ตอนที่แล้วตอนที่ 36 ณ สุดเขตแดนด้านใต้
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 38 ความลับ

ตอนที่ 37 กัด!


37

 

เมื่อกลับถึงที่พักสิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกเลยคือห้องที่กระจุยกระจาย ที่นอนและหมอนฉีกขาดรวมไปถึงโต๊ะเก้าอี้ที่หักพัง โดยที่ตัวต้นเหตุยังคงกัดขาโต๊ะที่มองไม่ค่อยออกนั้นอยู่เลย

 

“หลิงหลิง อีกแล้วนะ” จางหมิงเดินข้ามข้าวของไปอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมา

 

จางหมิงเข้าสำนักมาได้ห้าวันแล้ว นั่นเป็นช่วงอาทิตย์แรกที่ให้ศิษย์ได้ปรับตัวเข้ากับสำนักก่อนที่จะเริ่มฝึกฝนอย่างเต็มที่หลังจากอาทิตย์ถัดไป

 

หากเมื่อสองวันก่อนหลิงหลิงที่มักจะนอนหลับอยู่เสมอกลับขี้หงุดหงิดขึ้นมาก แถมยังชอบกัดแทะจนจางหมิงปวดหัวทุกวัน แม้สำนักจะมีคนดูแลในด้านข้าวของของศิษย์หากนั่นก็ต้องแลกเปลี่ยนด้วยเงิน และมันก็ต้องใช้จ่ายไปกับสิ่งเหล่านี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ดูครั้งนี้จะเกินไปเสียหน่อย

 

“หมิง...” จิ้งจอกน้อยมองอีกฝ่ายตาโตก่อนจะดมหาอาหาร

 

“ข้าไม่มีอะไรให้เจ้าหรอกนะ ห้าพันตำลึงทองที่มีแม้จะมากแต่ก็ใช่ว่าไม่มีวันหมด หากเจ้ายังอยากมีอาหารกินก็จงเลิกทำลายของในห้องเสียที” จางหมิงดุว่าด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

 

“หิว” แต่ดูจิ้งจอกน้อยจะไม่ได้สนใจเท่าใด

 

นับวันนิสัยของเจ้าตัวนี้ก็ดูจะเหมือนมันเข้าไปทุกที

 

“เอาแบบนี้ก็แล้วกัน เราไปหาพวกสัตว์ในป่ากินเป็นอย่างไร ป่ารอบสำนักก็ยังถือว่าอยู่ภายในเขตสำนัก แถมมีไม้ให้เจ้าแทะแทนขาโต๊ะอีกเยอะเลย”

 

จางหมิงอุ้มจิ้งจอกน้อยไปตำหนักผู้ดูแลเกี่ยวกับเรื่องข้าวของภายในห้องก่อนจะพุ่งตัวเข้าป่าไป

 

จิ้งจอกน้อยคำรามในคอเบาๆกับสายลมที่ปะทะหน้า ก็ดูมันจะชื่นชอบความเร็วเสียจริงๆ ขนสีทองแซมขาวพลิ้วไปตามสายลม จางหมิงเพิ่งสังเกตเอาตอนนี้ว่าสีขาวที่แซมอยู่บ้างกลายเป็นทีทองเกือบหมดแล้วอีกทั้งมันดูจะตัวโตขึ้นกว่าเดิม

 

โฮกกกก...

 

จางหมิงหยุดฟังเสียงที่คุ้นเคยนั้นชั่วครู่ ตัวมันคิดว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนแน่ๆ คิดอยู่สักพักรอยยิ้มก็ผุดขึ้นอย่างชั่วร้าย มันคิดว่าอาหารมื้อนี้ของจิ้งจอกน้อยดูจะตัวโตไม่เบา

 

“หลิงหลิง เจ้าเคยกินเนื้อหมีมาก่อนหรือไม่”

 

“หมี ...จะกิน!”

 

“ตอบไม่ตรงคำถามเอาเสียเลยนะ เอาเถอะ ข้าว่าจะหาที่ลองมีดสีดำนั่นพอดี”

 

เจ้าของเสียงคำรามปรากฏในสายตาของทั้งคู่ ดวงตาสีดำจับจ้องไปยังศัตรูเก่าอย่างมาดร้ายพร้อมๆกับดวงตาสีทองแวววาวที่กำลังมองอาหารมีชีวิตของมัน

 

“เจ้ารอตรงนี้” จางหมิงสั่งการและจิ้งจอกน้อยก็ทำตามอย่างว่าง่าย หางสีทองแกว่งไปมาอย่างมีความสุขโดยที่สายตาไม่ละไปจากอาหารแม้แต่น้อย

 

หมียักษ์เป็นสัตว์อสูรที่พัฒนาตนเองมาจากหมีป่าทั่วไป ความสามารถพื้นฐานในการต่อสู้จึงมีไม่มากนักนอกจากสัญชาตญาณการล่าและทำลาย ตัวที่โตกว่าสามเมตรและกำลังที่มหาศาลทำให้เป็นที่เกรงกลัวต่อสัตว์อื่น หากสำหรับมนุษย์มันก็ไม่ได้ล่ายากมากมายนัก ในครั้งก่อนหากไม่ใช่ว่าจางหมิงไม่ได้สนใจจะล่ามันจริงจังมันก็คงไม่ได้มีชีวิตมาถึงตอนนี้

 

ไม่นานหมียักษ์ที่ลำลายต้นไม้เล่นก็หันมาเจอจางหมิงที่ยืนอยู่ไม่ไกล สายตามันวาววับกับศัตรูเก่าที่เคยทำให้มันหงุดหงิด แต่ครานี้สัญชาตญาณมันได้บอกให้ล่าถอยหนีไป หากความฉลาดที่เพิ่มขึ้นจากการกลายพันธ์ทำให้มันมองข้ามคำเตือนที่แม่นยำที่สุดของธรรมชาติ

 

มีดคมสีดำไร้ประกายถูกนำออกมาจากอัญมณีผนึก สัมผัสเหมาะมือทำให้จางหมิงยิ้มรับกับตนเอง มันออกจะพอใจไม่น้อยกับมีดเล่มนี้ และพอใจกว่ามีดเล่มเดิมที่เคยใช้มาในอดีตเสียอีก

 

มีดไร้ประกายนั้นมีลักษณะที่ดูเหมือนจะทื่อด้านหากแต่ความจริงกลับคมชนิดที่ว่าตัดเฉือนได้แม้กระทั่งหิน จางหมิงเคยนำมาแกว่งเล่นจนกรีดไปโดนผนังห้องเป็นรอยใหญ่ ด้วยความยาวรวมตัวด้ามจับกว่าครึ่งฟุตแม้จะดูยาวกว่ามีดทั่วไปแต่ก็มีสมดุลที่ดี ด้ามจับที่สลักอักษรสีทองที่อ่านไม่ออกเป็นริ้วๆยิ่งทำให้มันดูน่าเกรงขามกว่าเดิม

 

โฮกกกก...

 

หมียักษ์คำรามแล้วพุ่งตรงเข้าใส่จางหมิงทันที อุ้งมือที่เต็มไปด้วยกรงเล็บแหลมคมตวัดหมายจะทำให้ฝ่ายตรงข้ามบาดเจ็บแต่กลับคว้าได้เพียงความว่างเปล่า มันแปลกใจได้ไม่นานก่อนจะร้องออกมาอย่างเจ็บปวดจากแผลด้านหลัง

 

แผลกว้างกว่าฟุตพาดยาวบนแผ่นหลังของหมียักษ์ แม้จะถูกโจมตีอย่างไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ไม่ได้ลึกนัก จากหมิงขมวดคิ้วเมื่อสิ่งที่มัดคิดกับความจริงนั้นต่างกันไปไกลโข

 

ในคราแรกมันคิดจะใช้มีดไร้ประกายตัดขาดกระดูกสันหลังนั้นออกจากกันเพื่อจบการต่อสู้ในทีเดียว แต่มันก็คำนวณความหนาของขนที่ปกคลุมนั้นน้อยเกินไป แม้มีดจะตัดผ่านเข้าไปได้โดยง่ายหากมันกะระยะผิดไปก็มีค่าไม่ต่างจากการกรีดลม

 

“ทนทายาทจริงนะ ถือว่าเจ้าดวงดี” จางหมิงพูดพลางหลบอุ้งมือที่พุ่งเข้ามาอีกครั้ง

 

หมียักษ์ไม่ได้หลงกลวิธีการเดิม มันรู้แล้วว่าจางหมิงนั้นรวดเร็วจึงได้ระวังตัวมากขึ้น จางหมิงแม้จะรวดเร็วอยู่มากก็จริงแต่ตัวมันไม่ได้แข็งแกร่งมากนักจึงไม่ได้ผลีผลามเข้าไปปะทะที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บ

 

หลิงหลิงที่ได้แต่มองดูรู้สึกอยากเข้าไปร่วมด้วยแต่ก็ทำได้เพียงแค่กัดแทะต้นไม้ด้านข้างไปพลางๆเท่านั้น มันรู้สึกราวกับว่าฟันของมันมีชีวิต เป็นความรู้สึกที่อยากฉีกทึ้งทุกอย่างที่มีความแข็ง แม้แต่ตัวมันเองก็ยังแปลกใจ

 

จางหมิงไม่ค่อยถนัดต่อสู่กับศัตรูที่ตัวใหญ่มากขนาดนี้ อย่างน้อยๆเมืองเดิมของมันก็ไม่มีไอ้ตัวแบบนี้เดินเพ่นพ่านตามท้องถนน แม้ว่าอาวุธที่มีจะดีหากก็เข้าใกล้อีกฝ่ายมากไม่ได้เพราะระยะโจมตีกลับของฝ่ายตรงข้ามก็กว้างมากเช่นกัน สิ่งที่ทำได้ตอนนี้ก็คือการใช้ความเร็วตัดเฉือนไปทั่วเท่านั้น

 

เคร้ง!

 

กรงเล็บกับมีดปะทะกันสนั่น จางหมิงที่รับมือรู้สึกหนังอึ้งกับอุ้งเท้าที่ตะปบลงมา หากก็เพียงชั่วพริบตาเพราะมีดนั้นได้ตัดกรงเล็บนั้นออกเป็นสองส่วนก่อนที่มันจะถอยออกไป

 

ผ่านมาเกือบสิบนาที หมียักษ์เริ่มที่จะรับรู้ถึงความเสียเปรียบของมัน เลือดที่ไหลโทรมกายบ่งบอกว่ามันเป็นฝ่ายถูกล่าไม่ใช่ฝ่ายล่าเช่นเคย มันเริ่มมองหาทางหนีแต่จางหมิงก็รอเวลานี้เช่นกัน

 

เมื่อศัตรูอ่อนแรงมีหรือที่มันจะไม่ตามไปซ้ำ!

 

หาไม่นั่นคงผิดวิสัยมันไปเสียแล้ว...

 

“มังกรเก้าเศียร”

 

มังกรสองหัวพุ่งตรงเข้าไปหาหมียักษ์ที่เริ่มล่าถอย มันไม่ได้หลบเพราะมั่นใจในร่างกายที่แข็งแกร่งของมัน แต่นั่นก็เป็นแค่ความเย่อยิ่งที่จางหมิงรู้สึกสมเพช

 

จางหมิงทะยานเข้าไปด้านหลัวหมียักษ์อีกครั้งแต่เมื่อโดนโจมตีในลักษณะนี้ไปแล้วหลายหนมันจึงเบี่ยงตัวหลบ หากแต่ก็ช้าไปหนึ่งจังหวะเพราะกำลังตั้งรับมังกรเก้าเศียรอยู่

 

โฮกกกก...

 

หมียักษ์คำรามก้องเมื่อแขนขวาของมันถูกตัดขาด อาการบาดเจ็บทำให้มันไม่ทันระวังตัวในการโจมตีครั้งต่อไป แต่ก่อนที่มีดจะเข้าถึงตัวของอีกฝ่ายจางหมิงก็ได้ใช้วิชาตัวเบากระโดดออกห่างทันที

 

โครม!

 

ต้นไม้ใหญ่สูงหลายเมตรล้มลงมาขวางการต่อสู้ จางหมิงที่เห็นหลบหนีได้ทันหากหมียักษ์ที่ตัวใหญ่เทอะทะกลับไม่สามารถขยับได้ทันการ ต่อมาจึงได้ยินเสียงกระดูกแตกหักดังลั่นพร้อมกับการร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดของมัน

 

“อาหาร!” หลิงหลิงที่อยู่ตรงโคนต้นไม้ที่โค่นลงร้องออกมาอย่างดีใจเมื่อเห็นหมียักษ์แน่นิ่งไป

 

จางหมิงปาดเหงื่อกับภาพที่เห็น ต้นไม้ที่มีขนาดใหญ่กว่าสามคนโอบโค่นลงในเวลาไม่ถึงสิบนาที บางทีมันคงประเมินความสามารถในการกัดของจิ้งจอกน้อยต่ำไป

 

“อา... ข้าไม่แน่ใจนะว่าสัตว์อสูรนี่กินได้หรือเปล่า” จางหมิงเพิ่งนึกถึงเรื่องนี้ได้แต่ก็คงจะไม่ทันเมื่อจิ้งจอกน้อยรีบวิ่งเข้ามา

 

ขนที่ว่าแข็งและหนาดูจะไม่ได้คณามือของจิ้งจอกน้อยเท่าใดนัก เสียงกัดเคียวเนื้อสดๆอย่างเอร็ดอร่อยทำให้จางหมิงนึกย้อนไปถึงต้นกำเนิดของมัน แม้ว่าจะรู้ว่าจิ้งจอกน้อยตนนี้ไม่มีพิษภัยแต่การหาข้อมูลเอาไว้ก็เป็นหนึ่งในวิธีรับมือก่อนสายเกินแก้

 

ตำราในตำหนักซ่อนพยัคฆ์ได้บอกว่าจิ้งจอกมายาเด่นในเรื่องการสร้างภาพลวงตา และมีบางส่วนที่สามารถสร้างค่ายกลได้ หากก็ไม่มีตำราเล่มไหนกล่าวถึงความสามารถในการลำลายล้างของฟันคมๆนั่น

 

จางหมิงครุ่นคิดชั่วครู่ก่อนจะเห็นแขนขวาที่ขาดออกของหมียักษ์ทั้งหมดหายเข้าไปภายในท้องของจิ้งจอกน้อย ขนสีทองแซมขาวแวววาวตอนนี้ยิ่งส่องประกายขึ้นไปอีก ความจริงแล้วจิ้งจอกน้อยตัวเล็กพอแค่ยืนบนฝ่ามือทั้งสองข้างได้ด้วยซ้ำ หากของใหญ่กว่าตัวมันที่กินลงไปนั่น...

 

อา...

 

โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ยิ่งนัก

 

+++

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด