ตอนที่แล้วAST บทที่ 70 - ทำความเข้าใจในการปรุงยา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 72 - เคล็ดวิชาเข็มสยบฟ้าแรกเริ่ม

AST บทที่ 71 - เคล็ดวิชาโบราณการ : เปลวเพลิงแห่งหยิน-หยาง


บทที่ 71 - เคล็ดวิชาโบราณการ : เปลวเพลิงแห่งหยิน-หยาง

ตอนนี้ชิงสุ่ยจมอยู่ในคลื่นแห่งความสุข นอกจากสูตรการปรุงยาจะถูกปลดผนึกแล้ว ยังมีข้อมูลอีกมากมายที่ถูกปลดผนึกด้วย

<<เคล็ดวิชาโบราณการ : เพลิงแห่งหยิน-หยาง>>

สวรรค์และโลกถูกแบ่งแยกออกเป็นหยินและหยาง สวรรค์เปรียบดังหยินในขณะที่โลกเปรียบดังหยาง ไม่เพียงแค่นั้น ทุกสรรพสิ่งบนโลกสามารถจำแนกได้ออกเป็นทั้งหยินและหยาง เปลวเพลิงโบราณการหยิน-หยางสามารถเผาผลาญได้ทุกสรรพสิ่ง เป็นการผสานระหว่างความแข็งแกร่งและความอ่อนโยน เป็นเปลวเพลิงชนิดแรกๆที่ถือกำเนิดขึ้นพร้อมโลก มันเหมาะแก่การปรุงยา สร้างอาวุธ หรือปรับแต่งสิ่งอื่นๆอีกมากมาย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า สวรรค์ชั่งเป็นใจต่อข้าเสียจริงๆ ท่านช่างรู้ใจในสิ่งที่ข้าต้องการ”ชิงสุ่ยหัวเราะอย่างบ้าคลั่งภายในจิตสำนึกของเขา

เนื้อหาและวิธีการฝึกฝน เคล็ดวิชาโบราณการ : เปลวเพลิงแห่งหยิน-หยาง ต่างก็ถูกบันทึกไว้ ชิงสุ่ย รู้ว่า เปลวเพลิงแห่งหยิน-หยางนั้นจำเป็นต้องใช้พลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาล เพื่อเปิดใช้งานมัน

ฮ่าาาา เคล็ดวิชากายาบรรพกาลของข้านั้น ช่างเป็นสิ่งที่ประเสริฐอย่างที่สุด

อย่างไรก็ตาม มันช่างน่าประหลาด มันรู้สึกราวกับว่าเขาสามารถเรียนรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาต้องการได้ในความเร็วที่น่ากลัว ชิงสุ่ยกำลังอ่าน วิธีการฝึกฝนเคล็ดวิชาโบราณการ : เปลวเพลิงแห่งหยิน-หยาง ร่างกายของเขาก็เริ่มโคจรพลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพโดยไม่รู้ตัว และที่น่าประหลาดใจที่สุดก็คือความก้าวหน้าในการเรียนรู้ของเขานั้นราวกับม้าที่กำลังออกวิ่งโดยไร้ซึ่งสิ่งกีดขวาง

<<เคล็ดวิชาโบราณการ : เปลวเพลิงแห่งหยิน-หยาง>> ไม่สามารถวัดเป็นระดับขั้นได้ พลังปราณของมันนั้นสร้างจากเคล็ดวิชาโบราณ ดังนั้นความรุนแรงของเปลวเพลิงขึ้นอยู่กับระดับความแข็งแกร่งของผู้ฝึกฝนเคล็ดวิชากายาบรรพกาล

"อ่า เคล็ดวิชานี้ช่างเรียนรู้ง่ายยิ่งนัก"ชิงสุ่ยรู้สึกว่ามือของเขานั้นค่อยค่อยปล่อยคลื่นพลังงานความร้อนออกมา

นี้เป็นข้อบ่งชี้ว่าเขานั้นเรียนรู้<<เคล็ดวิชาโบราณการ : เปลวเพลิงแห่งหยิน-หยาง>>ได้สำเร็จ

ถ้าชิงสุ่ยรู้ว่าเขานั้นอยู่ท่ามกลางการเรียนรู้ที่แท้จริง เขาจะสามารถเข้าใจว่ามันไม่น่าแปลกใจเลย

ชิงสุ่ยยังคงมุ่งมั่นในการทำความเข้าใจ <<เคล็ดวิชาโบราณการ : เปลวเพลิงแห่งหยิน-หยาง>> เช่น ในระหว่างการใช้งาน เขาค่อยค่อยปรับความเข้มข้นของพลังปราณ และเรียนรู้วิธีการควบคุมเปลวเพลิงที่ถูกปล่อยออกมา

เมื่อเวลาผ่านไป อุณหภูมิที่แผดเผาบนฝ่ามือของเขานั้นทำให้อุณหภูมิร่างกายของเขานั้นสูงขึ้นและสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ที่น่าแปลก เขากลับไม่รู้สึกอึดอัดใดใดเลย ถ้าหากไร้ซึ่งความแข็งแกร่งของร่างกายและอวัยวะภายในที่ฝึกฝนจากเคล็ดวิชากายาบรรพกาลมันเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะถูกเผาจนกลายเป็นขี้เถ้า

เมื่ออุณหภูมิเพิ่มขึ้นอย่างช้าช้า การไหลเวียนพลังปราณของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างช้าช้าเพื่อเสริมแรงในการเผาผลาญอุณหภูมิ พลังปราณที่ไหลเวียนจากเคล็ดวิชาโบราณกำลังถูกบีบอัด

เวลาประมาณ 15 นาทีผ่านไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ฝ่ามือของชิงสุ่ยสลับไปมาระหว่างสีแดงและสีฟ้า มือทั้งสองข้างและอุณหภูมิของร่างกายสูงขึ้นจนทำให้เขารู้สึกชา ในขณะที่เขาสลับไปมาระหว่างความร้อนที่แผดเผาและความเย็นที่หนาวยะเยือก สุดท้าย "เพล้งง" เปลวเพลิงประมาณ 1 นิ้ว ก็ประทุขึ้นราวกับพลุที่ระเบิดบนฝ่ามือ

"นี่สินะคือเปลวเพลิงหยิน-หยาง" ชิงสุ่ยจับจ้องไปที่เปลวเพลิงสีเทาบนฝ่ามือของเขา แต่ที่ผิดปกติคือ มันไม่ได้ให้ความรู้สึกถึงความร้อนแต่กลับให้ความรู้สึกหนาวเย็นออกมาแทน

โลกและสรวงสวรรค์ตั้งถูกจัดเป็นหยินและหยาง กลางคืนคือสีดำ กลางวันคือสีขาว เยือกแข็งและเปลวเพลิงผสมรวมเป็นหนึ่ง นี่คือสิ่งที่เรียกว่าหยินและหยาง

เปลวเพลิงที่คุกรุ่นขนาดเพียง 1 นิ้ว แต่ชิงสุ่ยกลับรับรู้ได้ถึงความรุนแรงและแรงกดขี่ที่อยู่ภายในอย่างชัดเจน

นี่คือเปลวเพลิงหยินและหยาง ที่สามารถเผาผลาญได้ทุกสรรพสิ่ง

ในขณะที่ชิงสุ่ยกำลังวิเคราะห์เปลวเพลิงหยิน-หยาง เขายังคงศึกษาวิธีใช้งานมันอีกด้วย

"อะไรคือการแยกเปลวเพลิงหยิน-หยางออกจากกัน?" ชิงสุ่ยจับจองวิธีการที่ปรากฏนี้

มันคือการแยกส่วนประกอบระหว่างเปลวเพลิงแห่งหยินและเปลวเพลิงแห่งหยางก่อนที่จะนำมันมารวมกัน ซึ่ง<<เคล็ดวิชาโบราณการ : เปลวเพลิงแห่งหยิน-หยาง>>จะอยู่ในรูปแบบตรงข้าม คือการรวมหยินหยางเข้าด้วยกัน ก่อนที่จะแยกออกเป็นงเปลวเพลิงแห่งหยินและเปลวเพลิงแห่งหยาง

หากสงสัยว่าทำไมจะต้องแยกเปลวเพลิงออกจากกัน มันเป็นเพราะว่า ส่วนวัตถุดิบหยินตามธรรมชาติ นั้นต้องการเปลวเพลิงหยินเพื่อปรับแต่ง ขณะที่เปลวเพลิงหยางถูกใช้เพื่อปรับแต่งวัตถุดิบหยาง และเปลี่ยนแปลงบางสิ่งบางอย่างภายในวัตถุนั้น

มีวัตถุดิบจำนวนมากหลากหลายชนิดที่จะใช้เปลวเพลิงหยางในตอนเริ่มต้น และตามด้วยเปลวเพลิงหยิน และกลับมาใช้เปลวเพลิงหยางอีกครั้งเพื่อเสร็จสิ้น ในบางครั้งเพื่อการผสม ส่วนผสมทางจิตวิญญาณที่หายาก จำเป็นต้องใช้เปลวเพลิงทั้งคู่

เมื่อเปลวเพลิงสีเทาก่อนหน้านี้จางหาย เขาได้เริ่มใช้พลังปราณจากเคล็ดวิชากายาบรรพเพื่อพยายามที่จะแยกระหว่างหยินและหยางออกจากกัน ในที่สุด มือซ้ายของชิงสุ่ยก็เริ่มเผยเห็นเปลวเพลิงแห่งหยาง ในขณะที่มือขวาของเขานั้นเริ่มเคยเห็นเปลวเพลิงแห่งหยิน

การฝึกฝนยิ่งทำบ่อยก็ยิ่งทำให้เก่งขึ้น

เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างคล้ายกับการเดินทางในเส้นทางสายเก่าที่คุ้นเคย ครึ่งซ้ายของชิงสุ่ยเริ่มร้อนขึ้น ในขณะที่ครึ่งขวาของเขานั้นหนาวเย็นจนสัมผัสได้ หยินหยาง หยางหยิน ดูเหมือนว่าเขาจะประสบความสำเร็จในการฝึกฝน ตอนนี้ซีกซ้ายของเขานั้นเต็มไปด้วยปราณหยาง และซีกขวาที่เต็มไปด้วยพลังปราณหยิน

หากไร้ซึ่งการรับรู้ที่แท้จริง เขาก็ไม่อาจเรียนรู้เทคนิคเหล่านี้ ทั้งหมดที่เขารู้นั้นเขารู้สึกว่าพระเจ้าทรงประทานพรให้กับเขา การถูกเคาะหัวเบาเบาโดยมือของเด็กหญิงสาวสวย ช่วยให้เขาปลดผนึกทักษะการปรุงยา และเคล็ดวิชาเปลวเพลิงโบราณนี้ได้

เหวินเหรินอูซวง ถือได้ว่าเป็นดวงดาวแห่งความโชคดีของเขา หากเขายังคบหาสมาคมกับเธอ ใครจะคาดคิด บางทีเขาอาจจะสามารถบรรลุขั้นเทวะเซียนเทียนก็เป็นได้

ชิงสุ่ยหยุดคิดฟุ้งซ่าน และมุ่งมั่นในการฝึกฝน<<เคล็ดวิชาโบราณการ : เปลวเพลิงแห่งหยิน-หยาง>>

ชิงสุ่ยเพราะว่าในขณะที่เขาใช้เคล็ดวิชากายาบรรพกาลร่างกายของเขานั้นไม่รู้สึกอึดอัดเลยระหว่างการสลับเปลี่ยนในด้านพลังงานความร้อนและความเย็น ครั้งแรกที่เขาได้สัมผัสกับพลังนี้ เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจอย่างยิ่ง

การที่จะสามารถแยกเปลวเพลิงหยินและหยางออกเป็นสองส่วนได้นั้นจำเป็นต้อง มีความมุ่งมั่นในการแบ่งแยก และสามารถควบคุมความสงบภายในใจให้มั่นคง หากเกิดอาการสับสนมันอาจจะส่งผลให้เกิดอันตรายได้

หากไร้ซึ่งโชคชะตา แม้เขาจะฝึกอีกนับ 20 ปี ก็คงไม่อาจเข้าใกล้สาระสำคัญของเคล็ดวิชานี้ได้เลย

เพล้ง เพล้ง เปลวเพลิงปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของชิงสุ่ยอีกครั้ง มันเปล่งรัศมีประมาณ 1 นิ้ว

เปลวเพลิงหยางสีขาวปรากฏขึ้นบนฝ่ามือข้างซ้าย สีของมันลักษณะราวกับสีของหิมะขาว เปลวเพลิงหยินสีดำปรากฏขึ้นบนฝ่ามือข้างขวา สีของมันลักษณะราวกับสีของหมึกสีดำ

มันทั้งน่าประหลาดใจและน่าตกใจ

ชิงสุ่ยมองไปยังสีเปลวเพลิงตรงข้ามกันตามธรรมชาติในมือของเขา

หนึ่งกำลังซึ่งแสงรุนแรงแผดเผา ในขณะที่อีกหนึ่งกำลังเปล่งแสงคลื่นแห่งความหนาวเย็น ตำนานกล่าวไว้ว่าเปลวเพลิงสีขาวสามารถปรุงแต่งจิตมนุษย์ได้ ในขณะที่เปลวเพลิงสีดำนั้นสามารถทำลายลึกไปยังกระดูก แต่ทั้งหมดทั้งมวลนั้นสามารถทำลายล้างได้ถึงจิตและวิญญาณ อย่างไรก็ตามพลังเหล่านั้นก็ยังไม่เพียงพอที่จะปรับแต่งจิตวิญญาณในวัตถุดิบต่างๆใน เพียงเพราะเขานั้นบรรลุพลังปราณในเคล็ดวิชากายาบรรพเพียงขั้นที่ 3 เท่านั้น

หลังจากเริ่มคุ้นเคยกับเคล็ดวิชานี้ ชิงสุ่ยเริ่มตรวจสอบเคล็ดวิชาอื่นที่ถูกปลดผนึก

ฮ่า ฮ่า ฮ่า ยังเหลือสิ่งที่ดีอยู่อีกด้วย

0 0 โหวต
Article Rating
7 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด