ตอนที่แล้วตอนที่ 45 ความเปลี่ยนแปลง(1)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 47 ก่อนการคัดเลือก

ตอนที่ 46 ความเปลี่ยนแปลง(2)


46

 

จางหมิงลืมตาขึ้นมาในตอนเช้าของอีกวัน แสงสีส้มวูบไหวในแววตาก่อนจะหายไป การนอนหลับเป็นเวลานานกว่าสิบสองชั่วโมงทำให้เวลาตื่นขึ้นมามึนงงเล็กน้อย และก่อนที่มันจะผุดลุกขึ้นเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไป

 

จิ้งจอกน้อยครางหงิงเมื่อถูกรบกวนจากการขยับจากคนด้านข้าง มือเล็กของเด็กวัยสิบสามวางทาบลงบนศีรษะมันก่อนจะขยี้เล่นเบาๆทำให้เสียงขู่คำรามในลำคอนั้นดังขึ้นมากกว่าเดิม

 

“ตื่นมาคุยกันก่อนหลิงหลิง”

 

ดวงตาที่ส่องประกายสีทองงดงามยิ่งกว่าเดิมนั้นทำให้จางหมิงพอจะรู้แล้วว่าจิ้งจอกน้อยเปลี่ยนไป หากก็ไม่ได้รู้ว่าการเปลี่ยนแปลงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นเองแต่เกิดจากผลพวกเนื่องด้วยค่ายกลของถางเจียฉี

 

“เจ้าโตขึ้นอีกแล้ว อีกไม่นานอัญมณีผนึกที่ข้ามีคงไม่อาจผนึกเจ้าไว้ได้เหมือนเคย” จางหมิงพูดพลางเล่นศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยขนสีทองสวยนั้นต่อไป

 

“ข้าหิว”

 

“ตื่นมาก็กินเลยหรือ อายุยังไม่ถึงปีเจ้ากลับกินมากมายขนาดนั้น แล้วต่อไปวันหน้าหากนำหมียักษ์มาให้เจ้าสักร้อยตัวก็คงไม่อิ่มกระมัง... เอาเถอะ เราค่อยออกไปล่ากัน แต่ตอนนี้พอจะบอกข้าได้หรือไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากที่ข้าสลบไป”

 

“...” จิ้งจอกน้อยแสดงสีหน้าไม่เข้าใจ จางหมิงจึงจนใจและไม่ได้ถามต่อ

 

“เอาเป็นว่าต่อไปนี้ข้าจะระวังคำพูดของศิษย์พี่จอมปลอมผู้นั้นให้มากขึ้นก็แล้วกัน”

 

จากหมิงนั้นไม่ค่อยได้สนใจเรื่องความเจ็บปวดที่ได้รับมากนัก มันคิดว่าสิ่งเหล่านั้นล้วนมาจากการเปิดประตูปราณในขั้นกลาง มันไม่ได้เห็นค่ายกลอักขระที่ถางเจียฉีได้สร้างขึ้น และน่าผิดหวังที่จิ้งจอกน้อยเป็นเพียงแค่ลูกจิ้งจอกที่เพิ่งเกิดจึงไม่อาจวิเคราะห์สถานการณ์ทั้งหมดออกมาได้

 

“ข้าก็รู้สึกหิวเป็นอย่างมาก ไปกันเถอะ ล่าสัตว์กัน แต่ครั้งนี้เจ้าคงต้องแบ่งให้ข้ากินบ้างล่ะ” จางหมิงพูดยิ้มๆพลางลุกออกจากเตียงโดยมีจิ้งจอกน้อยกระโดดตามหลังไปติดๆ

 

ยังไม่ทันที่ทั้งสองจะไปไกลจากที่พักมากนัก ร่างผอมบางของใครคนหนึ่งก็วิ่งมาหามันด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ บริเวณนี้มีเพียงจางหมิงคนเดียวจึงรู้ว่าบุคคลที่ถูกเรียกนั้นเป็นมัน ยังดีที่ทางเดินวางเรียงด้วยหินจึงไม่มีฝุ่นตลบตามมาข้างหลัง

 

“ศิษย์น้อง! เจ้ารอก่อน!” ร่างผอมนั้นตะโกนเรียก

 

“ท่านเรียกข้าหรือ”

 

“อา... ศิษย์น้อง อย่าได้ทำเป็นคนอื่นคนไกลเช่นนั้น เรียกข้าว่าศิษย์พี่เช่นเดิมเถอะ” คนผู้นั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าขาวผ่องดังชายเจ้าสำอาง คิ้วบางเฉียบริมฝีปากแดง ทั้งหมดนั้นล้วนไม่ได้ทำให้จางหมิงจำมันได้เลย

 

มันรู้จักคนแบบนี้ด้วยหรือ...

 

“ท่านเป็นใคร” จางหมิงจึงได้ถามออกไปด้วยความสงสัย

 

“ฮ่าๆๆ ตกใจใช่ไหมเล่า ข้าเองซื่อเก่อเหยียน” มันพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง

 

จางหมิงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจแต่ก่อนที่จะได้ถามฝ่ายตรงข้ามกลับ แต่ซื่อเก่อเหยียนกลับรีบพูดออกมาเอง และดูแล้วเจ้าคนที่เคยอ้วนผู้นี้ดูจะตื่นเต้นไม่น้อย

 

“ดูๆ นี่เป็นผลของยาที่เจ้ามอบให้ก่อนหน้า เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าข้ากังวลเรื่องรูปร่างมากแค่ไหน นี่มันช่างดียิ่ง ดียิ่งนัก ฮ่าๆๆ”

 

เมื่อได้ฟังจางหมิงก็พยักหน้าน้อยๆอย่างเข้าใจ เม็ดยาที่มันมอบให้ไปสี่เม็ด หนึ่งในนั้นคงส่งผลให้เกิดสภาวะการเผาผลาญที่เกินพอดี หากผู้อื่นกิน ผลลัพธ์คงเป็นไปในทางที่เลวร้ายมากกว่าดี

 

จางหมิงได้สอบถามว่ายาเม็ดไหนที่มันกินเข้าไป พอได้ความมันก็สอบถามถึงคนอื่นที่ได้รับเม็ดยาไปด้วย ดีที่ว่ามันเขียนหมายเลขกำกับบนเม็ดยาไว้ก่อนแล้ว

 

หลังจากนั้นได้ความว่า สมุนหนึ่งที่ดูจะรอบคอบกว่าคนอื่นๆนั้นมีไข้เล็กน้อย ส่วนสมุนสองท้องเสียอย่างหนัก และสมุนสามที่เป็นเด็กสาวเพียงคนเดียวนั้นไม่มีอะไรผิดปกติ หรืออาจจะยังไม่แสดงผล นั่นคงต้องคอยดูกันต่อไป

 

“เช่นนั้นหรือ... ยาของข้าทำให้พวกศิษย์พี่ป่วย ช่างน่าละอายนัก” จางหมิงปรับสีหน้ากลายเป็นสลดอย่างจงใจ แต่อีกฝ่ายที่ดีใจจนเกินเหตุก็ไม่ได้สนใจท่าทางจอมปลอมนั้นนัก

 

“ไม่เป็นไรๆ แม้เจ้าจะเป็นนักปรุงยาระดับสามแต่ก็ยังถือว่าเป็นมือใหม่ไม่ได้ชำนาญการอันใด แต่ทางที่ดีเจ้าควรจะตรวจสอบให้ดีเสียก่อน แต่ก็เอาเถอะ ในเมื่อมันทำให้ข้าผอมลงได้นั่นก็ไม่ได้เป็นปัญหา”

 

จางหมิงแอบยกยิ้มบางๆ

 

ความจริงแล้วมันก็กำลังตรวจสอบอย่างที่ซื่อเก่อเหยียนหวังนั่นล่ะ หากผ่านไปสักอาทิตย์ยาที่สมุนสามได้กินเข้าไปไม่มีผลข้างเคียงจริงๆมันคงได้ปรุงยาส่งให้สำนักได้แล้ว

 

หลังจากนั้นจางหมิงชวนซื่อเก่อเหยียนไปออกล่าด้วยกัน แต่ฝ่ายตรงข้ามได้ปฏิเสธในทันทีแล้ววิ่งหายไปอย่างรวดเร็ว จนจางหมิงอดสงสัยไม่ได้ว่าศิษย์พี่ผู้นั้นลืมไปแล้วหรืออย่างไรว่าตนเองมีวิชาตัวเบาให้เหาะเหินได้เร็วกว่าเยอะ

 

 

 

 

 

 

จิ้งจอกน้อยแทะกระดูกของสัตว์อสูรตัวหนึ่ง ส่วนจางหมิงกำลังขมวดคิ้วกับขาไก่ย่างในมือ

 

ก็ไม่ใช่ว่ารสชาติแย่หรืออะไรหรอก

 

จางหมิงกินไก่ป่าตัวอ้วนไปแล้วเกือบทั้งตัว กระเพาะของเด็กวัยสิบสามมีหรือจะรับได้มากปานนั้น แล้วก็เป็นเช่นนั้นจริงเมื่อมันรู้สึกจุกแน่นท้องจนแทบอยากอ้วกออกมา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดไม่ได้ทำให้มันรู้สึกอิ่มแต่อย่างใด

 

ตอนนี้จะเรียกว่าโมโหหิวก็ว่าได้ เพราะมันรู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก ขนาดที่ว่าจิ้งจอกน้อยที่มักจะคุยเล่นกันก็ยังเอาแต่กินของมันไปเงียบๆ

 

หรือมันจะผิดปกติที่ตรงไหนอีก?

 

ก่อนนั้นจางหมิงได้สำรวจตัวเองดูแล้ว นอกจากระดับที่เพิ่มขึ้น ร่างกายที่เหลือก็ยังคงสมบูรณ์แข็งแรงดีด้วยซ้ำ และดูเหมือนจะแข็งแรงกว่าเดิมอีก

 

ยังไม่ทันที่จางหมิงจะได้คิดอะไรเพิ่มเติม จิ้งจอกน้อยได้เข้ามาใกล้พร้อมกับลูกแก้ววิญญาณที่อยู่ในปาก จางหมิงนั้นไม่แน่ใจกับการกินมันลงไปอีกครั้งจึงได้รับมาไว้ในมือเฉยๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันที่กำลังหิวก็นำลูกแก้วเข้าปากแล้วกลืนลงไป

 

ความอบอุ่นแผ่ซ่านในช่องท้องเช่นเคย ความหิวกระหายไม่ทราบที่มานั้นได้ลดลงจนน่าแปลกใจ จางหมิงจึงได้หันไปมองทางจิ้งจอกน้อยอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้

 

“เจ้า... ไปล่ากันต่อเถอะ”

 

จางหมิงอยากจะถามจิ้งจอกน้อยเกี่ยวกับความสามารถของมัน แต่เมื่อคิดว่าคงไม่ได้คำตอบจึงได้ชวนออกไปหาอาหารต่อไปแทน นั่นทำให้จางหมิงได้ลูกแก้ววิญญาณมาหลายลูกเลยทีเดียว และมันก็กินเข้าไปจนความกระหายภายในกายหยุดลง

 

เหมือนสิ่งที่ต้องแลกมาจากการเปิดประตูปราณด้วยวิธีที่ผิดแปลกจะส่งผลให้ร่างกายของมันต้องการวิญญาณมาเติมเต็มภายในตนเองมากขึ้น

 

จางหมิงขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ เท่าไหร่แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าหากมันไม่กินลูกแก้ววิญญาณเสียตั้งแต่ตอนแรกก็คงไม่อาจเปิดปราณในขั้นต่อไปได้ตลอดชีวิตแน่ๆ หลายสิบปีที่มันอยู่มาต้องเผชิญกับปัญหามาหลายรูปแบบ ด้วยเรื่องอาหารการกินเพียงแค่นี้ความจริงก็ไม่ได้วุ่นวายนักในเมื่อจิ้งจอกน้อยของมันต้องล่าอาหารอยู่แล้ว

 

ถ้าหากถามถึงสิ่งที่ผิดปกติจริงๆของมันตอนนี้ล่ะก็คงจะเป็นการที่มันได้กลิ่นของวิญญาณเสียมากกว่า ยิ่งนานวันกลิ่นหอมประหลาดจากลูกแก้ววิญญาณก็ยิ่งชัดเจนขึ้น บางครั้งมันก็รู้ได้เลยว่าลูกแก้ววิญญาณลูกไหนมาจากสิ่งมีชีวิตชนิดใดที่จิ้งจอกน้อยได้กลั่นมันออกมา

 

ที่กล่าวมานั้นคือสิ่งที่จางหมิงเข้าใจในตัวของมันเอง

 

แต่ย่อมไม่ใช่ทั้งหมดอย่างแน่นอน

 

สายเลือดที่ถูกเปิดออกนั้นยังไม่ถูกกระตุ้นให้ออกมา มันกำลังรอคอยเวลาที่จะเปล่งพลังของมันเอง เวลาที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับร่างเนื้ออีกครั้ง แม้มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตแต่ก็ไม่ได้หล่อเลี้ยงร่างเนื้อนี้มานาน ตอนนี้มันเพียงต้องการเวลาปรับตัวสักเล็กน้อย ปรับให้ร่างกายของผู้ถือครองสามารถใช้มันได้อย่างเต็มที่

 

สิ่งหนึ่งที่จางหมิงคำนวณพลาดอย่างมหันต์

 

วิญญาณที่ไม่สมบูรณ์ของมันต้องการวิญญาณอื่นมาเติมเต็มก็จริง แต่ความกระหายอยากที่ผิดปกตินั้นเกิดขึ้นมาจากการที่สายเลือดของมันเรียกร้องเพื่อใช้เป็นพลังให้กับการกลับมาที่เร็วขึ้น

 

และดูเหมือนวิญญาณสัตว์จะช่วยได้เพียงแค่ชั่วคราวเท่านั้น

 

+++

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด