ตอนที่แล้วตอนที่ 019 – ผลึกฟ้าติดร่างแห
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 021 – ความประมาทของเสิ่นหยวน

ตอนที่ 020 – มาเหนือเมฆ


ตอนที่ 020 – มาเหนือเมฆ

 

แม้ว่าเขาจะประลองกับอาโม่หลี่เพียงช่วงระยะเวลาสั้นๆ ถังเทียนก็มั่นใจในหมัดอัสนีบาตของเขา แม้ท้ายที่สุดอาโม่หลี่จะยังไม่ได้กระตุ้นใช้ออกปราณแท้จริง แต่การโจมตีนั้นก็รุนแรงสุดยอดมาก

มือของถังเทียนถึงกับชาด้าน มันทรงพลังหนักแน่น สามารถบ่งบอกได้อย่างชัดเจน

ถังเทียนเพียงต้องการยืนยันพลังหมัดอัสนีบาตของเขา เขาก็เชื่อมั่นในอนาคตของเขาแล้ว

แต่ก่อนหน้านั้น มีสิ่งที่เขาจะต้องกระทำ

โจวเผิง!

ถังเทียนมีใบหน้าที่ซึมเซายามเมื่ออาจารย์เฉินถูกไล่ออก ดังนั้นถังเทียนตั้งมั่นในใจเพื่อจะชำระแค้น เขามิได้เป็นคนดีผู้ซึ่งจะอภัยให้ผู้คนได้ง่ายดายนัก

ถ้าเขาไม่สามารถที่จะชำระแค้นให้กับคนที่เขาห่วงใยได้ เช่นนั้นเขาจะอยู่เพื่ออันใด

ก่อนหน้านี้เขาได้ยับยั้งตัวเองเนื่องจากเขารู้ว่าเขายังคงอ่อนแอนัก หลังจากถังเทียนได้ทุบตีโจวเผิงหน้าสถาบันครานั้น คนคุ้มกันของเขาก็อาจจะเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ด้วยพลังของเขาในตอนนั้น หากเผชิญหน้ากลับไปคงจะเป็นดั่งไข่กระทบหิน

แต่ตอนนี้เขารู้สึกว่าเขาแข็งแกร่งเพียงพอแล้ว และเขามั่นใจในตัวเอง ดังนั่นตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เขาจะสะสางหนี้แค้น

เขาได้ใช้เส้นทางที่คุ้นเคยไปยังสถาบันสันติธรรม ขณะนี้เป็นเวลาเรียนอยู่ จึงทำให้ไม่ค่อยมีผู้คนนัก ถังเทียนสำรวจตัวเองก่อนที่จะก้าวเข้าไป

จอมเผด็จการถังเทียนพึ่งย้ายสถาบันไปไม่นาน ยามเมื่อเขาปรากฏตัว มันทำให้ตื่นตระหนกและหวาดกลัว

จอมเผด็จการถังเทียนคล้ายดั่งอสูรที่เข้าไปยังป่า ด้วยเหตุนี้ทำให้ทั่วลานฝึกซ้อมแปรเปลี่ยนเป็นวุ่นวาย เหล่าศิษย์ต่างคร่ำครวญคล้ายภูติผีและโหยหวนดั่งสุนัขป่า ศิษย์หลายคนต่างวิ่งหนีด้วยความตกใจ

เช่นนี้จึงทำให้ถังเทียนต้องใช้พลังมากในการที่จะจับศิษย์คนหนึ่ง

เมื่อยามที่ศิษย์คนนั้นพูดอย่างตะกุกตะกัก คิ้วของถังเทียนก็ขมวดขึ้น โจวเผิงไม่เคยมายังสถาบันเลยสักวันตั้งแต่ที่ถังเทียนย้ายสถาบัน

โจวเผิงไม่เคยเข้ามายังสถาบันสันติธรรมเลยรึ?

ไม่ว่าถังเทียนจะโง่เขลาเพียงใด เขาก็รู้ได้ว่าสาเหตุที่โจวเผิงไม่ได้มาสถาบัน ไม่ใช่เป็นเพราะเขาหวาดกลัว มันจะต้องมีสาเหตุอื่นเป็นแน่

หลังจากคิดมาค่อนวัน ถังเทียนก็ยังคงคิดไม่ออกถึงสาเหตุใดๆ เขาส่ายหน้าและตัดสินใจไม่คิดถึงมัน นับว่าโจวเผิงโชคดีในครานี้ ในทางกลับกันศิษย์ที่ถูกดึงคอเสื้อไว้ก็สลบไหลไปด้วยความหวาดกลัว

พลางได้ยินเสียงก้าวเท้าอย่างรีบร้อนดังมาแต่ไกล ตามมาด้วยเหล่าอาจารย์ที่ด่าว่าจากที่ไกลๆ

ปราศจากความลังเล ถังเทียนหันจากไปทันที

ออกจากสถาบันสันติธรรม หัวใจถังเทียนก็สงบลง แม้เมืองเมฆาดาราจะใหญ่มากพวกเขาก็จะได้เจอกันแน่นอน และตราบเท่าที่เขาแข็งแกร่งมากพอ ไม่จำเป็นต้องกล่าวถึงโจวเผิง แม้แต่ตระกูลโจวก็มิมีค่าเท่าไรนัก

กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่ง นี้สิคือความจริง!

ถังเทียนตัดสินใจก่อนที่จะไปยังเส้นทางสวรรค์ เขาจะจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น

เมื่อเขาตั้งมั่นในใจแล้ว ถังเทียนก็ไม่ได้กังวลอะไรเกี่ยวกับมันอีก เขาวางเฉยต่อทุกคนและผิวปากก้าวกลับไปยังสถาบัน ในขณะนั้น เขาก็ได้ยินเสียงพูดคุยด้านหลังของเขา

“เจ้ารู้หรือไม่สถาบันคาราเมลอยู่ที่ใด?”

“สถานที่บัดซบนั้นคงมีเพียงภูติผีเท่านั้นที่รู้! ถ้าหากไม่ใช่เพราะข่าวที่ดังขึ้นมานั้น ข้าก็คงจะไม่มีวันได้ยินชื่อของสถาบันคาราเมลนี้”

“มารดามันเถอะ แล้วพวกเราจะไปสั่งสอนบทเรียนให้พวกมันได้อย่างไร?”

ถังเทียนตกตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน จะสั่งสอนบทเรียนพวกข้า?

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

เฉินเหยียนและหยางหย่งรีบเร่งออกจากประตูสถาบันอย่างฉุนเฉียว เพียงตั้งมั่นจะกำจัดถังเทียนและอาโม่หลี่ในใจ ผู้ใดจะรู้กันว่าหลังจากออกมาแล้ว พวกเขาก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาตามืดบอดไร้หนทาง

สถาบันคาราเมลอยู่ที่ใดกัน?

ทั้งสองต่างไม่เคยได้ยินชื่อสถาบันนี้มาก่อน พวกเขาสอบถามสองสามคนที่เดินผ่านมาแต่ก็ไม่มีผู้ใดรู้จักสักคน

ทั้งสองยืนอยู่กลางถนนด้วยความงุนงง ในยามนี้ทั้งสองไม่รู้เลยควรจะกระทำเช่นไร ถ้าหากพวกเขาแอบย้อนกลับไป พวกเขาคงจะอับอายและโดนเยาะเย้ยโดยคนอื่นๆ ทุกคนมีความเสี่ยงโดนลงทัณฑ์เพราะการปกปิดการหนีออกมาของพวกเขา ตอนนี้พวกเขาจะต้องกลับไปยังสถาบันของพวกเขา เนื่องจากพวกเขาไม่สามารถที่จะหาที่อยู่ของสถาบันคาราเมล

นั่นจะเป็นเรื่องตลกขบขันที่สุดของสถาบันผลึกฟ้าปีนี้อย่างแน่นอน

เฉินเหยียนและหยางหย่งทั้งคู่มีความทระนง ถ้าพวกเขาจะต้องถูกเยาะเย้ย มันก็แทบสังหารเขาได้เช่นกัน

แต่ไม่มีใครสักคนที่รู้ที่อยู่ของสถาบันคาราเมล!

หยางหย่งหน้าดำทะมึน  “สถาบันคาราเมลช่างน่าเวทนาอะไรเช่นนี้ มิมีแม้แต่ผู้เดียวที่จะรู้จักที่อยู่ของมัน พวกเขากล้าที่จะท้าทายพวกเราสถาบันผลึกฟ้าได้อย่างไร อาจารย์ใหญ่ของพวกเขาจะต้องสติวิปลาสแน่แล้ว! ถ้าหากเขาปรากฏตัวออกมาต่อหน้าข้า ข้าจะสับเขาเป็นชิ้นๆ!”

“เจ้าไม่สามารถแตะต้องตาเฒ่าได้ ข้าได้ยินมาว่าอาจารย์ใหญ่ของเราให้การต้อนรับเขา คล้ายทั้งสองจะรู้จักกันดี พวกเราเพียงต้องสั่งสอนอาโม่หลี่และถังเทียนเท่านั้น ในตอนนี้สถาบันคาราเมลมีพวกมันทั้งสองเป็นศิษย์ ทางที่ดีพวกเราไม่ควรปล่อยให้พวกมันเข้าร่วมงานชุมนุมยุทธ์ได้” เฉินเหยียนกล่าวอย่างจริงจัง

“มันเป็นเรื่องง่ายดายนักที่จะหยุดพวกมันจากการเข้าร่วมชุมนุมยุทธ์  มันใช้เวลาถึงร้อยวันกว่าที่กระดูกจะผสานและเส้นเอ็นจะสมานกัน เพียงแต่ตอนนี้เราต้องหาพวกมันให้พบก่อน และพวกเราจะต้องกระทำให้รวดเร็ว ถ้าพวกเราหาหนทางใหม่ในครั้งหน้ามันคงจะไม่ง่ายดายแล้ว” หยางหย่งรู้สึกหงุดหงิด

“พวกเราทำได้เพียงสอบถามผู้คน” หยางหย่งก็ไม่มีความคิดอ่านเช่นเดียวกัน

เหมาะเจาะจริง เขาสังเกตเห็นด้านหน้าว่ามีหนุ่มน้อยคล้ายเป็นนักศึกษากำลังเดินไปข้างหน้าอย่างเร่งรีบ “นักศึกษา เจ้ารู้รึไม่สถาบันคาราเมลอยู่ที่ใด?”

อีกฝ่ายก็หยุดฝีเท้าของเขา พลางขมวดคิ้วคิด  “โอ้ ที่เจ้าว่าคือสถาบันคาราเมลที่เจ้าวัวคลั่งอาโม่หลี่ย้ายไป? ข้าคิดว่าข้ารู้”

เฉินเหยียนรู้สึกร่าเริงทันที ทั้งสองต่างมองซึ่งกันและกันพลางยิ้มอย่างมีความสุข

เฉินเหยียนกล่าวถามอย่างรวดเร็ว “เจ้าจะช่วยบอกทางให้พวกเราได้รึไม่?”

หนุ่มน้อยสายหัว “มันเป็นสถานที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองไกลมาก ข้าไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจน

“อย่างนั้น นักศึกษา เจ้าช่วยนำทางพวกเราได้รึไม่?” ใบหน้าเฉินเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน

หนุ่มน้อยส่ายหัวอย่างหนัก “ไม่ได้หรอก ข้าจะต้องเข้าเรียนแล้ว ข้าไม่มีเวลาหรอก!”

สีหน้าหยางหย่งเปลี่ยนเป็นดำทะมึนพลางกล่าวอย่างเบาๆว่า “สารเลวตัวน้อย อย่าได้ไม่ไว้หน้าข้า! ข้ากำลังกล่าวกับเจ้า ในตอนนี้เจ้าจะต้องนำทางไปแม้ว่าเจ้าจะไม่ต้องการก็ตาม! ข้าคือนายน้อยสถาบันผลึกฟ้า เจ้าอยากลองดีกับข้างั้นรึ?”

ปรากฏสีหน้าซีดบนใบหน้าของหนุ่มน้อยและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ท่า...ท่านมาจากจากสถาบันผลึกฟ้า…”

เฉินเหยียนมองไปยังหยางหย่งพลางกล่าว “ไม่มีเวลามากแล้ว”

หยางหย่งได้ยินดังนั้นปราศจากคำพูด เขาก็ผ่อนคลายแขนของเขาพลางดึงไปยังคอเสื้อของหนุ่มน้อยอย่างรวดเร็วและใช้ออกวิชาตัวเขา เฉินเหยียนก็เคลื่อนไหวตามติดไป

หยางหย่งพึมพำอย่างเหี้ยมโหด “ไปทางใด?”

หนุ่มน้อยชี้นิ้วที่สั่นเทาของเขา “ทะทางนั้น…”

ทั้งสองก็หันไปพลางเหินไปยังเส้นทางที่หนุ่มน้อยชี้

วิชาตัวเบาของหยางหย่งช่างโดดเด่นนัก แม้ว่าเขาจะหอบหิ้วผู้คนด้วยมืออีกข้าง แต่ละก้าวก็รวดเร็วว่องไวราวกับเขาเหินบิน เมื่อเปรียบเทียบหยางหย่ง วิชาตัวเบาของเฉินเหยียนด้อยกว่า เพียงแต่สามารถบอกได้ว่าปราณแท้จริงของเขามั่นคงและแข็งแกร่งกว่า ในขณะที่ท่าร่างของเขาไม่งดงาม แต่ย่างก้าวของเขาก็ยาวหนึ่งจั้งเสมอและปราณของเขาก็มั่นคง

ทั้งสองไม่เป็นกังวลกับการสงวนพลังปราณ ความเร็วของพวกเขารวดเร็วและว่องไวเป็นอย่างมาก พวกเขาอยู่ภายนอกเมืองเมฆาดาราแล้ว ตามเส้นทางหยาบๆนอกเมือง ยังคงตรงต่อเนื่องไปข้างหน้า

ในขณะที่พวกเขารีบเร่งมาเป็นชั่วโมงแล้ว หยางหย่งเริ่มตระหนักได้ว่าหนุ่มน้อยผู้นี้ได้หลอกลวงพวกเขาหรือไม่ แต่ในขณะนั้นก็ปรากฏแผ่นป้ายไม้ต่อหน้าพวกเขา และมีอักษรห้าคำอยู่บนนั้น

— สถาบันคาราเมล

หยางหย่งและเฉินเหยียนต่างมีความสุขและโล่งใจ ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงแล้ว!

ในขณะนั้นใบหน้าของเฉินเหยียนเต็มไปด้วยความซับซ้อนพลางรู้สึกว่าเขาพบสิ่งน่ากลัว เขาแสดงออกถึงความหวั่นหวาดเล็กน้อย

“ระวัง!”

หยางหย่งมองเห็นเลือนลางและทันใดนั้น คางของเขาก็ถูกโจมตีอย่างหนักหน่วง

หมัดนี้ช่างทรงพลังยิ่งนัก หยางหย่งเพียงรู้สึกเจ็บปวดใต้คางของเขาเหลือเกิน สติของเขามึนงงและกลายเป็นว่างเปล่า

“แมลงวันวัว!”

เสียงตะโกนดังขึ้นจากลำคอของใครบางคน ทำลายความเงียบสงบของป่า

“ฮ่าฮ่า พื้นฐานถัง ในที่สุดเจ้าก็กลับมา”

‘ตึง’ ดั่งคล้ายวัวหนุ่มเถื่อน ถือดาบไม้ขนาดใหญ่เท่าตัวของเขา กลิ้งออกมาจากพุ่มไม้ แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้าเขา เขาก็ตะลึงไปชั่วครู่

“แมลงวันวัว ข้าพบเจอคู่ต่อสู้เหมาะสมแล้ว โอ้ เขามาจากสถาบันผลึกฟ้า ผู้เชี่ยวชาญที่แท้จริง โอ้ใช่แล้ว พวกเขามานี่เพื่อจะสั่งสอนบทเรียนแก่พวกเรา เพื่อปกป้องสถาบันคาราเมลอันยิ่งใหญ่ของพวกเรา ข้าขอมอบหน้าที่อันทรงเกียรติ์ให้แก่เจ้า”

ถังเทียนตะโกนกล่าวต่ออาโม่หลี่ไม่แม้แต่จะหันไปมองยังเขา ขณะที่เขากวัดแกว่งหมัดของเขาพลางทุบตีลงไปยังร่างของหยางหย่ง

ตลอดเส้นทาง วิชาตัวเบาของหยางหย่งได้สร้างความประทับใจแก่ถังเทียน แม้ว่าถังทียนมั่นใจในตัวเอง แต่เขาก็ไม่ได้โง่ หมัดอัสนีบาตในปัจจุบันเขาค่อนข้างดี แต่ในแง่ของวิชาอื่น โดยเฉพาะวิชาตัวเบา เขายังคงเทียบได้แค่ขั้นพื้นฐาน

เมื่อหยางหย่งมั่นใจในวิชาตัวเบาของเขา เขาอาจจะมีเพียงข้อดีเล็กน้อย ตาเฒ่าเว่ยได้เคยกล่าวไว้ ถังเทียนจดจำได้ขึ้นใจ หากปราศจากวิชาตัวเบา มันมิมีทางที่จะย่นระยะทางของคู่ต่อสู้ได้ ดังนั้นมันจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชัยเหนือคู่ต่อสู้

มีเพียงวิชาหมัดระดับหกหรือเหนือกว่าเท่านั้นที่จะมีการโจมตีในระยะไกล

ถังเทียนไม่ได้ใช้ออกปราณแท้จริงใดๆ แต่หมัดอัสนีบาตของเขาก็รวดเร็วว่องไวแล้วและหมัดอัสนีบาตของเขาก็สมบูรณ์แบบแล้ว จำนวนหมัดโจมตีของเขาน่าอัศจรรย์อย่างมาก หมัดของเขารวดเร็วมากมายราวกับพิรุณโปรยปราย

ด้วยหมัดแรกอันหนักหน่วงทำให้หยางหย่งบาดเจ็บ เขาก็ไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะตอบโต้ คล้ายดั่งกระสอบทราย เขาสามารถเพียงรับหมัดและไม่สามารถตอบโต้กลับได้

ปัง!

หลังจากรับหมัดนับไม่ถ้วน หยางหย่งก็ไม่อาจสามารถจะทานทนได้อีกพลางสลบไหล

อาโม่หลี่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นและทำได้เพียงแค่มองอย่างเห็นอกเห็นใจเท่านั้น

พื้นฐานร่างกายของถังเทียนก็น่าหวาดกลัวอยู่แล้ว และยังมีความรุนแรงของวิชาที่เขากำลังบดขยี้อีก มิมีผู้ใดจะรู้ถึงความรุนแรงของพลังหมัดอัสนีบาตของถังเทียนมากเท่าอาโม่หลี่

ความทุกข์ทรมานจากหมัดอันมากมายของถังเทียน เขาไม่สามารถที่จะกล้านึกถึงมัน สหายนี้ช่างน่าสงสารยิ่งนัก...

เขาถอนสายตาอย่างรวดเร็วพลางมองไปยังเฉินเหยียนตรงหน้าของเขา

“ฝ่ามือทรายเหล็กเฉิน?” อาโม่หลี่คำราม เขาจดจำเฉินเหยียนได้ ทันใดนั้นนัยน์เขาก็ลุกเป็นไฟด้วยความปรารถนาที่ต้องการต่อสู้

ฝ่ามือทรายเหล็กเฉินเป็นฉายาของเฉินเหยียน เฉินเหยียนโด่งดังเนื่องจากความสัมพันธ์เขาคู่กับฝ่ามือทรายเหล็ก เขาเชี่ยวชาญโลหะธาตุวิชาฝ่ามือ ฝ่ามือของแข็งแกร่งดั่งโลหะ ดาบและกระบี่ยากที่จะกล้ำกราย ผู้คนมักจะเรียกเขาในนามฝ่ามือทรายเหล็กเฉิน

เฉินเหยียนอยู่อันดับเก้าของสถาบันผลึกฟ้า กับอาโม่หลี่อยู่อันดับเจ็ดของสถาบันอสูรอำมหิตก่อนหน้านี้ เพียงแต่สถาบันผลึกฟ้าเป็นถึงอันดับหนึ่งในขณะที่สถาบันอสูรอำมหิตอยู่เพียงอันดับสาม และแน่นอนถือว่าอันดับของเฉินเหยียนสูงกว่าอาโม่หลี่มากนัก

เฉินเหยียนตกตะลึงกับการโจมตีอย่างฉับพลันของถังเทียน อย่างไรก็ตาม ในขณะนั้นใบหน้าของเขาก็จะสงบมั่นคงแสดงออกสีหน้าปกติ สายหน้าของเขาพลางกล่าวยกยอ “ไม่เคยคาดหวังเลยว่าข้าจะเรือล่มในน้ำตื้นดั่งเช่นวันนี้ ถังเทียนเจ้าแสดงละครได้ดีนัก!”

 

“ฮ่า เจ้ายกยอข้าเกินไปแล้ว” ถังเทียนไม่แม้แต่จะเงยขึ้นมามอง ด้วยเชือกที่ปรากฏขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ที่คาบอยู่บนปากของเขา เขากำลังจดจ่ออยู่กับการใช้กำลังมัดหยางหย่ง

“มาเถอะ พวกเรามาต่อสู้กันให้ดีเถอะ และให้ข้าได้รับรู้กับตำนานฝ่ามือทรายเหล็กเฉินที่เหนือทุกผู้คนซะหน่อย!” อาโม่หลี่มิได้สนใจเฉินเหยียนและพรรคพวกทำไมถึงมาที่นี้ ตราบเท่าที่เขาได้ต่อสู้ ความตื่นเต้นของเขาก็ขึ้นไปจุดสูงสุด

“เหนือทุกผู้คน นั่นเป็นการที่พูดเกินจริงแล้ว แต่ถ้าหากเป็นจัดการเจ้า ถือว่าไม่เกินไป” เฉินเหยียนปลดปล่อยไอสังหาร และฝ่ามือทั้งสองของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นสีดำคล้ายโลหะ

ถังเทียนผู้ซึ่งเสร็จสิ้นจากการมัดหยางหย่ง มิได้ความสนใจในการต่อสู้ที่จะกำลังจะเกิดขึ้นเลย ด้วยสายตาละโมบมองไปยังหยางหย่งผู้ซึ่งถูกมัดอย่างงดงามบนพื้น เขาก็เริ่มควานไปทั่วตัวของหยางหย่งอย่างรวดเร็วด้วยสองมือของเขา

ไม่มีอะไรที่น่าตื่นเต้นไปกว่าการปล้นชิงทรัพย์สินสงครามแล้ว!

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด