ตอนที่แล้วตอนที่ 073 – คำอธิบายของจิ่งเหา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 075 – กลุ่มโจรแพนด้า

ตอนที่ 074 – รอยแยกปราณ


ตอนที่ 074 – รอยแยกปราณ

 

จิ่งเหาไม่ได้ใช้พลังของเขาทั้งหมดเพื่อทะยานไป เห็นได้ชัดว่าเขาใส่ใจในถังเทียนผู้ที่ซึ่งมีวิชาตัวเบาระดับสามที่ย่ำแย่ นี่มันเป็นโอกาสที่ถังเทียนสามารถเห็นได้ชัดเจนถึงวิชาตัวเบาของจิ่งเหาอย่างใกล้ชิดเช่นเดียวกัน จิ่งเหามีการก้าวเท้าที่พิเศษ การเคลื่อนไหวของเขาเป็นเส้นตรง ราวกับเขาวัดมันด้วยบรรทัด ถ้าเขาต้องการที่จะเลี้ยว เขาจะเลี้ยวอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นเขาก็จะกลับไปเป็นเส้นตรงอีกครา ถ้าหากจำเป็นต้องเลี้ยวช่วงกว้าง มันก็รู้สึกแปลกอย่างยิ่ง ราวกับเขาเป็นเครื่องจักรมนุษย์ หลังจากนั้นเขาก็จะกระตุก กึก กึก กึก

จิ่งเหาสังเกตเห็นถังเทียนสังเกตการณ์วิชาตัวเบาของเขาเองพลางกล่าว “ข้าฝึกฝน [ย่างก้าวบรรทัด] เป็นวิชาตัวเบา ยามเมื่อข้าเคลื่อนไหวมันจะเป็นเส้นตรงตลอดเวลา

“มันจะเกิดอันใดขึ้นยามเมื่อท่านโจมตีเล่า?” ถังเทียนกล่าวถามอย่างอยากรู้ “คู่ต่อสู้สามารถที่จะปัดป้องท่านได้อย่างง่ายดาย!”

“ถูกต้อง แต่จุดเด่นของย่างก้าวเป็นเส้นตรงมันคือระยะห่างที่สั้นลงและรวดเร็ว ถ้าเจ้าสามารถฝึกฝนจนไปถึงขอบเขตความเร็วสูงสุด จากนั้นเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าคู่ต่อสู้จะรู้การเคลื่อนไหวของเจ้า เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถที่จะป้องกันเจ้าได้ทัน” จิ่งเหากล่าวอย่างลวกๆ

“ถ้างั้นมันรวดเร็วเท่าใดกัน?” ถังเทียนตกใจ มันเป็นจริงตามที่ว่ายิ่งเป็นเส้นตรงมันก็ยิ่งเป็นระยะทางที่สั้น แต่ภายในวิชาการต่อสู้ การโจมตีเป็นเส้นตรงมันหายากยิ่งนัก เนื่องเพราะมันง่ายดายที่จะถูกศัตรูมองออกได้ ภายในการต่อสู้ ยามเมื่อกระบวนท่าถูกมองออก งั้นมันก็หมายความว่าตกอยู่ภายในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ

“รวดเร็วเพียงพอ” จิ่งเหาเหลือบมองไปยังวิชาตัวเบาของถังเทียน เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและภายในมือของเขาก็ปรากฏยันต์จิตวิญญาณมากมาย “มันมีวิชาตัวเบาอยู่สองสามใบที่นี่ ลองดูว่ายันต์อันใดในพวกมันที่เขาชื่นชอบ”

พวกมันต่างเป็นยันต์จิตวิญญาณระดับสี่ พวกมันทั้งหมดเป็นขั้นเงิน [พลิ้วไหวดั่งสายลม] [ปีกโบราณ] [แปดก้าวหยั่งรู้] [พันก้าวท่องไพร]

“[พลิ้วไหวดั่งสายลม] มุ่งเน้นที่ไปความเร็ว มันเหมาะสมอย่างยิ่งกับการเดินทางไกล [ปีกโบราณ] เหินทะยานได้ในระดับที่สูงมาก ถ้าหากเจ้าใช้ร่วมกับวิชาการต่อสู้อื่น กำลังของเจ้าจะเพิ่มขึ้น [แปดก้าวหยั่งรู้] มันแปรเปลี่ยนอย่างซับซ้อนมาก มันเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งอย่างรวดเร็ว แต่มันก็ยากที่จะฝึกฝนจนเชี่ยวชาญ [พันก้าวท่องไพร] มันเหมาะสมสำหรับการหลบหลีกที่ซับซ้อนและเหินทะยาน พวกมันแต่ละวิชาต่างมีจุดเด่นของพวกมันเอง” จิ่งเหาแนะนำ

ถังเทียนขบคิดพลางกล่าว “ข้าต้องการ [แปดก้าวหยั่งรู้]”

สำหรับการเดินทางระยะไกล เขามีเครื่องกลกระจอกเทศทองสัมฤทธิ์อยู่แล้ว วิชาตัวเบาอีกสองอันก็ไม่เหมาะสมกับรูปแบบการต่อสู้ของเขา มีเพียง [แปดก้าวหยั่งรู้] ที่เหมาะสมกับเขาในฐานะผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด

จิ่งเหามิได้กล่ามถามอันใดและก็ส่ง [แปดก้าวหยั่งรู้] ให้ถังเทียน

ขณะที่พวกเขาก้าวไปข้างหน้า ท่าทางของจิ่งเหาก็ขึงขังด้วยความระมัดระวัง เขาจับบนกระบี่ที่ข้างเอวของเขา

พรึบ!

ทันใดนั้น ลำแสงของเงาก็ปรากฏขึ้นภายในความมืด ถังเทียนก็สะดุ้ง เขาเพียงสัมผัสถึงลมสี่สายเบื้องหน้าของเขา มันเร็วมากและออกมาอย่างรวดเร็วจนทำให้เขาไม่ทันตอบสนอง

แสงอันเยือกเย็นเล็กน้อยก็พลันปลดปล่อยออกมาเบื้องหน้าถังเทียน

กลุ่มก้อนเงาสีดำก็ถูกแยกออกเป็นสอง

กระบี่ของจิ่งเหาก็กลับเข้าไปยังฝักของเขา

จนกระทั่งตอนนี้ ขนของถังเทียนก็ลุกชันฉับพลัน สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนไป ถ้าหากไม่ใช่เพราะจิ่งเหา เขาคงจะตายตกไปแล้ว! เขามองลงไปยังเท้าของเขาด้วยความหวาดกลัว เงาสีดำถูกแยกออกเป็นสองและบนร่างของมันก็มีปีกสีดำสองปีก

“มันคือค้างคาวทมิฬ” เสียงของจิ่งเหาดังเข้าไปภายในหูของถังเทียน “อสูรจิตวิญญาณดาราขั้นห้าที่รวดเร็ว ถ้าเจ้ามองไปรอบๆ มันจะมีแก่นจิตวิญญาณ”

ไม่น่าแปลกใจเลยที่มันน่ากลัว มันคืออสูรจิตวิญญาณดาราขั้นห้า!

ถังเทียนยังคงซีดเผือดเล็กน้อย แต่เขาก็สงบตัวเขาลงได้อย่างรวดเร็ว เขาพบแก่นจิตวิญญาณของค้างคาวทมิฬ มันใหญ่เท่าเม็ดถั่วเหลือง และส่องประกายสีดำ ยามเมื่อถังเทียนยื่นไปให้จิ่งเหา เขาก็ส่ายหัวของเขาพลางกล่าว “ให้เจ้า ข้าไม่จำเป็นต้องใช้มัน”

ถังเทียนได้ยินก็มิได้กล่าวอันใดก็เก็บมันไป ในตอนนี้เขาพลันตระหนักได้ว่ากระบี่ของจิ่งเหารวดเร็วเพียงใด

เขาสูดหายใจเข้าลึก และชุดเกราะก็ปรากฏบนร่างของเขา ชุดเกราะนกยูงสีน้ำเงินอันเยือกเย็น มันมิได้เปล่งประกายภายในความมืด และเขาก็คลึงสนับมือบนหมัดของเขาแน่น

“ไปกันเถอะ” ปราศจากความกังวล จิ่งเหากล่าวและเดินหน้าต่อไป

ถังเทียนติดตามอย่างใกล้ชิด บางคราที่เขาจะสำรวจไปยังรอบๆด้วยความระวัง จากนั้นเขาก็กล่าวถามเบาๆ “มันมีอสูรจิตวิญญาณดารามากเท่าใด?”

“มากมายนัก” จิ่งเหากล่าว “เนื่องจากในตอนแรกเริ่ม ข้าคิดว่ามันจะต้องมีสมบัติอยู่ที่นี่ จากนั้นข้าก็ตระหนักได้ว่ามันมีอสูรจิตวิญญาณดารามากมายเกินไป สถานที่นี้ยังคงสบายใจได้ พวกมันยังคงอยู่ในระดับต่ำ ยิ่งลึกเท่าใดที่เจ้าเข้าไป มันก็จะยิ่งมีอสูรจิตวิญญาณดาราที่แข็งแกร่งมากออกมา แม้ว่าผู้ยิ่งใหญ่จากสมาคมนักสู้แห่งแสงก็ยังไม่กล้าที่จะลงไปข้างล่าง มิมีผู้ใดรู้ได้เลยว่ามันมีอะไรซ่อนอยู่ข้างใต้”

ระดับต่ำ...

ถังเทียนรู้สึกหดหู่เล็กน้อย เขาเกือบจะถูกสังหารโดยอสูรจิตวิญญาณดาราระดับต่ำ...

เขาโชคดียิ่งที่เขาไม่ต้องพบเจอสิ่งที่น่ากลัวในระหว่างทาง ทันใดนั้น ถังเทียนก็สังเกตเห็นว่าไม่ไกลออกไป มันมีหลุมรูปวงรีขนาดต่างกันกว่าสามสิบหลุม หลุมเล็กสุดกว้างเพียงครึ่งเมตร ขณะที่หลุมใหญ่สุดกว้างมากกว่าสิบเมตร ถังเทียนสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงปราณจากหลุมว่ามันหนาแน่นและเข้มข้นกว่าสถานที่อื่น

สังเกตเห็นสายตาของถังเทียน จิ่งเหาก็กล่าว “นั่นคือบ่อปราณ”

ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง เขาก็เดินหน้าต่อไป

ถังเทียนรู้สึกแปลกๆเล็กน้อย พวกมันคือบ่อปราณอย่างงั้นหรือ? ถังเทียนสามรถเห็นได้ชัดเจน เหล่าบ่อปราณเหล่านี้ต่างมิต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นสถานที่ดีในการบ่มเพาะปราณแท้จริง พวกมันเข้มข้นไปด้วยปราณที่เหนือกว่ายิ่งจากสถานที่ข้างนอก ถ้าหากเขาอยู่ด้านนอกและมันมีสถานที่เช่นนี้ บุคคลเบื้องหน้านี้ก็ฉกฉวยมันไปหมดแล้ว มีเพียงสถานที่อันตรายและมืดมิดเช่นนี้เท่านั้น ที่มิมีผู้ใดกล้าที่จะมาฉกฉวยพวกมันไป

ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา หลังจากที่เปลี่ยนไปมาไม่รู้จบ ถังเทียนก็มีอาการมึนงง

ทันใดนั้น จิ่งเหาก็เบียดเข้าไปยังรอยแตกเล็กๆ รอยแยกจำเป็นต้องหันข้างถึงจะเข้าไปได้ มันมีรอยแยกอยู่มากมายภายในใต้ดิน ถังเทียนก็รีบเร่งขึ้น

หลังจากผ่านรอยแยกมา ถังเทียนก็ตกตะลึงโดยภาพเบื้องหน้าของเขา

จุดแสงสีน้ำเงินเริ่มล่องลอยออกมาจากหุบเหว มันมีมากมายเป็นอย่างยิ่ง ราวกับมันเป็นมหาสมุทรสีน้ำเงิน พวกมันพุ่งออกมาจากหุบเหวอย่างต่อเนื่อง และขณะที่พวกมันลอยไปบนท้องฟ้า สีของพวกมันก็จางลง และพวกมันก็ดับลงจนกระทั่งพวกมันสลายหายไปในอากาศ

จุดแสงน้ำเงินขนาดเท่าเมล็ดข้าวเริ่มเกิดประกายแสงและก็สลายไป

“เหล่ากลุ่มก้อนแสงนี้คือปราณ” น้ำเสียงของจิ่งเหารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “เพื่อที่จะฝึกฝนภายในสถานที่เช่นนี้ ความเร็วของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างยิ่ง จุดเด่นของสถานที่แห่งนี้คือบ่อปราณ ความเข้มข้นของปราณมันเหนือเกินกว่าที่จะกล่าวได้”

“มันมีสถานที่ลึกลับเช่นนี้บนโลกได้เยี่ยงไรกัน?” ถังเทียนกล่าวอย่างตะกุกตะกักขณะที่เขาถาม

จุดแสงล่องลอยมาเบื้องหน้าของเขา เขาก็ยื่นไปคว้าจับดวงแสง แสงปลดปล่อยออกมาทำให้รู้สึกหนาวสั่นเล็กน้อยขณะที่สัมผัสผิวของเขา ในชั่วพริบตา ความหนาวสั่นก็สลายหายไปและมันก็แทรกซึมเข้าไปภายในร่างของเขา ถังเทียนรู้สึกเพียงมีพลังขึ้น

“ข้าก็มิรู้เช่นกัน” จิ่งเหาเหมือนจะหลงใหลมันและอย่างรวดเร็วเขาก็ฟื้นคืนความสงบปกติของเขา “ข้าพบเจอสถานที่แห่งนี้โดยบังเอิญ ปราณอันนี้มันไม่มีสังกัดธาตุใด มันเป็นปราณที่อยู่ประมาณขั้นสี่ มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเจ้าในปัจจุบันนี้ มันมีประสิทธิภาพมากในที่นี่ เจ้าสามารถที่จะเริ่มบ่มเพาะได้”

หลังจากจิ่งเหาก็นั่งขัดสมาธิและเริ่มต้นบ่มเพาะ

ถังเทียนสังเกตเห็นและก็นั่งเช่นเดียวกัน

เขากระตุ้นใช้วิชาการบ่มเพาะปราณของเขา และในทันทีดวงแสงสองสามลูกก็เริ่มบินมายังถังเทียนราวกับพวกมันถูกดึงดูดมา

ถังเทียนมุ่งมั่นอย่างยิ่ง เขาสามารถรู้สึกได้เพียงความสบายขณะที่ปราณแท้จริงพุ่งเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ในชั่วพริบตา บ่อตันเถียนที่สี่ของเขาก็เกือบเต็ม ถังเทียนหยุดดูดซับดวงแสงปราณ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มกระตุ้นปราณแท้จริงภายในร่างของเขา ซึ่งมันเริ่มหลั่งไหลไปภายในเส้นชีพจร

ถังเทียนเพิ่งเริ่มบ่มเพาะ [จตุมังกรสวรรค์] การบ่มเพาะปราณของเขาและเส้นชีพจรของเขายังไม่สามารถที่จะทำงานได้เต็มศักยภาพของมัน ปราณแท้จริงของถังเทียนเจาะทะลวงเข้าไปเล็กน้อย ขณะที่มันผ่านไปยังเส้นชีพจร มันก็ขยายตัวตลอดเวลา กระบวนการนี้ยาวนานและเชื่องช้า ด้วยแรงดันเล็กน้อย ปราณแท้จริงของถังเทียนก็กระจายอย่างรวดเร็ว และมันก็แทบหมดสิ้น

เป็นดั่งเช่นปกติ ถังเทียนเริ่มใช้วิชาบ่มเพาะปราณของเขา วงจรนี้ก็กระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ในที่สุดถังเทียนก็เข้าใจได้ว่าทำไมจิ่งเหาจึงมั่นใจว่าปราณในที่นี้สามารถที่จะช่วยเหลือฟื้นฟูปราณแท้จริงของถังเทียนภายในชั่วเวลาสั้นๆ

มันช่างเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของการบ่มเพาะ!

ถังเทียนจมอยู่ในการบ่มเพาะอย่างรวดเร็ว

ในวันที่ห้า

จิ่งเหาเปิดตาของเขาขึ้น เขามองไปยังถังเทียนผู้ซึ่งนั่งห่างไปไม่ไกล ความตกใจปรากฏขึ้นมาภายในดวงตาของเขา สำหรับการบ่มเพาะสิบวันอย่างต่อเนื่อง จิ่งเหาไม่สามารถทนทานไหว ช่วงเวลาของการบ่มเพาะมันหนักแน่นและขมขื่นและมันง่ายดายที่จะทำให้จิตใจเหนื่อยล้า

ดังนั้นยามปกติหลังจากห้าวันแล้ว จิ่งเหาจะแปรเปลี่ยนกลับมาพักผ่อน และนั่นคือขีดจำกัดของเขา

หลังจากนั้นไม่นาน ถังเทียนก็เปิดตาของเขาขึ้น จิ่งเหาก็กล่าวถาม “ข้าจะขึ้นไปข้างบนเพื่อพักผ่อน เจ้ามีแผนจะกระทำเช่นไร?”

“ข้าจะฝึกบ่มเพาะต่อไป” ถังเทียนกล่าว “ข้าได้นำอาหารแห้งมาบ้างแล้ว”

จิ่งเหามิได้คัดค้านพลางกล่าว “ถ้าเจ้ารู้สึกเหนื่อยล้า ก็พักสักหน่อย มันมิใช่ว่าวันหรือสองวันที่เจ้าจะสามารถบ่มเพาะมันได้ทุกสิ่ง”

“ไม่ล่ะ ข้ายังไม่เหนื่อย” ถังเทียนมิได้โกหก สำหรับเขา ห้าวันของการบ่มเพาะซ้ำแล้วซ้ำเล่ามันมินับเป็นอันใด

เมื่อฟังที่ถังเทียนกล่าวเช่นนั้น จิ่งเหาก็มิได้บังคับเขา “มันปลอดภัยในที่นี่ อย่าได้เดินออกไปจากรอยแยกนี้”

“ตกลง!” ถังเทียนกล่าวตอบอย่างจริงจัง

หลังจากจิ่งเหากล่าวเสร็จ เขาก็หันหลังจากไป

ถังเทียนยืดตัวของเขาขึ้น ร่างของเขารู้สึกด้านชาเล็กน้อยจากการนั่งมาเป็นเวลาห้าวันเต็ม เขาใช้ออกวิชาหมัดของเขาสองสามคราเพื่ออบอุ่นร่างของเขาก่อนที่เขาจะเข้าไปยังประตูกางเขน

“ลุงทหาร ท่านเคยพบเห็นสถานที่เช่นนี้มาก่อนหรือไม่” ถังเทียนอดไม่ได้ที่จะกล่าวถามทหาร

ทหารพยักหน้า “เคยสิ มันเรียกว่ารอยแยกของปราณ มันมีอยู่หนึ่งแห่งภายในกองทัพ แต่มันไม่ใช่เช่นสถานที่นี้ ข้าจดจำได้ว่า มันเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ที่สุดของรอยแยกของปราณคือการที่พวกเราใช้มันชำระร่างกายของพวกเรา”

“ชำระล้าง?” ถังเทียนถูกดึงดูดด้วยคำนี้

“ถูกต้อง ร่างกายของมนุษย์มันน่าทึ่งและแปลกประหลาดมาก บางคนมิได้คุ้นเคยกับปราณธรรมชาติตั้งแต่กำเนิด และดังนั้นพวกเขาจึงบ่มเพาะมัน แต่ความเร็วในการบ่มเพาะมันก็ช้ายิ่งนัก แม้ว่าพวกเราจะบ่มเพาะปราณแท้จริง ร่างของเขาก็จะปฏิเสธปราณแท้จริง ในกรณีที่ร้ายแรง บางคนมิสามารถแม้กระทั่งบ่มเพาะวิชาการต่อสู้ อย่างไรก็ตาม เหล่าผู้คนนี้ก็มีพรสวรรค์ในด้านอื่น”

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าข้าเป็นประเภทนั้น?” ถังเทียนชี้ไปยังจมูกของเขา

“เจ้าไม่ได้เป็นเช่นนั้น” ทหารอธิบาย “ร่างของเขามิได้ปฏิเสธปราณแท้จริง พรสวรรค์ของเจ้าเลวร้ายเนื่องจากเจ้ามีความสมดุลและสัดส่วนที่มากเกินไป กล่าวตามตรง ข้าก็สงสัยเกี่ยวกับวิชาการต่อสู้ของเจ้าเหลือเกิน ในระหว่างยุคสมัยพวกเรา บุคคลเช่นเจ้าเป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกที่ดีที่สุด พวกเราคิดว่าถ้ามีสัดส่วนที่ดี พวกเขาคงจะไม่สามารถควบคุมได้ง่าย”

“เป็นเช่นนั้นหรือ? งั้นข้าก็ทรงพลังอย่างยิ่งน่ะสิ” ดวงตาถังเทียนสว่างวาบ

“ข้ามีความเข้าใจอย่างจำกัดภายในวิชาการต่อสู้ในปัจจุบัน ข้ามิอาจจะอธิบายได้มากไปกว่าที่เจ้ารู้” ทหารกล่าวตามตรง “เจ้าไม่จำเป็นต้องชำระล้าง ร่างของเจ้าคุ้นเคยกับพลังปราณเป็นอย่างยิ่ง”

ถังเทียนรู้สึกผิดหวัง

“โอ้ ข้าจดจำได้ว่า รอยแยกของปราณก็สามารถที่จะฝึกจิตวิญญาณได้ด้วยเช่นกัน” ทหารพลันจดจำได้กระทันหัน

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด