ตอนที่แล้วตอนที่ 007 - เฒ่าเว่ย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 009 – ยันต์จิตวิญญาณ

ตอนที่ 008 – สถาบันคาราเมล


ตอนที่ 008 – สถาบันคาราเมล

“นี่ ตาเฒ่า เบี้ยเลี้ยงของพื้นฐานถังห้ามต่ำไปด้วยนะ จดจำไว้ว่าเป็นเพราะเขา ข้าถึงได้มาที่นี่!” อาโม่หลี่กล่าวต่อเฒ่าเว่ย คล้ายเฉกเช่นพี่น้อง

ความประทับใจของถังเทียนต่ออาโม่หลี่จากรำคาญกลายเป็นดูดีในทันที!

ชายชรากระซิบ “ก็ได้ เพียงแค่สองเท่าเท่านั้นที่ข้าจะให้ได้ ยันต์จิตวิญญาณขั้นทองแดงระดับสองหรือสาม เลือกอย่างใดก็ได้ตราบเท่าที่สถาบันมีจ่าย อย่างไรก็ตาม ยันต์ที่เจ้าเลือกจักต้องฝึกสำเร็จก่อนจะเลือกใบใหม่ นั้นเป็นทั้งหมดที่ข้าให้บ่มเพาะ อย่าได้เกี่ยวแฝกมุงป่า!*

[คั่นหนังสือ : dont bite offf more than you can chew เกี่ยวแฝกมุงป่า : ทำอะไรเกินตัวเอง มีสำนวนไหนที่สวยๆกว่านี้แนะนำได้ครับ ยังไม่ค่อยรู้สึกพอใจกับสำนวนนี้เท่าไหร่ ตอนแรกว่าจะใช้ ได้คืบจะเอาศอก แต่ก็เปลี่ยนใจ ไม่รู้ว่าความหมายที่สื่อเหมือนจะว่า อย่าโลภมากอะไรประมาณนี้ด้วยหรือเปล่า]

ชายชราช่างมีหัวการค้า มันยากที่จะเชี่ยวชาญวิชาการต่อสู้ระดับสอง ไม่ต้องพูดถึง วิชาระดับสามมันยากกว่าระดับสองมากนัก ชายชราไม่ได้ขาดทุนเกินไป

“ตกลง!” ถังเทียนรู้สึกพึงพอใจ

เขาตั้งใจที่จะทำงานแลกเพื่อยันต์จิตวิญญาณ เพียงแค่ได้ยันต์ใบหนึ่งเขาก็คงปลาบปลื้มใจแล้ว

ไม่มีสิ่งใดที่จะน่าหลงใหลไปกว่าการฝึกฝนแล้ว

“ใช่แล้ว สถาบันนี้เรียกว่าอะไร?” ถังเทียนนึกคำถามนี้ได้ขึ้นทันที

“มันชื่อ…ชื่อ…” อาโม่หลี่ยอมแพ้พลางมองไปยังตาเฒ่าเว่ย

“สถาบันคาราเมล” ตาเฒ่าเว่ยยิ้ม

ถังเทียนขมวดคิ้ววาดเป็นแนวบนหน้าผากเขา ผู้ก่อตั้งสถาบันเขาคงจะชอบขนมคาราเมลอย่างมาก เขาโยนชื่อแปลกๆในหัวทิ้งไปทันที และถูกำปั้นด้วยฝ่ามือพลางกล่าวถามว่า “สถาบันของเราอยู่ที่ใดกัน?”

แม้ว่าชื่อจะแปลกมากสำหรับถังเทียน แต่มันก็ไม่ได้เป็นกังวลต่อเขา เหล่าสถาบันการศึกษาที่ก่อตั้งในเมืองเมฆาดาราเนื่องจากมีเงินทุนสนับสนุน สำหรับสถาบันแอนดรูว์ที่ซึ่งติดหนึ่งในสิบมันถือเป็นสถาบันอันทรงเกียรติ์ แต่กระนั้นยังมีอีกหลายสถาบันเล็กๆแม้แต่ชื่อก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน

“ฮี่ฮี่ฮี่ คนหนุ่มสาวช่างเต็มไปด้วยพลังจริง! ข้าชอบมัน! โอ้ อยู่ไม่ไกลหรอก” ตาเฒ่าเว่ยยิ้มไปจนถึงหู

สองชั่วโมงต่อมา ในป่าทึบรกร้างปราศจากผู้คน

ถังเทียนประหลาดใจที่พบกระท่อมไม้เก่าๆ ราวกับจะพังทลายลงมา

บนเสาไม้ที่หักแขวนด้วยแผ่นโลหะสนิมกัด มีอักษรว่า ‘สถาบันคาราเมล’ สลักลงบนแผ่นโลหะ มีลมพัดกระแทกแผ่นโลหะไปมา

“นี่คือสถาบันคาราเมล?” ถังเทียนกล่าวถามอย่างไร้ชีวิตชีวา ชี้นิ้วไปที่กระท่อมไม้ที่ใกล้พัง

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า! ถึงแม้ว่าจะดูค่อนข้างลำบาก แต่พวกเจ้าก็ต้องมีระเบียบวินัยด้วย!”ตาเฒ่าเว่ยไม่แม้แต่จะรู้สึกอับอาย

อาโม่หลี่น้ำตาไหลร้องว่า “ตาเฒ่าเว่ย ท่านสับสนหนักแล้ว ไม่ใช่ว่าท่านบอกว่าสถาบันติดหนึ่งในห้าสิบหรอกเรอะ?”

“นี้ ข้าไม่ได้หลอกล่วงเจ้า เมื่อห้าสิบปีที่แล้วสถาบันคาราเมลแตะไปยังอันดับหนึ่งในห้าสิบ”

“แล้วตอนนี้ล่ะ?” ถังเทียนถามอย่างสงสัย

“อะฮ้า ในตอนนี้เราพบกับปัญหานิดหน่อย อย่างไรก็ตาม…” ตาเฒ่าเว่ยหัวเราะ

“อันดับล่ะ!” ถังเทียนถลึงตามองเขา

“โอ้…อันดับ อันดับของเราคือ 352” ตาเฒ่าเว่ยหรี่ตา

ถังเทียนหันไปถามอาโม่หลี่ “มีกี่สถาบันกันในเมืองเมฆาดารา?”

อาโม่หลี่ขมวดคิ้วพลางคิด “ข้าคาดว่าทั้งหมดมี 350”

“ไร้สาระ!” ตาเฒ่าเว่ยกระโดดขึ้น “ทั้งหมดคือ 354!”

ถังเทียนสีหน้าดำทะมึน “อันดับสามจากท้าย!”

ปรากฏประกายตาไร้เดียงสาบนดวงตาตาเฒ่าเว่ย

จู่ๆอาโม่หลี่ก็เข้าใจในทันที “ไม่ประหลาดใจเลยว่าท่านจะเดิมพันกับทุนสนับสนุนอันมหาศาล ท่านคงจะสูญเสียไปมากมาย และตอนนี้พวกเขากำลังจะปิดสถาบันของท่าน นี่ ตาเฒ่า ท่านสามารถที่จะดูแลพวกข้าได้แน่นะ?”

ตาเฒ่าเว่ยทุบอก “อย่าได้ห่วงเรื่องนั้น สถาบันคาราเมลมีประวัติความเป็นมาตั้งแปดปี แน่นอนว่าเรามีทุนเก็บไว้อยู่ ข้าสามารถจ่ายเบี้ยเลี้ยงให้เจ้าตอนนี้เลยยังได้”

“แล้วนักศึกษาคนอื่นล่ะ? อย่าบอกข้านะว่ามีเพียงเราสองคน?” ถังเทียนกล่าวถาม

ตาเฒ่าเว่ยกระพริบตาไร้เดียงสาปริบๆ “นักศึกษาคนสุดท้ายเพิ่งจะย้ายออกไปเมื่อสองวันก่อน”

“แล้วเหล่าอาจารย์เล่า?” ถังเทียนยังคงถามต่อ

“ข้าไง” ตาเฒ่าเว่ยกล่าวด้วยท่าทางซื่อๆ ชี้ไปยังตนเอง

ถังเทียนหันไปถามอาโม่หลี่ “เจ้าไปรู้จักเขาได้ยังไงกัน?”

อาโม่หลี่ตอบอย่างอับอายว่า “ข้าจำได้ว่าพบกับเขาตอนยังเยาว์ เขายกย่องข้าว่าเป็นอัจฉริยะทุกคราที่พบกัน เขาชื่นชมข้า หลังจากนั้นไม่กี่ปี เราก็สนิทกัน”

ไม่วายจะเสริมประโยคเข้าไปอีก “ข้าคิดว่าเขาคิดถูก”

ถังเทียนไร้คำพูดจะกล่าว เขาจ้องมองไปยังซักปรักหักพังพลางเดินเข้าไปใกล้

“อย่าบอกข้านะว่า เจ้าหวาดหวั่นกับความยากลำบากอันเล็กน้อยนี้?” ตาเฒ่าเว่ยมองค้อน

“หวาดหวั่น?” ถังเทียนดึงสีหน้า จ้องมองไปยังตาเฒ่าเว่ย

ถังเทียนแค่นเสียงด้วยสีหน้าซีดโทรม เขาพลางพับแขนเสื้อขึ้น

“เอาล่ะ พื้นฐานถัง เจ้าต้องการทำอย่างไร? ทุบตีเขาดีไหม? ข้ารู้สึกว่าเขาจำเป็นต้องโดนทุบตีสักหน่อย” อาโม่หลี่เอียงคอพลางกล่าวถาม

“สร้างกระท่อม”

ไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง ถังเทียนเดินเข้าไปในป่า

“สร้างกระท่อม?” อาโม่หลี่เหลือบมองไปยังกระท่อมไม้โทรมๆพลางตระหนักได้ว่า “แน่นอนแล้ว นี่สิเขาถึงเปรียบดั่งเทพเจ้า! อย่างที่ข้าว่า เพียงแค่ปัญหานี้ไม่เพียงพอจะทำอะไรพื้นฐานถังได้…”

คร้านที่จะกล่าว ถังเทียนชี้ไปยังป่า “เจ้าไปเก็บไม้และนำมันกลับมานี้!”

“ไม่มีปัญหา!” อาโม่หลี่ทุบอก ‘ตุบ ตุบ’ และวิ่งเข้าป่าไปอย่างรวดเร็ว

ถังเทียนเริ่มคำนวณ มันอยู่ห่างไกลจากเมืองเมฆาดารา จำต้องมีที่พักอาศัย มีทั้งหมดสามคน แต่ละคนต้องใช้หนึ่งห้อง คงจะต้องมีสามกระท่อม ยังต้องมีกระท่อมแบบง่ายๆเพื่อใช้เป็นลานฝึกซ้อม ท่ามกลางเหล่ากระท่อมไม้เก่าๆนี้ มีหลังหนึ่งใช้เพื่อเก็บตำรา ถังเทียนประเมินแล้วอย่างน้อยดีกว่าที่ไม่มีอะไรเลย เขาตัดสินใจที่จะสร้างกระท่อมหลังเล็กๆไว้เก็บขยะด้วย

ถังเทียนเคยอาศัยอยู่ตามลำพังมานานพอสมควรและซ่อมสิ่งของต่างๆด้วยตัวเอง เขาเป็นคนที่ทำอะไรรวดเร็วและแน่วแน่ และเขาขจัดหน้าดินเรียบร้อยแล้ว

ไม่นานหลังจากนั้นพื้นดินพลันสั่นสะท้านอย่างแรง

ถังเทียนกลายเป็นแข็งค้าง

บนไหล่ของอาโม่หลี่วางไปด้วยต้นไม้ยาวสามเมตร ปลายต้นอีกด้านของต้นไม้ถูกลากมากับพื้นดิน อาโม่หลี่ดูราวกับเป็นวัวคลั่งจริง

“ฮูว ฮูว ฮูว!”

ภายใต้ท่อนซุงขนาดใหญ่ สัดส่วนอันแข็งแกร่งของอาโม่หลี่ช่างดูน่าสงสาร ปากของเขาอ้าหวอเป็นรูป ‘O’ กล้ามเนื้อของเขาปูดโปน ทุกๆการย่างก้าวของเขาเกิดหลุมบนพื้นดิน ด้วยขนาดท่อนซุงขนาดใหญ่ที่เขาแบก ดูราวกับไม้กวาดอันมหึมากวาดลงบนถนนขนาดยักษ์

แม้กระทั่งถังเทียนที่เชื่อในพละกำลังของตัวเอง เมื่อยามที่เขามองดูเจ้าวัวคลั่งนี้ ถังเทียนกลายเป็นตะลึงทันที

ตึง!

เมื่อเขามาถึงที่ถังเทียนยืนอยู่ อาโม่หลี่โยนท่อนซุงที่เขาแบกอยู่บนไหล่ลงพื้น พื้นใต้เท้าของถังเทียนถึงกับสั่นสะเทือน

“พอหรือไม่? เจ้าต้องการเพิ่มอีกสักสองสามต้นไหม?” อาโม่หลี่ถามอย่างขะมักเขม้น

ถังเทียนได้ตัดสินใจในทันที เขาพบว่ามีมีดที่ไม่ได้ใช้อยู่พลางส่งให้อาโม่หลี่ “ใช้นี่ตัดท่อนซุงเป็นแผ่นไม้”

“นี้คือความหนาที่ต้องการ” ถังเทียนแสดงให้อาโม่หลี่ดูด้วยสีหน้าที่จริงจัง “นี่เป็นวิธีที่ดีในการฝึกฝนการบ่มเบาะของเจ้า จักต้องมีความแม่นยำและแน่นอน”

“ไม่มีปัญหา!”

อาโม่หลี่จ้อง เขาพลางคว้ามีดทื่อๆรีบเร่งไปยังต้นไม้เบื้องหน้าราวกับลม

มันช่างเป็นหุ่นเหล็กในคราบมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบเหลือเกิน! หัวใจของถังเทียนรู้สึกเต็มไปด้วยอาการชื่นหมื่นใจ เขาก็เริ่มก้มหน้าก้มตาทำงานของเขา

“ตาดที่คาดไว้ คนหนุ่มช่างเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง!”

ตาเฒ่ารำพึงรำพันขณะที่ปีนขึ้นไปบนเปลที่ผูกติดไว้ใต้ร่มไม้ พลางอ้าปากหาวและจมลงสู่นิทรา

※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※※

เมื่อมองไปยังกระท่อมไม้ที่สร้างเสร็จใหม่เบื้องหน้า ถังเทียนและอาโม่หลี่รู้สึกพึงพอใจ แผ่นไม้ของอาโม่หลี่ค่อนข้างที่จะมั่นคง และฝีมือช่างไม้ของถังเทียนก็ดูไม่เลว เขาทั้งสองต่างลำบากมาทั้งวันและเหนื่อยล้ามาก

“พักผ่อนกันเถอะ” ถังเทียนโบกมือและเดินเข้าไปยังกระท่อมของตน

อาโม่หลี่อ้าปากหาวแทบคลานไปนอนยังกระท่อมไม้ของเขา

ถังเทียนยังไม่ไปนอน เขาเปิดคลี่จดหมายพลางเขียนถึงเฉียนฮุ่ย

“เฉียนฮุ่ย วันนี้ข้าได้ย้ายสถาบันแล้ว สถาบันใหม่เรียกว่าสถาบันคาราเมล มันดูช่างน่าสนใจนัก สถาบันนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายธรรมชาติ”

ตาเฒ่าเว่ยผู้ซึ่งนอนอยู่บนเปลภายใต้แสงจันทร์ได้เปิดตาขึ้น กระพริบตามองไปยังกระท่อมไม้ที่แสงแดดย้อมเป็นสีส้ม รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากจ้องมองด้วยสายตาลึกซึ้งภายในดวงตาเล็กๆของเขา

หนึ่งราตรีลาลับ

เช้าตรู่ของวันที่สอง ถังเทียนก็ตื่นขึ้นมา

เฉกเช่นกิจวัตรประจำวันเหมือนเช่นปกติทุกวันในช่วงปีที่ผ่านมา ร่างกายของเขาปลุกเขาขึ้นมาตรงเวลา แม้จะมีงานที่ลำบากของเมื่อวานก็ตาม ข้างสถาบันมีลำธารเล็กๆ ที่เต็มไปด้วยน้ำเย็นทำให้เขารู้สึกสดชื่น

“ชายหนุ่มตามที่คาดไว้ เจ้าช่างมีความกระตืนรือร้นนัก!”

เสียงของตาเฒ่าดังขึ้นมาด้านหลัง ถังเทียนไม่แม้กระทั่งหันไปมอง ก็กล่าวถาม “อาจารย์ใหญ่ท่านก็ตื่นแต่เช้าเหมือนกันมิใช่รึ?”

“เฮ้ ข้าน่ะแก่มากแล้ว คนแก่ไม่จำเป็นต้องนอนมากมายเหมือนคนหนุ่มหรอก!” ตาเฒ่าเว่ยพูดอย่างขอไปทีแล้วกล่าวต่อว่า “ใช่แล้ว ยันต์จิตวิญญาณแบบใดกันที่เจ้าต้องการ?”

ได้ยินถึงยันต์จิตวิญญาณ ถังเทียนก็รู้สึกเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง

“วิชาระดับสองที่ต้องฝึกอย่างแรก โอ้ คงจะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับหมัดก่อน”

พรสวรรค์การบ่มเพาะของถังเทียนเปรียบได้ธรรมดา แต่มันยังคงไม่แน่นอนเพียงเพราะการต่อสู้ครั้งที่ผ่านมา เมื่อเร็วๆนี้เขารู้สึกเต็มเปี่ยมและดีใจเหลือล้นเมื่อยามที่เขาจะได้ใช้หมัดทุบตีผู้คน

“วิชาหมัด อื้ม ไม่ค่อยจะมีคนสนใจมันสักเท่าไหร่ ให้เวลาข้าสักครู่เพื่อจะหามัน” ตาเฒ่าเว่ยหยิบยันต์จิตวิญญาณขั้นทองแดงออกมาหลายใบ จัดวางไว้ด้านหน้าของถังเทียน “นี่ ทั้งหมดนี้เป็นวิชาที่เกี่ยวข้องกับวิชาหมัด เลือกเอาล่ะกัน”

ถังเทียนดีใจเมื่อเห็นยันต์ และหยิบขึ้นมาดูที่ละใบในทันที

ยันต์จิตวิญญาณขั้นทองแดงนี้ด้านบนเป็นทองแดง และตรงกลางยันต์เป็นรูปเงาลางๆของบุคคล ยืนตรงกำลังกำหมัด และยันต์อื่นก็ต่างมีเงาออกกระบวนท่าต่างกันไป

ด้านหลังของยันต์ประกอบไปด้วยรายละเอียดที่เกี่ยวข้องกับยันต์จิตวิญญาณ

เมื่อยามเหล่านักสู้สร้างวิชาของตนเอง พวกเขาสามารถที่จะสร้างยันต์จิตวิญญาณของตัวเองได้ ยันต์จิตวิญญาณที่สร้างใหม่มีคุณสมบัติต่างกันไปเป็นสามขั้นคือ ขั้นทองแดง ขั้นเงิน และ ขั้นทอง

ยันต์จิตวิญญาณประกอบขึ้นด้วยการประทับตราวิญญาณของเหล่านักสู้ และด้วยสิ่งนั้น เหมือนดั่งประทับความเข้าใจของวิชาการต่อของนักสู้เหล่านั้น ยิ่งยันต์ขั้นสูง ความเข้าใจของวิชาการต่อสู้ก็ยิ่งสูงมาก ยันต์ขั้นทองแดงบรรจุวิชาการต่อสู้ไว้เพียงสามในสิบส่วน และขั้นเงินหกในสิบส่วน ขณะที่ขั้นทองสามารถบรรจุความเข้าใจในวิชาการต่อสู้ได้ทั้งหมด

วิธีการใช้ยันต์จิตวิญญาณมีสองรูปแบบ หนึ่งคือการใช้จิตวิญญาณเพื่อเรียกใช้งานและฝึกฝนด้วยตัวเอง อีกอย่างคือการประทับร่าง ยามเมื่อประทับร่าง ข้อความความเข้าใจจากตราประทับผู้ใช้จะได้รับอย่างเต็มที่

ไม่ว่าจะเป็นการเรียกใช้หรือประทับร่างทั้งสองต่างมีเวลาจำกัด

[คั่นหนังสือ : บอกตรงๆครับ วิธีการใช้งานอันนี้ผมมึนตื้อเลย ไม่รู้ว่าเข้าใจถูกหรือเปล่า ถ้าเข้าใจผิดยังไงเดี๋ยวค่อยกลับมาแก้ที่หลัง เหมือนกับว่าการประทับร่างจะเป็นแบบมีเวลาจำกัดพอหมดเวลาแล้ว วิชา ก็จะลืมหรือหายไปประมาณนี้มั้ง หากท่านใดมีความเข้าใจที่มากกว่านี้แจ้งได้นะครับ ผมจะได้แก้ไข]

เริ่มแรกการประทับร่างถูกนับเป็นหนึ่งในวิชาการต่อสู้ แต่ไม่นานหลังจากนั้น ผู้คนต่างตระหนักได้ว่าใช้มันเพื่อฝึกฝนวิชาการต่อสู้นั้นทำได้ง่ายและมีประโยชน์กว่า หลังจากนั้นยันต์จิตญญาณก็เริ่มเป็นที่แพร่หลาย แม้กระทั่งตอนนี้ ยันต์วิญญาณก็ยังคงแพร่หลายมานับพันปี และมันกลายเป็นรูปแบบที่แสนจะละเอียดถี่ถ้วน

ถังเทียนมองไปยังเหล่ายันต์ที่ละชิ้น ค่อยๆเลือกมัน

[วิชาหมัดหมื่นวังวน] หมัดเกลียวคล้ายวังวน ร้อยพันแปรเปลี่ยน สกัดกั้นทางหนี ผู้มีความสัมพันธ์กับวารีธาตุจะทำให้มีอานุภาพมากขึ้น

[วิชาหมัดเพลิงผลาญตะวัน] ร้อนแรงดั่งเพลิงตะวัน หมื่นลำแสงเหนือล้ำศัตรู ผู้มีความสัมพันธ์อัคคีธาตุจะทำให้อานุภาพมากขึ้น

[วิชาหมัดพฤกษาร่วงโรย] เฉียบคมแปรเปลี่ยนหลายรูปแบบ เหมาะสำหรับเจาะทะลวง ใช้การตั้งรับเพื่อรุก ผู้มีความสัมพันธ์พฤกษาธาตุจะทำให้อานุภาพมากขึ้น

เมื่อมองไปยังวิชาเหล่านี้ต่างต้องใช้ความต้องการของธาตุหนึ่งในห้าธาตุเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ถังเทียนยอมแพ้ทันทีไม่มีแม้แต่ความลังเลเล็กน้อย

[วิชาหมัดอัสนี] รวดเร็วดั่งอัสนี เหมาะสมกับความสัมพันธ์ทุกธาตุ

[วิชาหมัดคลั่ง] เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทำลาย ใช้น้ำหนักตัวเองเพื่อเจาะทะลวง เหมาะสมกับความสัมพันธ์ทุกธาตุ

คิดถึงเกี่ยวกับอาโม่หลี่ผู้คล้ายคนคลั่งเต็มไปด้วยพลังความดุร้าย ถังเทียนตัดสินใจเลือก [วิชาหมัดอัสนี]

***********************************************************

ติ ชม รับข่าวสารได้ที่ แฟนเพจ ได้เลย และกดไลค์เพื่อเป็นกำลังใจด้วยครับ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด