ตอนที่แล้วตอนที่ 52 ปะทะกับระดับขั้นสูง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 54 จุดจบ

ตอนที่ 53 ปะทะ


53

 

ระดับของจางหมิงเพิ่มขึ้นแตะที่ขั้นสูงระดับสอง ความต่างแม้ยังมากแต่ก็ทดแทนข้อด้อยนั้นจากความเร็วของวิชาตัวเบาที่เพิ่มระดับมาจากขั้นชำนาญเป็นปรมาจารย์ แสงสีเขียววูบวาบใต้เท้านั้นบ่งบอกได้เป็นอย่างดี แต่ก็ยังเร็วขึ้นเพียงแค่เทียบเท่ากับความรวดเร็วของติงหรงเท่านั้น

 

จางหมิงขมวดคิ้ว ท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีดำนั้นไม่ได้เป็นปัญหากับการมองเห็นเพราะแม้ด้านบนจะกลับกลายแต่รอบด้านก็ยังคงสว่างไสวเช่นช่วงกลางวันปกติ แต่ที่มันขมวดคิ้วเนื่องด้วยไม่อาจเข้าใจว่าเหตุใดท้องฟ้าที่เกิดขึ้นมาจากภาพมายาที่วงกตสร้างขึ้นถึงได้มีผลกระทบดังเช่นภายนอก

 

หรือที่แห่งนี้จะไม่ได้เกิดจากภาพมายา...

 

เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน ...ตอนนี้มันควรจดจ่อกับการต่อสู้เบื้องหน้ามากกว่า เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็พร้อมจะโจมตีมันอีกครั้งเช่นกัน

 

“วิชาประหลาดของเจ้าทำให้เลื่อนระดับได้เพียงนี้เชียว แต่มันก็เท่านั้น! พวกเรายังห่างไกลกันนัก!” ติงหรงยังคงมั่นใจในพลังของตนเอง ยิ่งได้ใช้วิชาประจำสำนักก็ยิ่งเพิ่มพูนความมั่นใจนั้นขึ้นอีก

 

“แล้วเรามารอดูกัน”

 

จบประโยคจางหมิงก็พุ่งเข้าหาดาบยักษ์สีทองที่ควบแน่นจากพลังปราณที่แทงตรงมา น่าเสียดายที่มันไม่เคยฝึกใช้เกราะปราณเรื่องที่จะป้องกันคงเป็นไปไม่ได้ แต่ด้วยวิชาทุกอย่างที่ถูกเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับการที่จะใช้วิชาที่มีพลังเทียบเท่าทำลายวิชาของอีกฝ่ายนั้นไม่ใช่เรื่องยาก

 

“มังกรเก้าเศียร”

 

มังกรสีเหลืองทองถูกปลดปล่อยออกมาด้านหน้า หัวที่มีถึงห้านับว่าน่าตกใจสำหรับผู้พบเห็นและนับรวมถึงจางหมิงที่เป็นผู้ใช้มันด้วย

 

นั่นมันแปลกน้อยเสียที่ไหน

 

อะไรล่ะคือความหมายของจำนวนหัวมังกร... หนึ่งหัวคือระดับขั้นสามัญ สองหัวคือชำนาญ ส่วนสามคือปรมาจารย์ และสิ้นสุดลงที่เก้าที่ไม่อาจมีคนทำได้

 

คราแรกการที่จางหมิงใช้วิชายุทธ์นี้ได้สองหัวก็พอจะปัดความแปลกนั้นเป็นว่ามันใกล้เข้าถึงระดับเชี่ยวชาญ แต่นี่กลับมีถึงห้าที่ไม่มีใครเคยทำได้มากกว่าสามมาก่อน แม้เป็นเช่นนั้นก็จริงหากพลังของมันก็เพียงแค่ขั้นสูงระดับที่สอง เมื่อเทียบกับวิชาของขั้นสูงระดับห้าความแตกต่างจึงมีไม่มากนัก

 

พลังทั้งสองฝ่ายปะทะแล้วหักล้างกันเองก่อนจะระเบิดออก จางหมิงไม่อาจอาศัยกลุ่มปราณที่รั่วไหลออกมาพรางกายเช่นเมื่อก่อน เนื่องจากระดับที่สูงขึ้นการควบแน่นของพลังก็จะยิ่งมั่นคงจนไม่เกิดการกระจายของพลังมากเกินไป นับว่าในข้อดียังมีข้อเสียจริงๆ

 

ทั้งคู่พลัดกันรุกด้วยพลังของตนเองโดยมีจิ้งจอกน้อยคอยเสริมทัพเป็นระยะแต่มันก็ทำอะไรได้ไม่มากนัก แม้จางหมิงจะมีความสามารถเพิ่มขึ้นจากการเปิดอาณาจักรจันทราหากจิ้งจอกน้อยไม่ได้รับผลนั้นไปด้วย สิ่งที่ได้มาจากเจ้านายหลังผูกพันธะคือการรับรู้ถึงสภาพอารมณ์ของเอีกฝ่ายและมีรูปลักษณ์บางส่วนที่เปลี่ยนไป หรืออาจจะมีมากกว่านั้นแต่มันยังไม่ค้นพบ

 

ความเร็วจากปราณสายฟ้าไม่ได้ทำให้จิ้งจอกน้อยเร็วไปกว่าติงหรงที่ใช้วิชาของสำนัก สิ่งที่เกิดขึ้นคืออาการบาดเจ็บที่มากขึ้นเรื่อยๆแต่มันก็ไม่ได้ยอมแพ้ หรือจะเรียกว่าเป็นความดื้อดึงของมันเองก็ได้

 

ในจังหวะหนึ่งที่จิ้งจอกน้อยกระโจนเข้าไปหาฝ่ายตรงข้ามเพื่อทำลายเกราะปราณที่ใช้ป้องกันจางหมิง ติงหรงนั้นได้ลดเกราะลงก่อนจะสวนกลับจิ้งจอกน้อยที่ตรงเข้ามา ความเร็วนั้นแม้จางหมิงก็ไม่อาจช่วยเหลือทัน

 

ตูม!

 

ปราณรูปร่างพยัคฆ์พุ่งเข้าชนกลางลำตัวของจิ้งจอกน้อยอย่างจัง เสียงกระดูกที่แตกหักดังขึ้นในหัวของจากหมิงจากการรับรู้ของพันธะเลือด

 

“!”

 

จางหมิงกระโจนเข้าไปรับร่างของจิ้งจอกน้อยไว้ก่อนที่มันจะอัดเข้ากับผาสูงด้านข้าง แต่ด้านหลังก็ตามมาด้วยพยัคฆ์อีกสองตัวที่ตามมาติดๆ และการที่มันกำลังลอยอยู่กลางอากาศทำให้ไม่อาจหลบหนีการโจมตีนั้นไปได้

 

โครม!

 

ผาสูงที่มันระวังไม่ให้จิ้งจอกน้อยไปชนกลับกลายเป็นมันเสียเองที่ชนเข้าเต็มๆ แล้วก็ร้าวไปทั้งร่างราวกับถูกบดไปกับแผ่นหิน อย่างน้อยๆความแรงนั้นก็ทำให้แผ่นหินด้านหลังแตกออก นับเป็นความโชคดีอย่างหนึ่งที่มันเป็นผู้ฝึกยุทธ์จึงมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนปกติที่คาดว่าคงตายไปแล้วหลังจากรับการโจมตีนั้น

 

หึหึ...

 

จางหมิงหัวเราะในลำคอจนต้องกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ ไม่ต้องถามเลยว่าอวัยวะภายในนั้นบาดเจ็บเพียงใด และที่มันหัวเราะออกมาไม่ใช่เพราะสมเพชตัวเองที่อ่อนแอหากหัวเราะให้กับนิสัยของตัวเองที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนมันคงปล่อยให้จิ้งจอกน้อยตายไปแล้ว

 

“เหอะ! มันก็แค่นั้น รีบทำลายแก้วผลึกของเจ้าเสียไม่เช่นนั้นเจ้าอาจจะต้องพิการเสียสองสามส่วน” ติงหรงเดินมาหยุดอยู่ไม่ไกล

 

จางหมิงเพียงแค่เหลือบมองมันก่อนจะหันไปมองจิ้งจอกน้อยที่นอนอยู่ข้างกาย ลมหายใจรวยรินนั้นน่าเป็นห่วงอยู่บ้างแต่ด้วยจางหมิงได้รับตัวมันไว้จึงไม่ได้บาดเจ็บจนถึงชีวิต

 

“บอกไม่รู้ฟัง เช่นนั้นก็ย่อมได้หากเจ้ายังอยากเจ็บตัวอยู่จริงๆ” มันสืบเท้าเข้ามาใกล้ในขณะที่จางหมิงแหงนมองฟ้า

 

เวลาต่อสู่ที่เหมือนยาวนานแต่กลับผ่านไปเพียงสองนาที อำนาจของอาณาจักจันทรานั้นยังไม่หมดลงเช่นเดียวกับดวงจันทร์ด้านบนยังคงลอยเด่น

 

สีส้มสดนั้นเมื่อมองนานๆทำให้ตาพร่ามัว หัวใจในอกเต้นกระหน่ำจนเจ็บร้าวเพราะภายในที่บาดเจ็บ เลือดในกายร้อนผ่าวเหมือนบางอย่างกำลังลุกไหม้ แขนขาที่เปื้อนฝุ่นอยู่บ้างถูกวาดเป็นเส้นสีส้มแสดตามหลอดเลือดที่ไหลเวียนภายใน แม้แต่ติงหรงก็สังเกตได้จนต้องหยุดชะงักไป

 

“เจ้าเป็นตัวประหลาดอะไร!”

 

แรงกดดันจากจางหมิงมีมากขึ้นเรื่อยๆจนติงหรงที่อยู่ใกล้จำเป็นต้องถอยออกห่าง ระดับพลังไม่ได้มากขึ้นหากก็ไม่อาจวัดได้อย่างตรงไปตรงมา ตอนนี้มันก็ไม่แน่ใจว่าจะสามารถชนะอีกฝ่ายได้ไหมหากฝ่ายตรงข้ามพร้อมสมบูรณ์

 

แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา!

 

จางหมิงไม่จำเป็นต้องมีร่างกายที่สมบูรณ์ แม้บาดเจ็บภายในมันก็ยังคงสามารถลุกขึ้นยืนได้อย่างมั่นคง ดวงตาของมันไม่ได้เป็นสีส้มสดเช่นเดียวกับจิ้งจอกน้อย หากมันมีสีแดงแวววาวดังอัญมณีเลอค่า

 

ในสติของจากหมิงมีเพียงเป้าหมายของมันและการทำลายผู้ตกเป็นเป้าหมายนั้น สมองมึนงงเต็มไปด้วยบทสวดที่ฟังไม่เข้าใจ ภาพการกราบไหว้บูชาผุดพลายขึ้นในสมองจนน่ามึนหัว มันเห็นผู้คนมากมายใส่ชุดคลุมสีดำที่วาดลวดลายด้วยสีแดงบ้าง ส้มบ้าง และสีเขียว และมองเห็นอาณาจักรที่กว้างใหญ่ไพศาลเรื่อยไปถึงสัตว์ป่าหน้าตาประหลาด

 

จางหมิงกำลังมึนงงกับสิ่งที่อยู่ในหัวหากร่างกายกลับพุ่งตรงเข้าไปหาติงหรงเองแม้ไม่ได้ออกคำสั่ง มีดไร้ประกายดูมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมเมื่ออยู่ในมือมันตอนนี้ แม้แต่เคล็ดมีดกวัดแกว่งฟ้าที่จางหมิงไม่มั่นใจที่จะใช้ก็สามารถใช้ออกมาได้อย่างง่ายดาย

 

เคล็ดแรกของเคล็ดมีดสลักวิญญาณเป็นเพียงบทเสริมความรวดเร็วให้กับการใช้วิชาที่ว่าด้วยมีด หากก็สามารถวาดผ่านอากาศเพื่อตรงเข้าหาอีกฝ่ายทั้งๆที่ไม่แตะตัวได้เช่นกัน

 

ติงหรงถูกดันให้ถอนร่นจนต้องโจมตีสวนกลับบ้างเพื่อเปิดทางให้ตัวเองได้พักหายใจ แต่จางหมิงกลับไม่ได้หลบเลี่ยงหากใช้คลื่นปราณจากการตวัดมีดปัดวิชาเหล่านั้นออกไป หากความจริงผู้ที่สามารถทำได้ต้องมีระดับสูงกว่าผู้ใช้การโจมตีหลายขั้นหรือไม่ก็มีความหนาแน่นของปราณสูงเทียบเท่า

 

แต่ความหนาแน่นนั้นมันอะไร! ไม่มีทั้งการสั่นสะเทือนเมื่อปะทะและการดีดกลับ หากเป็นการปัดทิ้งตรงๆ แต่สิ่งที่ทำให้ติงหรงตกตะลึงยิ่งกว่าคือเหล่าอาชานับสิบที่วิ่งเข้าหามันมากกว่า

 

+++

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด