ตอนที่แล้วตอนที่ 012 – ทดสอบวิชาหมัดอัสนีบาต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 014 - ผู้เชี่ยวชาญการต่อสู้ระยะประชิด

ตอนที่ 013 – ผู้ชม


ตอนที่ 013 – ผู้ชม

พลังที่มาจากหมัดของถังเทียนช่างผิดปกติ!

อย่างไม่คาดคิดการปะทะของหมัด รู้สึกถึงความแข็งแกร่งอันแปลกประหลาด

มีอะไรบางอย่างผิดปกติ! พลังที่เขาส่งมานั้นผิดปกติ! ประกายตาของอาโม่หลี่ปรากฏขึ้นด้วยความตื่นเต้น มองดูถังเทียนก่อเกิดพลังเช่นนี้ เท้าทั้งสองก็ลอยขึ้นไปในอากาศ เนื่องในระยะห่างระหว่างพวกเขาช่างน้อยนิด ถ้าหากอาโม่หลี่ไม่ได้สนใจ เขาคงจะไม่รู้สึกถึงมันได้

โดยการใช้วิธีการนี้เพื่อหลบออกจากกระแทกปฐพี เป็นที่คู่ควรแล้วสมกับเป็นพื้นฐานถัง!

แทนที่จะรู้สึกหดหู่ใจอาโม่หลี่กลับกลายเป็นตื่นเต้นยิ่งขึ้น

เขาสามารถระบุได้ว่าถังเทียนกำลังจะใช้วิชาหมัดอัสนีบาต ด้วยลักษณะของหมัดอัสนีบาตมีความโดดเด่นเป็นอย่างมากและสามารถทำให้จดจำได้ง่าย จากทั้งหมดของวิชาการต่อสู้ระดับสอง [หมัดอัสนีบาต] ไม่ได้ถือว่าแปลกแยก เนื่องจากเหล่านักสู้ไม่ค่อยได้ฝึกในวิชาหมัดนี้มากนัก มันจึงทำให้วิชาการต่อสู้นี้ไม่ค่อยเป็นที่นิยม อย่างไรก็ตาม มันไม่แปลกใหม่สำหรับอาโม่หลี่

จากทั้งหมด มีผู้ที่เชี่ยวชาญใน [วิชาหมัดอัสนีบาต] ในสถาบันอสูรอำมหิต หวังเจิ้น ผู้ซึ่งอยู่อันดับสามของสถาบันอสูรอำมหิต เขามุ่งมั่นสนใจในวิชาการต่อสู้หมัดและเมื่อยามเขาบรรลุถึงขั้นสองปราณแท้จริง เขาก็เชี่ยวชาญใน [วิชาหมัดอัสนีบาต]

หวังเจิ้นได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งในหมัดอัสนีบาต ซึ่งหนึ่งในนั้นอาโม่หลี่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน

อย่างไรก็ตาม หมัดอัสนีบาตของหวังเจิ้นกับถังเทียนนั้นแตกต่างกัน

ยามเมื่อหวังเจิ้นปลดปล่อยมันออกพลังจะรุนแรงและเมื่อยามหายไปในอากาศคลื่นพลังกระแทกตัดผ่านอากาศ ส่วนหมัดของถังเทียนไม่ได้ก่อเกิดคลื่นพลังกระแทก แต่หมัดของเขารวดเร็วยิ่งกว่าและปกปิดอย่างมิดชิดไม่สามารถรู้ได้เลยว่าหมัดของถังเทียนจะปรากฏมาอีกครารึไม่

นอกจากนี้จำนวนการโจมตีของถังเทียนก็มากกว่า ความรุนแรงกดดันศัตรูจนแทบไม่มีช่องว่างเพื่อหายใจ

เมื่อเทียบกับหมัดอัสนีบาตของทั้งสองคนนี้ อาโม่หลี่ประหลาดใจนักที่ไม่อาจจะประเมินได้ว่าหมัดอัสนีใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน

จุดสำคัญอยู่ที่ว่า...

ยามเมื่อนักสู้ฝึกวิชาหมัดอัสนีบาต ไม่สามารถก่อเกิดหมัดอัสนีบาตในทุกหมัด และเพียงแค่ก่อเกิดหมัดอัสนีบาตเพียง 8 หมัดใน 10 หมัด นั่นก็ถือว่าอยู่ในระดับเชี่ยวชาญแล้ว ด้วยสถิติภายในสถาบันอสูรอำมหิตที่หวังเจิ้นทำไว้ ใช้ออกถึง 100 หมัดอย่างต่อเนื่อง และก่อเกิดเป็นหมัดอัสนีบาตอย่างน่าอัศจรรย์เพียง 83 หมัด สถิติอันน่าอัศจรรย์นี้ สร้างความตระหนกแก่ผู้คนภายในเมืองเมฆาดารา และหลังจากนั้นเป็นต้นมา หวังเจิ้นก็เป็นที่รู้จักในเมืองเมฆาดาราในนามอันดับหนึ่งของผู้เชี่ยวชาญหมัดอัสนีบาต

แต่!

อาโม่หลี่โบกมือทั้งสองของเขาและตั้งรับอยู่จุดศูนย์กลางปฐพีอย่างต่อเนื่อง

ภายในดวงตาของเขาก่อเกิดเงาหมัดนับไม่ถ้วนบนท้องฟ้าปราศจากการแจ้งเตือนใด ราวกับพวกมันจะกระหน่ำลงบนหน้าเขา

จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหาก หวังเจิ้นได้เห็นหมัดอัสนีบาตของถังเทียน

อาโม่หลี่ไม่สามารถนับได้ว่าหมัดของถังเทียนมีเท่าใดที่ปล่อยมายังเขา และจนถึงตอนนี้ ถังเทียนใช้ออกหมัดอัสนีบาตไม่ผิดพลาดแม้เพียงหมัดเดียว

พื้นฐานถัง เจ้ามันช่างเกินความคาดหมายของผู้คนที่คาดคิดไว้มากนัก!

อาโม่หลี่ถูกกำราบอย่างสมบูรณ์ ด้วยสิบสองฝ่ามือสนั่นปฐพีของเขา ได้ถูกทำลายอย่างหมดจด แต่ใบหน้าของอาโม่หลี่ยังคงเต็มไปด้วยประกายสดใส

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

บริเวณด้านนอกของสนามฝึกประมาณ ห่างออกไปประมาณ เจ็ดสิบก้าว มีเงาร่างสองคนยืนอยู่บนกิ่งไม้ หนึ่งในนั้นคือเหลียงเซียวและด้านข้างของเขายืนไว้ด้วยชายที่สวมใส่ชุดจอมยุทธ์สีเทา เขามองดูคล้ายเป็นคนเปิดเผยและมือทั้งสองข้างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล เขาจ้องไปยังการต่อสู้ของทั้งสองโดยตาไม่กระพริบ

เขาคือหวังเจิ้น

“นั้นเป็นหมัดอัสนีบาตที่ยอดเยี่ยม!” เหลียงเซียวรู้สึกประหลาดใจ แต่ท่าทางเขายังคงนิ่งเฉย “ข่าวลือเกี่ยวกับถังเทียนที่ว่าเขาอ่อนแอนั้นไม่เป็นความจริงเลย แม้ว่าอาโม่หลี่ ไม่ได้ใช้วิชาการต่อสู้ระดับสามของเขา พวกเขาเพียงใช้วิชาระดับสอง แต่ถังเทียนยังคงกำราบอาโม่หลี่ได้ เขานั้นไม่เลวนัก”

ถ้าโลกภายนอกได้รู้ว่าเหลียงเซียวชื่นชมถังเทียนว่า ‘ไม่เลวนัก’ พวกเขาคงอาจจะคิดว่าฟังผิดไป

“ฮ่าฮ่า ในตอนนี้เจ้าคงไม่จำเป็นต้องห่วงเกี่ยวกับอาโม่หลี่แล้ว ข้ารู้สึกได้ว่า อาน้อย บางครั้งอาจดูไม่น่าเชื่อถือ แต่เขายังคงมีเส้นทางของเขา” หวังเจิ้นยิ้มและคลายหมัดของเขา แต่เขาไม่ได้ละสายตาไปจากถังเทียนเลย

เหลียวเซียวไม่คาดหวังให้อาโม่หลี่จะตกอยู่ในเส้นทางอันต่ำต้อยและติดตามอาโม่หลี่มาสืบสวนอย่างเงียบๆ

“ฮึ ดีแล้วที่ไม่ได้เชื่อในข่าวลือ ความจริงที่ว่า เชียงกวนเฉียนฮุ่น มองเห็นอะไรบางอย่างในตัวเขา มันจะต้องมีความหมายอย่างพิเศษเป็นแน่ในตัวตนของเขา” เหลียงเซียวกล่าวอย่างพึ่งพอใจ “ช่างน่าเสียดายนัก เมื่อยามที่เชียงกวนเฉียนฮุ่ยยังคงอยู่ ความแข็งแกร่งของข้ายังไม่มากนัก มันช่างน่าเสียใจมากที่ไม่สามารถจะประลองกับนางได้สักครั้ง”

“ใช่! คงจะไม่มีผู้ใดคล้ายเชียงกวนเฉียนฮุ่ยซึ่งมีความแข็งแกร่งที่แท้จริง แต่หมัดอัสนีบาตของถังเทียนก็ทำให้ข้ารู้สึกคันไม้คันมืออยากจะสู้แล้วเหมือนกัน”

“เขากำลังบ้าคลั่ง” เหลียงเซียวกล่าว “มองไปในดวงตาของเขาสิ”

สิ่งที่เรียกว่า “บ้าคลั่ง” เป็นคำกล่าวถึงผู้คนที่ถูกกระตุ้นจนเข้าสู่สภาวะระเบิดพลัง ศักยภาพของบุคคลจะให้พรวดพราดสูงขึ้น และในช่วงเวลานั้น พลังความแข็งแกร่งของนักสู้จะเพิ่มขึ้นทั้งหมด แปรเปลี่ยนเป็นน่าสะพึงกลัวอย่างผิดปกติ

“แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาวะบ้าคลั่ง หมัดอัสนีบาตของเขาใช้ออกช่างงดงามจริง นอกจากนี้จังหวะกระบวนท่าแต่ละหมัดของเขาทั้งหมดช่างโดดเด่นมาก ถ้าข้าไม่ได้เห็นกับตา ข้าก็คงไม่เชื่อว่าผู้งมงายยุทธ์จะมีพลังเช่นนี้” หวังเจิ้นก็เคลื่อนไหว

“เจ้าจะมีโอกาสของเจ้า” เหลียงเซียวเหลืองมองไปยังหวังเจิ้น “สถาบันคาราเมลไม่มีคะแนนเพียงพอ”

“มีคะแนนไม่เพียงพอ?”

“อื้ม ข้าได้ตรวจสอบคะแนนของสถาบันคาราเมลมาแล้ว ถ้าหากพวกเขายังต้องการที่จะยังคงไว้ด้วยคุณสมบัติ พวกเขาจักต้องไว้วางใจในสองคนนี้สะสมคะแนนจากบททดสอบ”

“เจ้ากำลังจะบอกว่า…” หวังเจิ้นตกตะลึง แต่เขาก็รู้ว่าเหลียงเซียวนั้นมักจะระมัดระวังในสิ่งที่เขากระทำเสมอ ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วก็คงจะมีส่วนที่เป็นความจริง

รูปแบบการให้คะแนนของเมืองเมฆาดาราจะเป็นตัวประเมินอันดับของทุกสถาบัน ผลจากบททดสอบจะประเมินคะแนนที่จะได้รับของแต่ละสถาบัน และสุดท้ายคะแนนสะสมจะเป็นตัววัดว่ามีความเหมาะสมที่สถาบันจะได้รับการสนับสนุนด้านการสิ่งอำนวยความสะดวกและเพิ่มประสิทธิภาพอย่างที่ควรหรือไม่

“สถาบันคาราเมลแทบจะมีคะแนนสะสมเป็นศูนย์ในปีนี้ นอกเหนือจากการสอบอย่างเป็นทางการ พวกเขาจำต้องเข้าร่วมชุมนุมยุทธ์ของเมืองเมฆาดารา และยังต้องได้อันดับที่ดี ก่อนที่จะมีความสามารถได้คะแนนสะสมอย่างเพียงพอ” เหลียงเซียวกล่าวอย่างเป็นนัย

หวังเจิ้นหัวร่อขึ้น “นั้นมันช่างน่าสนใจนัก!”

ด้วยหมัดอัสนีดังกล่าว หวังเจิ้นกระหายจะลองเผชิญดูสักครั้ง

ทันใดนั้น หวังเจิ้นนึกถึงคำถามที่ว่า “ถ้าหากสถาบันคาราเมลตกอยู่ในสถานะที่ย่ำแย่ เจ้าจะชักชวนอาโม่หลี่กลับมาได้อย่างไร”

“ทุบตีเขาจนกว่าเขาจะกลับไป” เหลียงเซียวกล่าวอย่างเย็นชา

หวังเจิ้นตกใจและยิ้มในเวลาไม่นานหลังจากนั้น ราวกับว่าเขารู้ว่าเหลียงเซียวจะกระทำสิ่งนั้นอย่างที่ว่าแน่นอน

“ไปกันเถอะ ในเวลานี้เราจะปล่อยเขาไปก่อน” เหลียงเซียวหันไปปราศจากความลังเล “ในระหว่างงานชุมนุมยุทธ์ พวกเราจะรู้กันว่าเขาพัฒนาขึ้นหรือไม่”

หวังเจิ้นหันกลับไปและมองยังถังเทียนด้วยประกายตาที่ลุกเป็นไฟในดวงตาของเขา ก่อนที่จะหันหลังตามติดเหลียงเซียว และจากหายไป

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

เมื่อยามที่เหลียงเซียวและหวังเจิ้นจากไป ตาเฒ่าเว่ยผู้ซึ่งกำลังนอนหลับอยู่บนเตียงก็ตื่นขึ้น เขาเหลือบมองไปยังทิศที่เหลียงเซียวและหวังเจิ้นจากไป ใบหน้าของเขาที่เต็มไปด้วยริ้วรอย บอกได้ยากว่าเขารู้สึกมีความสุขอยู่หรือว่าโกรธอยู่ แต่แน่นอนว่าเขาต้องคิดอะไรบางอย่างอยู่เป็นแน่

สายตาของเขาลดลงไปมองยังสองคนที่ซึ่งกำลังต่อสู้กันอยู่และด้วยสายตาอันผิดปกติที่ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา

ถึงแม้ว่าอาโม่หลี่ควบคุมความแข็งแกร่งของเขาและเขายังคงไม่ได้ใช้ออกด้วยวิชาการต่อสู้ระดับสาม และแม้ว่าถังเทียนจะเข้าสู่สภาวะบ้าคลั่ง ตาเฒ่าเว่ยรู้สึกประหลาดใจที่อาโม่หลี่ยังคงถูกกำราบโดยถังเทียน

คราแรกที่ตาเฒาเว่ยพบอาโม่หลี่เมื่อหลายปีก่อน และอาโม่หลี่เป็นผู้ซึ่งมีศักยภาพสูงล้ำด้วยที่เขาไม่เคยพบเจอมาก่อน มาตรฐานร่างกายและความเข้าใจทางด้านวิชาการต่อสู้ของอาโม่หลี่ทำให้ผู้คนตกใจนัก เขายังมีสภาวะจิตใจที่บริสุทธ์ และไม่บ่นเมื่อยามเผชิญหน้ากับความลำบาก อาโม่หลี่เป็นผู้ที่มีความสามารถตั้งแต่เยาว์วัยและกลายมาเป็นผู้ที่รู้จักกันดีในผู้เชี่ยวชาญของสถาบันอสูรอำมหิต

ตาเฒ่าเว่ยเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับอาโม่หลี่ที่ว่า เหล่านักศึกษาผู้ที่มีชื่อเสียงมากกว่าอาโม่หลี่ เนื่องเพราะวัยของอาโม่หลี่ยังน้อย และเนื่องจากพวกเขามีเวลาบ่มเพาะมากกว่าเขา

เมื่อเทียบกับพวกเขาแล้ว ศักยภาพของถังเทียบก็ต่างกันไม่มากนัก และมีเพียงจุดเดียวที่น่ายกย่องเขาคือ ถังเทียนมีรากฐานที่แข็งแกร่ง

เมื่อถังเทียนที่อยู่ตรงหน้าเขา ได้เปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์ที่เขามีต่อถังเทียนเมื่อวันสองวันก่อนอย่างหมดจด

เขาได้เฝ้ามองดูอาโม่หลี่อย่างลับๆมาหลายปี คุณสมบัติอันยอดเยี่ยมของร่างกายอาโม่หลี่ เขารู้ดีที่สุด และนี้เป็นคราแรกที่เขาค้นพบผู้ซึ่งมีลักษณะร่างกายของเขาดีเทียบเท่าอาโม่หลี่

และ ยันต์จิตวิญญาณของ [วิชาหมัดอัสนีบาต] และมันพึ่งจะเป็นเพียงค่อนวันเท่านั้นที่เขาส่งมอบมันให้กับถังเทียน...

ตาเฒ่าเว่ยจ้องมองไปยังพวกเขาอย่างตั้งอกตั้งใจเต็มที่

ด้านร่างกายของทั้งสองมีความคล้ายคลึงกันและเมื่อพิจารณาถึงความสามารถดด้านวิชาการต่อสู้แล้ว อาโม่หลี่เหนือกว่า แต่เมื่อถังเทียนที่อยู่ในสภาวะบ้าคลั่งและความแข็งแกร่งที่เพิ่มขึ้น ก็สอดคล้องเหตุผลที่ว่าทั้งสองแข็งแกร่งเท่ากัน

แต่อาโม่หลี่ก็ถูกทุบโดยสิ้นเชิงต่อหน้าของตาเฒ่าเว่ย

ช่างข่มเหงกันเหลือเกิน!

สายตาของตาเฒ่าเว่ยแวววาว ถังเทียนถูกครอบงำและชั่วร้ายผิดปกติ เขากำราบอาโม่หลี่ราวกับว่าเขาต่อสู้เอาชีวิตเป็นตายกัน ปราศจากเหตุผล เขาจู่โจมราวกับพายุอันบ้าคลั่ง แม้ว่าอาโม่หลี่จะอยู่ในการตั้งรับปกป้องตัวเองอยู่แล้ว อันตรายก็ปรากฏขึ้นรอบๆตัวเขา

“บ้าคลั่ง…” ตาเฒ่าเว่ยพึมพำกับตัวเอง

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยความโกรธของถังเทียนอย่างรุนแรง ภายในดวงตาของเขาแดงก่ำ เขาปลดปล่อยเสียงคำรามออกมาจากปากของเขา และจังหวะการโจมตีของเขาจากทั้งสองหมัดก็เพิ่มขึ้นเร็วอีกอย่างต่อเนื่อง

อาโม่หลี่รู้สึกกดดันมากขึ้น เขาเริ่มที่จะเหนื่อยล้าและ[สิบสองฝ่ามือสนั่นปฐพี]ถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง

เว้นเสียแต่ว่าเขาจะจำเป็นต้องใช้วิชาการต่อสู้ระดับสามกัน?

อาโม่หลี่กัดฟันของเขาอย่างแน่น หากเขาใช้ออกด้วยวิชาการต่อสู้ระดับสาม ไม่ใช่ว่าเขายอมรับความพ่ายแพ้หรือ?

ในขณะนั้นก็มีกลิ่นหอมของเนื้อย่างชโลมเต็มไปในอากาศ

หื้ม?

ทั้งสองต่างแข็งค้าง

ถังเทียนสูดลมหายใจและท้องของเขาก็ร้องขึ้น ตาแดงก่ำของเขาก็หันจ้องไปยังทิศที่กลิ่นโชยมา ความหิวกระหายของเขาอยู่เหนือการควบคุมและดูดพลังเขาไปหมด เบื้องหลังประตูกางเขน เขาแน่นอนว่าไม่หิว แต่ตามหลัการแล้ว สัญชาตญาณดั้งเดิมของเขายังคงอยู่ เขาไม่ได้กินอะไรเลยในช่วงสิบวันที่ผ่านมาและด้วยกลิ่นเนื้อย่างนี้ทำเอาเขาทำอะไรไม่ถูกเลย

ถังเทียนหันหัวไป ไม่ทราบตั้งแต่เมื่อไหร่กัน มีกองไฟอยู่ด้านหลังของเขา และตาเฒ่าเว่ยกำลังย่างเนื้ออย่างสบายใจอยู่

สังเกตุเห็นว่าถังเทียนมองมายังเขา ตาเฒ่าเว่ยพลันยกมือขวาของเขาขึ้นและโบกมือ “อ๊า ตามสบายเลย ทั้งสองคนสู้กันต่อตามสบายเลย!”

ปราศจากคำพูดสักครึ่งคำ ถังเทียนผละจากอาโม่หลี่และร่ำไห้ไปยังตาเฒ่าเว่ย “มอบมันให้ข้า ข้าต้องการมัน! ข้าต้องการมัน!

อาโม่หลี่ยืนมองอย่างตกตะลึง ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนัก รวดเร็วจนเขางุนงงไปหมด

ปรากฏความสับสนภายในดวงตาของเขาอย่างรวดเร็ว

เขามองเห็นเงาร่างผู้ซึ่งตะโกนพลางทิ้งตัวลง และเขาก็กำหมัดแน่น

พื้นฐานถัง ข้าไม่ยอมแพ้ต่อเจ้า!

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

ถังเทียนผู้ที่เต็มไปด้วยความต้องการสังหาร มีใบหน้าเต็มไปด้วยความพอใจขณะที่นั่งลงอย่างอ่อนเปลี้ย กอดรัดหน้าท้องของเขาคล้ายอาการมัวเมา “ดีมาก เป็นอาหารที่ดี! ตาเฒ่า ข้าไม่เชื่อเลยว่า ความสามารถการทำอาหารของท่านจะไม่เลว เรื่องปากท้องในภายภาคหน้า ข้าขอฝากไว้ที่ท่านแล้วกัน!”

อาโม่หลี่ก็ไม่ได้ดีไปกว่าถังเทียนเลย ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตและอ่อนเพลียของเขาเปิดเผยขนขาอันน่าหวาดกลัว พลางแคะฟันของเขา “ตาเฒ่า หรือว่าท่านเคยเป็นคนครัวมาก่อน?”

ดูคล้ายภูมิใจ ตาเฒ่าเว่ยตอบ “พวกเจ้าทั้งสองยังคงเยาว์ ข้าผู้เชี่ยวชาญบนเส้นทางสวรรค์ ให้ข้าบอกเจ้าเรื่องนี้ ถ้าหากพวกเจ้าทั้งสองมีเจตนาจะเดินทางไปทั่วเส้นทางสวรรค์ อย่างนั้นเจ้าจะต้องเชี่ยวชาญวิชาการทำอาหารเป็นอันดับแรก”

“เส้นทางสวรรค์?” ถังเทียนตะลึง เด้งลุกขึ้นมานั่งในทันที

อาโม่หลี่รักษาสีหน้าพึงพอใจเอาไว้พลางลุกขึ้นนั่งตัวตรง “ตาเฒ่า เจ้าเคยไปยังเส้นทางสวรรค์?”

“ฮี่ฮี่ เมื่อตอนข้ายังหนุ่มข้าได้ผจญมาประมาณสองสามปี” ตาเฒ่ากล่าวพลางหัวเราะ

ถังเทียนและอาโม่หลี่กลายเป็นจริงจัง ดาราอู่อันอยู่ไกลโพ้น ณ อีกขอบของดวงดาว แม้เป็นที่รู้กันว่า เป็นถิ่นกำเนิดของมนุษย์ แต่หลังจากผ่านไปหลายหมื่นปี ดาราอู่อันก็กลับกลายเป็นสถานที่โดดเดี่ยวรกร้างไป

ผู้คนที่มีความสามารถก้าวไปสู่เส้นทางสวรรค์ได้ แน่นอนว่าต้องไม่ใช่คนธรรมดา

“นี่ ตาเฒ่า เส้นทางสวรรค์มันเป็นยังไงกันแน่?” ถังเทียนถามอย่างอยากรู้อยากเห็น

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด