ตอนที่แล้วAST บทที่ 21 – แกร่งเพื่อที่จะแกร่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปAST บทที่ 23 – คำถามในระดับอาณาจักรพลัง

AST บทที่ 22 - การโป้ปดอย่างช่วยไม่ได้


บทที่ 22 - การโป้ปดอย่างช่วยไม่ได้

หนังสือ 3 เล่มที่ชิงอี้กล่าวมานั้นไม่ใช้เป็นหนังสือที่หายากแต่อย่างใด ในความจริงพวกมันค่อนข้างจะเป็นหนังสือที่เชื่อมต่อกัน เพียงแค่ชื่อหนังสือก็สามารถบอกได้ถึงความรู้ที่ถูกบันทึกเอา มันคือความรู้ที่เป็นรากฐานที่ถูกค้นพบโดยความรู้ของนักปรุงโอสถ

“ดังนั้นการคัดลอกหนังสือนี้จึงเป็นเรื่องที่ธรรมดามาก เนื่องด้วยมันไม่ได้เป็นหนังสือที่เป็นความลับของตระกูลใดตระกูลหนึ่ง เกือบทั้งหมดหมู่บ้านชิงจึงสามารถหาหนังสือทั้ง 3 เล่มนี้ได้โดยง่าย เพราะหากยามที่พวกเขาออกล่าสัตว์เพื่อมาเป็นอาหารในป่า พวกเขาอาจจะมีโชคได้เจอขุมทรัพย์โอสถแต่พวกเขาจะไม่ได้รับมันไป หากปราศจากความรู้ในหนังสือเหล่านั้น”ชิงอี้อธิบาย และพบกับสายตาแสดงความอยากรู้อยากเห็นของชิงสุ่ย

หลังจากเรียนรู้จากชิงอี้เกี่ยวกับเรื่องที่คัดลอกหนังสือโลกแห่งการรักษา หนังสือสารานุกรม 10,000 พันธุ์โอสถ และหนังสือเสถียรภาพผสานโอสถ ว่าเป็นที่แพร่หลายมาก ชิงสุ่ยสามารถเข้าใจได้ทันทีว่าความรู้ภายในหนังสือเหล่านั้นจะต้องอยู่ในระดับที่พื้นฐานมากๆสำหรับนักปรุงโอสถฝึกหัด เพราะหากหนังสือนั้นเป็นของหายากและมีค่ามาก ทำไมผู้คนถึงเข้าถึงมันได้โดยง่าย?

ตั้งแต่ที่ชิงสุ่ยตัดสินใจที่จะเป็นนักปรุงโอสถ เขาก็ตัดสินใจที่จะศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับผู้ปรุงโอสถ เนื่องด้วยเขาไม่มีวิถีทางที่สามารถบรรลุผ่านเคล็ดวิชากายาบรรพกาลขั้นที่ 4 ไปได้ในตอนนี้ ชิงสุ่ยจึงต้องรีบคว้าโอกาสนี้ในการศึกษามัน เขาต้องการศึกษาข้อมูลของการเป็นนักปรุงโอสถว่าเหมือนกับนักปรุงโอสถในเกมส์(Western fantasy)ที่เขาเคยเล่นหรือไหม หากใกล้เคียงมันจะเป็นการง่ายที่เขาจะเรียนรู้มันในโลก 9 ทวีปนี้

“ชิงสุ่ย ทำไมอยู่ลูกถึงดูสนใจกับการอ่านหนังสือ?” ชิงอี้ถามด้วยความรู้สึกสงสัย

“ท่านแม่ ท่านทำการค้าเหล่าโอสถ ลูกจึงรีบศึกษาทำความเข้าใจในพวกมันทั้งหมดเพื่อหวังว่าลูกจะสามารถช่วยเหลือท่านแม่ได้ ใครจะไปรู้ว่าในอนาคตลูกอาจจะเป็นนักปรุงโอรถที่ยิ่งใหญ่ได้” ชิงสุ่ยกล่าวติดตลก

“เจ้าเด็กน้อยจอมเจ้าเล่ห์ ลูกคิดว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆที่จะแปรเปลี่ยนคนธรรมดาคนหนึ่งไปเป็นนักปรุงโอสถอย่างนั้นหรือ?”ชิงอี้ยิ้มเล็กน้อย

“ไม่เป็นไร แม่จะคอยดูวันที่เจ้าประสบความสำเร็จในอนาคต หลังจากนั้นจะไม่มีผู้ใดกดขี่ข่มเหงลูกได้ แต่มีความกล่าวว่า หนึ่งทุกข์ทรมานหากผ่านพ้นจะพบความสำเร็จสุดล้ำค่า” ชิงอี้กล่าวอย่างอบอุ่นพร้อมลูบผมของชิงสุ่ย ขณะที่ชิงสุ่ยมองไปยังชิงอี้ ก็รับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันยิ่งใหญ่ของแม่ที่มีต่อลูก

“ท่านแม่ ลูกวางแผนจะออกจากหมู่บ้านชิงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ลูกต้องการที่จะเผชิญโลกกว้าง แม้ลูกจะอายุครบ 15 ปี ลูกก็ไม่เคยแม้แต่ก้าวเท้าออกจากหมู่บ้านชิงมาก่อนเลย ลูกเปรียบได้กับคนบ้านนอกที่ทุกคนรู้ดี” ชิงสุ่ยปรารถนาที่จะเผชิญโลกกว้าง เขารู้ดีว่าเรื่องนี้จะต้องทำให้ชิงอี้เป็นกังวลอย่างแน่นอน และความแข็งแกร่งของเคล็ดวิชาดอกบัวปราณฟ้าของเขายังอยู่เพียงขั้น 3 อีกด้วย

ชิงอี้ขมวดคิ้วแสดงความกังวลพร้อมกล่าวโทษตัวเองภายในจิตใจ เธอตำหนิตัวเองที่ไม่ได้พาชิงสุ่ยเดินทางไปเมืองร้อยไมล์ด้วย ชิงอี้กลัวว่าชิงสุ่ยอาจจะสนใจในสถานที่ต่างเมืองมากจนปฎิเสธที่จะกลับมาหมู่บ้านชิง!! เขาจะต้องถูกกลั่นแกล้งจากภายนอกหมู่บ้านชิงเพราะความแข็งแกร่งอันน้อยนิดของเขา

ชิงอี้ไม่รู้ว่าสภาพจิตใจของชิงสุ่ยนั้นเป็นผู้ใหญ่นานแล้ว ความเจ็บปวดและความทุกข์ สิ่งเหล่านี้คืออะไร ก่อนความมุ่งมั่นที่แท้จริงนั้นไม่มีสิ่งใด? ชิงสุ่ยทำความเข้าใจได้ตั้งแต่ต้น ในโลกที่การบ่มเพาะคือหัวใจสำคัญ ผู้แข็งแกร่งสามารถตั้งกฏเกณฑ์ได้ทุกสิ่ง พลังคืออำนาจที่ยิ่งใหญ่ เมื่อความแข็งแกร่งถูกนำมากำหนดสถานะของผู้คน มันจะไม่สนใจเพศและวัย

เมื่อมองไปยังคิ้วที่ขมวดของชิงอี้ ชิงสุ่ยรู้ว่าเธอนั้นกังวลในตัวเขา ยังคาดได้ว่าถ้าชิงสุ่ยต้องการออกจากหมู่บ้านมันจะต้องมีเหตุรองรับที่สมควร

“ท่านแม่ ท่านกำลังกังวลว่าลูกจะถูกรังแกใช่หรือไม่?”ชิงสุ่ยกระพริบอย่างใสซื่อบริสุทธิ๋ เพื่อที่จะทำให้บรรยากาศดีขึ้น

“อืม ชิงสุ่ย เอาแบบนี้ ลูกอยู่ที่นี้อีกไม่กี่เดือนจนแม่งานยุ่งน้อยลง แล้วแม่จะไปเผชิญโลกกว้างพร้อมลูกด้วย เอาไหม?” ชิงอี้รู้สึกข่มขื่นในจิตใจ เธอรู้ดีว่า ตระกูลขนาดใหญ่อย่างตระกูลชิงนั้นต้องใช้เงินจำนวนมาก และการค้าโอสถของเธอในเมืองร้อยไมล์นั้นเรียกได้ว่าเป็นหัวใจในการอยู่รอดของตระกูลชิง นอกจากนี้เมื่อเร็วๆนี้การค้าของเธอเองก็เติบโตเป็นใหญ่ ความลังเลจึงเกิดขึ้น มือข้างหนึ่งเธอก็อยากจะไปพร้อมชิงสุ่ย ในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งเธอก็ต้องดำรงการค้าโอสถแห่งนี้เอาไว้

ตอนนี้ชิงสุ่ยรับรู้ได้ว่าชิงอี้นั้นกำลังกังวลใจในการเลือก

“ท่านแม่ จริงๆแล้วลูกเองไม่ได้อ่อนแออย่างที่ท่านแม่คิดเลย ลูกมีบางอย่างที่ต้องบอกท่านแม่” ชิงสุ่ยรู้สึกไม่สบายใจ เขาไม่สามารถบอกความจริงทั้งหมดได้ แต่ก็พยายามบอกสิ่งที่ใกล้เคียงที่สุดเพื่อให้มันฟังดูเหมาะสมพอให้ชิงอี้เชื่อ

“โอ้ เจ้าเด็กน้อยจอมเจ้าเลห์ เจ้าเติบโตขึ้นมาพร้อมกับการหลอกแม่ด้วยรึ?” ชิงสุ่ยยิ้มเล็กน้อย “เอาล่ะ มาทางนี้ท่านแม่ ลูกมีบางสิ่งซ่อนอยู่”

หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็เห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชิงอี้อีกครั้ง เขารู้ว่ามันเป็นสิ่งทีดี ในตอนนี้ถ้าเขาสามารถโน้มน้าวชิงอี้ได้สำเร็จ เขาก็ยิ่งมีโอกาสที่จะได้ออกไปท่องเที่ยวในโลกกว้างภายนอกหมู่บ้านชิง

“ห้าปีที่ผ่านมา ที่ด้านหลังของภูเขาทิศตะวันตกลูกนี้ ลูกได้พบกับคนโบราณ หลังจากที่เขาเห็นลูก ชายชราคนนั้นก็หัวเราะขึ้นพร้อมทั้งกว่าวอย่างยินดีที่ได้พบกัน ชายคนนั้นรู้สึกต้องชะตากับลูก ชายชราผู้นั้นได้สอนเคล็ดวิชาการบ่มเพาะพลังปราณและบอกว่าเคล็ดวิชาที่แข็งแกร่งนี้มันเหมาะแก่การฝึกฝน ณ ตอนนั้น เขาจึงได้ทำการปรับแต่งเส้นลมปราณ และมวลกระดูกของลูก พร้อมยังสอนเคล็ดวิชาสร้างความแข็งแกร่งจนลูกแข็งแกร่งขึ้นได้ถึงตอนนี้ ก่อนชายชราคนนั้นจะจากไป เขายังสอนเคล็ดวิชาประชิดตัวแก่ลูก ตอนนั้นลูกเองก็ไม่เข้าใจ แต่อย่างไรก็ตามลูกได้ฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ชายชราผู้นั้นได้สั่งสอนจนสำเร็จภายใน 5 ปี จนตอนนี้ผ่านไป 5 ปีแล้ว ลูกเองรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้เรียนรู้เพิ่มจากชายชราผู้นั้น เพราะตอนนั้นลูกเองคิดเพียงแค่ลูกจะต้องสำเร็จขั้นอาณาจักรพลังปราณเทวะเซียนเทียน” ชิงสุ่ยกล่าวโป้ปดพลันผสมรวมความจริงลงไปด้วย

ชิงอี้มองชิงส่ยอย่างไม่เชื่อสายตา ขณะที่เธอพบช่องโหว่หลายๆเรื่องที่ชิงสุ่ยอธิบาย อย่างไรก็ตามเธอเองเลือกที่จะเงียบเอาไว้แทนปล่อยให้ชิงสุ่ยอธิบายจนเสร็จ

“ลูกบอกว่าลูกมีความสำเร็จเล็กหลังจากที่บ่มเพาะเป็นเวลา 5 ปี นั้นคือความแข็งแกร่งที่แท้จริงของลูกใช่หรือไม่” ชิงอี้รุ้สึกชื่นชมในความพยายามของชิงสุ่ยที่ทำให้เธอรู้สึกกังวลน้อยลง อย่างไรก็ตามเธอหวังให้สิ่งที่ชิงสุ่ยกล่าวมาทั้งหมดเป็นความจริง

“อืม ชายชราเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าความแข็งแกร่งที่แท้จะมากที่สุดเพียงไหน อย่างไรก็ตามตอนนี้ลูกสามารถพูดได้เลยว่าความแข็งแกร่งของลูกนั้นสามารถติด 1 ใน 20 เมื่อเทียบความแข็งแกร่งในกลุ่มเยาวชนรุ่นที่ 3 ได้อย่างแน่นอน” ชิงสุ่ยยังคงไม่กล้าบอกความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเขา

“เมื่อเป็นเช่นนี้ เมื่อเห็นแก่ความมั่นใจที่ลูกมี แม่จะให้ลูกเผชิญประลองกับผู้ที่อยู่ในอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 6 ลูกจะต้องประลองกับเขา” ชิงอี้กล่าวด้วยความคาดหวัง เธอไม่สามารถรอที่จะพิสูจน์ความแข็งแกร่งที่ได้เกิดจากการฝึกฝนนานถึง 5 ปี

ชิงสุ่ยยิ้มด้วยความอิ่มเอมใจ แผนการของเขานั้นประสบความสำเร็จ “ถ้าลูกจัดการเขาได้ ท่านแม่จะอนุญาติให้ลูกเดินทางออกจากหมู่บ้านใช่หรือไม่?”

ชิงอี้ลังเลใจสักครู่นึง เมื่อมองไปยังการแสดงออกถึงความมั่นใจที่เกิดขึ้นบนใบหน้าของชิงสุ่ย เธอไม่แน่ใจว่าเธอควรมีความสุขหรือความเศร้า เธอนั้นเป็นห่วงว่าชิงสุ่ยอาจจะชนะ แต่เธอก็หวังว่าเขาจะชนะการประลองนี้อีกด้วย ซึ่งมันจะดีกว่ามากหากเขาสามารถแข็งแกร่งเทียบเท่าผู้ที่ฝึกฝนถึงระดับอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 6 นั้นก็จะหมายความว่าเขานั้นสามารถปกป้องตัวเองได้ยามเมื่ออยู่ภายนอกหมู่บ้านชิง

ชิงอี้ยื่นคำขาดแก่ชิงสุ่ย “พ่ายแพ้ให้แก่แม่ซะ เพราะลูกได้รับอนุญาตเพียงแค่นั้น” ในใจของเธอนั้นกำลังคิดว่าหากชิงสุ่ยแข็งแกร่งจริงตามที่คาดไว้เธอก็จะแอบเพิ่มพลังปราณของเธอขึ้น

“ชิงสุ่ยพลันปรากฏรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา” ลูกพร้อมแล้ว!!!!”

ชิงอี้นั้นอยู่ในระดับอาณาจักรพลังปราณบัญชาสวรรค์ขั้นที่ 8 ถ้าชิงอี้ระงับความแข็งแกร่งไว้เพียงระดับอาณาจักรพลังปราณนักรบขั้นที่ 6 เท่านั้น นั้นก็ที่แน่นอนว่าเขาไม่สามารต่อกรเธอได้

0 0 โหวต
Article Rating
9 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด