไป

“เฮ้อ! เมื่อไม่มีศิลาทักษะพวกข้าอาณาจักรฟงก็ขอตัวกลับก่อน ข้านั้นเบื่อขี้หน้าพวกแกยิ่งนัก”

พอกล่าวจบประตูมิติเปิดออกพร้อมกับขุมพลังอำนาจของอาณาจักรฟงหายไปจึงทำให้เหลืออยู่แค่สามพลังอำนาจที่เงียบเหมือนป่าช้า

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด