ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 002 – ป้ายทองแดง

ตอนที่ 001 – สุดยอดผู้งมงายยุทธ์


คำนำ

เส้นทางอันไร้ที่สิ้นสุด ดวงดาราพร่างพรายพาดผ่านบนนภาอันไร้ขอบเขต มหาสมุทรอันกว้างใหญ่ไพศาล โลกที่เต็มเปี่ยมไปด้วยการผจญภัยอันแสนยาวไกล ที่ที่ซึ่งกำเนิดวีรบุรุษ

ความฝัน…ความมั่งคั่ง…สมบัติลี้ลับ…พลังอำนาจ…ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่นั่น

ตอนที่ 001 – สุดยอดผู้งมงายยุทธ์

ถังเทียนยืนอยู่บนลานฝึกซ้อมอย่างเกียจคร้านเฉกเช่นปกติ

มองดูเหล่าหนุ่มสาวหน้าใหม่ทั้งหลาย เขาพลางแค่นเสียงออกจากจมูก

นี้เป็นคราแรกที่เหล่าหนุ่มสาวมายังลานฝึกซ้อมของสถาบันแอนดรูว์นี้ สถาบันติดอันดับหนึ่งในสิบของเมืองเมฆาดาราถึงแม้ว่าอุปกรณ์ต่างๆจะเปรียบเทียบไม่ได้กับสวรรค์รุ่งอรุณวิทยาลัย แต่ก็ยังถือว่าติดอันดับต้นๆ

นอกจากนี้ นี่ยังเป็นบทเรียนแรกของการฝึกซ้อมจริง พวกเขาต่างเต็มไปด้วยความอยากรู้

“ทุกๆอย่างพวกเจ้าได้ศึกษาจากหนังสือ ข้าได้อธิบายให้หมดแล้ว นับจากนี้ นอกจากทฤษฎีที่พวกเจ้าเรียน ส่วนใหญ่จะต้องมาฝึกซ้อมยังสถานที่นี้ หากความฝันของพวกเจ้าคือการได้เข้าสถานบันดีๆ ตั้งใจศึกษาและขยันฝึกซ้อมคือหนทางเดียว มันไม่มีทางลัดสำหรับความสำเร็จ มีเพียงการฝึกซ้อมอันน่าเบื่อหน่ายนี้ จงอย่าได้ขาดศรัทธา”

อาจารย์เฉินกล่าวอย่างเคร่งขรึม เสียงของเขาดังก้องทั่วลานฝึกซ้อม

สายตาของเหล่านักศึกษาเต็มไปด้วยความคาดหวังและความกระหาย

“วันนี้ บทเรียนคือการฝึกกระบวนท่ากระบี่พื้นฐาน หากศึกษาเพียงกระบวนท่าแต่ขาดการฝึกซ้อม ทักษะยุทธ์ก็เป็นเพียงของไร้ค่า เอาล่ะ ก่อนที่พวกเจ้าจะฝึกซ้อมกัน ศิษย์พี่ถังเทียนของพวกเจ้าจะแสดงให้ดูก่อน ศิษย์ถังเทียนเป็นผู้เชี่ยวชาญที่โดดเด่นและมีฝีมือมากของสถาบันนี้ แม้กระทั่งข้าก็ยังไม่อาจเทียบ พวกเจ้าจงตั้งใจดูว่าผู้เชี่ยวชาญเป็นอย่างไร”

“ชิ้ง” เหล่าสายตาหันมาทางถังเทียน ภายใต้สายตาที่จับจ้อง ท่าทางเกียจคร้านของเขาก็แปรเปลี่ยน

ถังเทียนกลับกลายเป็นเยือกเย็นต่างจากเดิม

“ถังเทียน เริ่มได้”อาจารย์เฉินสั่ง

“ฮู้”ถังเทียนพ่นลมหายใจตอบรับ พลางก้าวไปที่แท่นเก็บอาวุธมุมลานฝึกซ้อม คว้าหยิบกระบี่ไม้เล่มนึงออกมา ยามเมื่อกระบี่ถือในมือ ดวงตาถังเทียนแปรเปลี่ยนเป็นประกายเฉียบคมแลดูจริงจัง ด้วยใบหน้าที่ดูเกียจคร้านก่อนหน้าหายไปในพริบตา

ถังเทียนก้าวขาซ้ายถอยหลังครึ่งก้าว ย่อเอวลงต่ำเล็กน้อย และเหน็บข้อศอกขวา พลางยกกระบี่ขึ้นระดับสายตาของเขา

เอวของเขาขยับเพียงเล็กน้อย ศอกของเขาผ่อนคลายสงบราวกับยามวสันต์ ข้อมือของเขาไม่ขยับสักหนึ่งหุน

ควับ!

เสียงตัดฝ่าอากาศดังกังวาน

กระบวนท่ากระบี่พื้นฐาน!

เหล่าหนุ่มสาวแอบยกย่องชื่นชมอยู่ในใจ หลายคนแทบไม่ได้สนใจในกระบวนท่ากระบี่พื้นฐานนี้สักเท่าไหร่ อย่างที่ว่ามันเป็นเพียงแค่กระบวนท่าพื้นฐานของกระบี่ เป็นกระบวนท่าสร้างรากฐานในกระบวนท่ากระบี่ เป็นเพียงกระบวนท่าระดับต่ำของกระบวนท่ากระบี่ เป็นธรรมดาที่เหล่าหนุ่มสาวจะไม่เห็นมันอยู่ในสายตา แต่เมื่อเห็นถังเทียนร่ายรำกระบวนท่านี้ ดูคล้ายเรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยพลังและความงดงาม

เพียงแค่นั้น เหล่าหนุ่มสาวต่างเลื่อมใสในตัวเขา

ถังเทียนเข้าสู่สมาธิอันล้ำลึก เคลื่อนไหวเท้าข้างหนึ่งอย่างรวดเร็ว ไหล่ของเขานิ่งไม่ขยับ ทันใดนั้นแขนของเขาสะบัดฟาดคล้ายแส้ กระบี่ไม้ปะทะเข้ากับพื้น

ตูม!

เสียงดังทำลายความเงียบ ผู้คนต่างตกตะลึง

การเคลื่อนไหวพื้นฐานทั่วไปของกระบวนท่ามีระยะช่วงสั้นกว่ากระบวนท่าดาบ แต่พลังจู่โจมรุนแรงกว่า คล้ายถังเทียนจะแสดงให้เห็นถึงหลักสำคัญของ ‘การปะทะ’ ได้อย่างชัดเจนและลึกซึ้ง เหล่าหนุ่มสาวสามารถมองเห็นความคล่องแคล่วของกระบวนท่าได้

อีกครั้งที่เหล่าหนุ่มสาวตื่นตะตึงจนอ้าปากค้าง อาจารย์เฉินเคยชินกับมันแล้ว เขามองไปที่ถังเทียนบนกลางลานฝึกซ้อม คิดถึงยามที่มองมันฝึกซ้อมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทุกคราที่เขาเป็นพยานถังเทียนฝึก ทำให้เขาใจหายได้ตลอดเวลา อาจารย์เฉินกล่าวได้เลยว่าความสามารถของเขาด้านกระบวนท่ากระบี่ก็ไม่อาจจะเทียบเท่าได้กับของถังเทียน และดูเหมือนจะห่างชั้นกันมาก

ยกกระบี่ ตั้งรับ วาดกระบี่

การเคลื่อนไหวของถังเทียนดั่งกับลม พรื้วไหวเหนือสายน้ำ ด้วยจิตใจที่สงบนิ่ง ไร้ความลังเล อยู่กลางลาน การเคลื่อนไหวของเขามั่นคง งดงาม และเต็มไปด้วยพลัง เมื่อเขาสิ้นสุดกระบวนท่า ทั่วทั้งลานฝึกซ้อมกลายเป็นเงียบงัน

ถังเทียนกลับกลายเป็นสีหน้าเกียจคร้านไร้อารมณ์ดั่งเดิม พลางขว้างกระบี่ไม้ทิ้ง มันตรงไปเก็บเข้ายังแท่นเก็บอาวุธพอดิบพอดี คล้ายยังกับกระบี่มีตา

เหล่านักศึกษาต่างส่งเสียงโห่ร้อง

“ว้าว! นั่นมันสุดยอดจริง! เพียงกระบวนท่ากระบี่พื้นฐานนี้มันช่างดูทรงพลังจริง!”

“สุดยอด! งดงามมาก!”

“เท่เหลือเกิน! ศิษย์พี่ถังเทียนช่างดูแข็งแกร่งจริงๆ! ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ ได้โปรดคบกับข้าเถอะ” เหล่าสายตาของนักศึกษาหญิงเปล่งประกาย ถังเทียนมีสัดส่วนที่สูงใหญ่ ด้วยกระบวนท่ากระบี่พื้นฐานทำให้เขาดูสมบูรณ์แบบ ปราศจากความเทอะทะ ทุกคนต่างคิดว่าเขาช่างดูผสานกันอย่างลงตัว

ถังเทียนยังคงไม่แยแส

“เฮอะ ผายลมอันใด! ถ้ากระบวนท่าของเขาสมบูรณ์แบบ ทำไมเขายังคงไม่ผ่านการทดสอบจบการศึกษาตั้ง 5 ปี ศิษย์พี่ถังเทียนคนนี้ฝึกกระบวนท่ากระบี่พื้นฐาน พี่ชายข้าพึ่งจะเริ่มเข้าเรียนที่สถาบันนี้ เฮอะ ตอนนี้พี่ชายข้ากำลังจะจบการศึกษาแล้ว”

เหล่าหนุ่มสาวโห่เสียงใส่

บรรยากาศเงียบเชียบ จากการจ้องมองที่หลงใหลช่ืนชมแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว

มีข่าวลือเกี่ยวกับบุคคลหนึ่งที่เป็นสุดยอดผู้งมงายยุทธ์ และทุกคนทราบเกี่ยวกับข่าวลือที่น่าขันนี้ หลายคนต้องการถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ไม่คิดว่าบุคคลนั้น จะยืนอยู่ต่อหน้าพวกเขา ศิษย์พี่ถังเทียนช่างตายยากเสียจริง

เขารู้ว่าจะกลายมาเป็นลักษณะนี้

ถังเทียนเบะปาก เรื่องนี้เกิดขึ้นทุกปี เขาเคยชินกับมันเสียแล้ว แต่เขายังคงไม่อาจปล่อยวางจากการจ้องมองอย่างไม่เป็นมิตรของสารเลวพวกนี้

พี่ชายมันคงยังไม่บอกมัน ว่าข้าเคยทุบตีมันมาก่อน

ถังเทียนตัดสินว่าจะจัดการสั่งสอนมันหลังจากจบการสอนนี้ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ต้องรอนาน

ถังเทียนหรี่ตา กล่าวด้วยเสียงต่ำ “ใครให้พวกเจ้าอู้เวลาฝึกซ้อมกัน? อ๊า ใช่แล้ว ข้าลืมบอกพวกเจ้าไปว่า ข้าคือผู้ช่วยของอาจารย์เฉิน ข้าคือผู้ดูแลการฝึกของพวกเจ้า ใครก็ตามที่ทำได้ไม่ดี ข้าจะให้มันประลองกับข้า เจ้า ใช่แล้ว เจ้านั่นแหละ ต้องการที่จะประลองใช่รึไม่?”

ถังเทียน ชี้ไปที่เด็กชายคนนึง ด้วยคำพูดถากถาง พลางบีบกำปั้น เสียงดัง “กร๊อบ”

หน้าของเด็กชายคนนั่นซีดทันที เขาจดจำวีรกรรมของถังเทียนได้ดี เขาไม่พูดไม่จารีบวิ่งไปด้านข้างและเริ่มฝึก

เหล่านักศึกษาคนอื่นสังเกตเห็น จึงรีบเร่งต้นฝึกซ้อมอย่างลนลาน

ในขณะเดียวกัน อาจารย์กล่าวเสริมขึ้น “หากพวกเจ้าคนใดมีคำถาม สามารถปรึกษาศิษย์พี่ถังเทียนคนนี้ได้ จงฝึกให้หนัก อย่าได้ขี้เกียจ ถังเทียนเจ้าจงสอดส่องดูการฝึกซ้อมของพวกเขาด้วย”

“ขอรับ!” ถังเทียนตอบเสียงดัง

อาจารย์เฉินพยักหน้าอย่างพอใจ และหันหลังจากไป

ไม่มีใครคิดจะมาสักคนจนจบการฝึกซ้อม ถังเทียนช่างผิดหวังเล็กน้อย พลางพึมพำและเดินออกไป

เมื่อการฝึกจบลง ทุกคนต่างมารุมล้อมเด็กชายคนนั้น

“บอกพวกเราเร็วเข้า เจ้ากล่าวได้เพียงครึ่งเดียวเองเมื่อก่อนหน้า”

“ได้ ได้”

เด็กชายกล่าวอย่างวางกล้าม “ศิษย์พี่ถังเทียนคนนี้เป็นตำนานของสถาบันได้การยอมรับว่าจบการศึกษาไปแล้ว ใครอยากจะเก็บเข้าเอาไว้กัน แต่ศิษย์พี่ถังเทียนคนนี้ก็ยังอยู่ ตอนนี้เขาก็ยังคงอยู่ ฮึ่ม ให้ข้าคิดก่อน ห้าปี ห้าปีเต็ม ลองคิดดูสิ อยู่ศึกษาต่อที่สถาบันห้าปีเต็ม เป็นบุคคลประเภทใดกัน เขาคือหนึ่งเดียวที่ทำอย่างงั้น”

“ทำไมเขายังอยู่นานขนาดนั้น” บางคนอดไม่ได้ที่จะถามออกไป “ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สามารถเข้าสถาบันที่ดีได้ แต่สถาบันธรรมดาก็น่าจะง่ายดายสำหรับเขา”

เหล่าหนุ่มสาวต่างคึกคักกับการนินทา “เจ้ารู้ไหมว่าทำไม? เอาล่ะ ศิษย์พี่ถังเทียนไม่ยอมเรียนทักษะระดับสูงใดๆในตลอดห้าปีนี้ เขาเพียงฝึกกระบวนท่าพื้นฐานจนเชี่ยวชาญมาตลอดห้าปี กระบวนท่าพื้นฐานทำอะไรได้บ้าง? หากอยากเป็นพ่อครัวจำต้องเรียนรู้เรื่องมีดมากกว่าใช้มีดแค่เชือดไก่ หากอยากอยู่ในภัตตาคารหรูต้องรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อให้ได้เรียนรู้ทักษะขั้นสูง หากอยากเป็นบาร์เทนเดอร์ไม่ใช่แค่ทักษะขั้นสูงอย่างเดียว ยังต้องมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี ปราศจากสิ่งเหล่านั้น ผู้คนไม่แม้แต่กระทั่งเหลียวแล บอกข้าหน่อย กระบวนท่าพื้นฐานมีอะไรดี แม้กระทั่งสถาบันชั้นต่ำยังสอนทักษะยุทธ์ระดับสองเป็นอย่างต่ำ”

เหล่าหนุ่มสาวต่างนินทากันอย่างมัวเมา หนึ่งในนั้นทำท่าทางอย่างกับผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่า “การฝึกซ้อมกระบวนท่าพื้นฐานเพื่อรากฐานนั่นเพียงพอแล้ว ยิ่งฝึกทักษะระดับสองเร็วเท่าไหร่ยิ่งดี นั่นเป็นแนวทางที่ถูกต้อง เหล่าสถาบันชั้นนำที่กำเนิดอัจฉริยะต่างฝึกฝนทักษะระดับสูงตั้งแต่อายุยังเยาว์ หากอายุสิบสี่ปีก็ฝึกทักษะระดับสองแล้ว สามารถเข้าสถานบันอันดับกลางได้เลย และถ้าหากอายุสิบสี่ปีแล้วยังเชี่ยวชาญทักษะระดับสาม สามารถเข้าสถาบันชั้นนำอย่างสบาย”

“ข้าก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน” คนนึงกล่าวขึ้นมา

“แต่ข้าพึ่งจะสิบสามปี ข้าก็อยากเข้าสถาบันชั้นนำเหมือนกัน” เด็กคนนึงกล่าวอย่างท้อแท้

“อย่าหมดหวัง ในความเป็นจริง เจ้าควรจะดีใจความสามารถของเจ้าคงเข้าสถาบันที่ดีได้”

มองดูเหล่าคนที่เห็นด้วยกับเขา เด็กชายผู้ซึ่งกำลังนินทากลับยิ่งวางกล้ามขึ้นกว่าเดิม

“เฮอะ กระบวนท่าพื้นฐานมีความสำคัญในตัว หากเจ้าไม่ฝึกมัน เจ้าไม่มีความสามารถฝึกแม้กระทั่งทักษะระดับสอง”

เมื่อมองดูความวางกล้ามของเขา คนนึงที่ยืนด้านนอกวง แค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชา “เฮ้ แต่ข้าได้ยินมาว่าศิษย์พี่ของเรามิได้ชื่นชอบเด็กผู้ชายสักเท่าไหร่ เจ้าไม่ได้เคารพเขาในวันนี้ ระวังเท้าของเจ้าจะไปเหยียบปัญหาเข้า”

เด็กชายผู้ที่นินทาเขาสีหน้ากลับกลายเป็นหมองคล้ำ เขาจำสายตาที่ถังเทียนมองมาแค่นั้นหัวใจเขาก็สั่นสะท้าน

คนอื่นต่างยิ่งอยากรู้มากยิ่งขึ้นและถามขึ้นว่า “เขาเรียนรู้เพียงแค่กระบวนท่าพื้นฐานจริงๆ? ทำไมเขาถึงได้ดูภูมิใจนักหนา?”

เด็กชายหัวเราะอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “พวกเจ้าก็พึ่งจะเห็นมันไป ด้วยความสามารถของเขา แม้กระทั่งกลุ้มรุมสามคนยังง่ายดายสำหรับเขา เขาชำนาญในการต่อสู้และแสดงออกถึงโทสะ ใครก็ตามที่ตอแยเขาจะถูกเขาทุบตีอย่างหนัก นอกจากอาจารย์เฉินแล้ว เขาไม่เคยไว้หน้าอาจารย์คนไหนเลย แม้กระทั่งศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในนี้ยังทำไม่ได้แม้กระทั่งจะถือเทียน*ให้เขาเลย”

*ถือเทียน = ในสมัยก่อนตอนที่ยังไม่มีไฟฟ้าใช้ ลูกมือช่างจะเป็นคนถือเทียนให้กับช่าง เมื่อถูกบอกว่าทำไม่ได้กระทั่งถือเทียน ถือเป็นการบอกว่าไร้ฝีมือ

“ที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ? เขาเป็นคนที่ดุร้าย?” บางคนก็ไม่ค่อยเชื่อเขาสักเท่าไหร่

“เขามีร่างกายที่ดีแลดูโหดร้าย การได้รับบาดแผลเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตเขา ข้าเคยเห็นผู้คนที่ดูน่าเกรงขามกว่าเขา แต่ความโหดร้ายยังไม่อาจเทียบขั้นกับเขาได้ ในขณะนี้เขาได้รับชัยชนะทุกการประลอง แม้แต่การต่อสู้ที่ดูยากลำบาก เขายังสามารถจบลงด้วยการบาดเจ็บทั้งคู่ และไม่ใช่ที่เขาแพ้ ในการประลองเหล่านั้น” นักศึกษาคนนึงเตือน “เจ้าไม่ควรจะไปตอแยเขาเด็ดขาด”

ทุกคนต่างลูบคอตัวเอง หลายคนปรายตาไปมองยังเหล่าหนุ่มสาวที่แอบนินทาเขาที่ซึ่งต่างหน้าซีดกันหมด

เหล่าเด็กสาวผู้แอบหลงใหลแต่แรกเริ่ม สายตาจากชื่นชมต่างสลายหายไปจากดวงตา บางคนก็ดูถูกเหยียดหยาม บางคนแสดงความเห็นใจ การแสดงออกบางคนก็มิได้ดูรังเกียจมากนัก ขณะที่พวกนางแอบกระซิบกระซาบ

“งั้นเขาก็คงเป็นแค่คนบ้า เขาแทบจะหลอกข้าสำเร็จ ด้วยร่างกายดูน่าเกรงขามนั่น”

“เขาเป็นอันธพาล ช่างน่าหงุดหงิดเสียจริง ใครกันจะชอบคนหยาบคายและต่ำช้านั่น”

“อั๊ยย่าห์ โลกนี้ช่างโหดร้าย ฝันนั่นก็สลายไปในพริบตา”

“ฮี่ๆ เซียวหนี่จือแอบหลงใหลในตัวเขา”

นักศึกษาคนนึงไม่สามารถจะทนรับฟังได้และกล่าวขึ้น “หยุดเพ้อฝันกันได้แล้ว ถึงแม้เขาจะเป็นสุดยอดผู้งมงายยุทธ์ แต่เขาคงจะไม่เหลือบแลพวกเจ้า”

“ใช้มาตรฐานอะไรวัด! เชอะ ถ้าหากเขาไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ข้าก็คงจะไม่คิดเหลียวแลสักครั้ง” เด็กสาวปากร้ายนางคนหนึ่งสบประมาท

นักศึกษาสาวอีกคนมองไปยังนางด้วยดูถูกยิ่งกว่า “ผู้คนไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรกับเจ้า การกระทำของเจ้าทั้งหมด เทียบไม่ได้แม้กระเส้นผมของคุณหนู เฉียนฮุ่ย! เขามีคุณหนูเฉียนฮุ่ยอยู่แล้ว เขาจะมาสนใจเจ้าได้อย่างไร?”

คุณหนูเฉียนฮุ่ย!

นักศึกษาหญิงบางคนถึงกับเบิกตากว้าง เชียงกวน เฉียนฮุ่ย นางเป็นดั่งตำนานของเมืองเมฆาดารา นางเป็นแบบอย่างของเด็กสาวทุกคน เป็นหญิงสาวในอุดมคติของเด็กชายทุกผู้ ความงามของนางไร้ที่ติ นางมีความเมตตาและร่าเริง แถมนางยังผ่านบททดสอบเข้าสถาบันแอนดรูว์ติดอันดับหนึ่งในสิบ หลังจากที่รับนางเข้า นางก็ครองอันดับหนึ่ง การมีนางคงอยู่ในสถาบัน ทำให้สถานะของสถาบันเพิ่มขึ้น เมื่อปีที่แล้วนางก็ได้ออกจากสถาบัน อันดับก็ตกทันที

เด็กสาวได้หยุดพูดลง ถ้าหากนางพูดไม่ดีถึงคุณหนูเฉียนฮุ่ย อย่างน้อยครึ่งหนึ่งในที่นี้คงเข้ามาทุบตีนาง

“ทำไมคุณหนูเฉียนฮุ่ยจึงมาเกี่ยวข้องกับเขาได้ มันเป็นไปได้รึ​?” เด็กสาวบางคนไม่อาจจะเชื่อได้

เด็กชายทำหน้าสับสนด้วยเหมือนกัน พลางส่ายหน้าและถอนหายใจ “ข้าก็อยากรู้! ให้ข้าบอกเจ้า เนื่องจากคำขู่ของคุณหนูเฉียนฮุ่ย จึงไม่มีใครสักคนที่กล้าจะท้าทายเขา”

แม้ว่าจะครบปีหนึ่งแล้วตั้งแต่ที่คุณหนูเฉียนฮุ่ยออกจากสถาบันไป คำพูดเหล่านั้นก็ยังคงอยู่

ภายในห้องทำงาน อาจารย์เฉินยืนอยู่ที่หน้าต่าง พลางชมดูฉากเรื่องราว ไม่แสดงออกอารมณ์ใดออกมาภายในดวงตาของเขา เขาถอนหายใจอย่างแผ่วเบา

ภายในโลกนี้ วาสนาทุกคนก็ไม่เท่าเทียมกัน

เขาชื่นชมถังเทียน และนี้เองที่ทำให้ห่วงใยในตัวมัน ถังเทียนอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ล้อมรอบไปด้วยเหล่าหนุ่มสาววัยสิบสามสิบสี่ เหมือนการก้าวถอยหลังสำหรับมัน

ในวัยของถังเทียน เขาควรที่จะจบการศึกษาได้แล้ว หลังจากปีหน้านี้ เขาคงจะโตเกินไปที่จะยังอยู่ในสถาบันนี้ นั่นหมายความว่าเขาจะต้องถูกบีบออกไปเผชิญชีวิตของผู้ใหญ่อย่างแท้จริง สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือความสามารถของถังเทียน ที่จะหางานทำยังชีพของเขาเอง

คงไม่มีใครคิดจะรับคนที่ร่ำเรียนเพียงพื้นฐานวิชากระบี่

ถ้าหากเขาเรียนทักษะระดับสอง อย่างน้อยเขาก็เป็นมาตรฐานขั้นต่ำในการจ้างวาน นั่นคงไม่เลวร้ายเท่าไหร่ แม้วันข้างหน้าจะลำบากแสนเข็ญ อย่างน้อยเขาก็ยังเอาตัวรอดได้

ถ้าหากเขามีพรสวรรค์สักหนึ่งส่วนของเฉียนฮุ่ยก็คงจะดี…

***********************************************************

แฟนเพจ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด