ตอนที่แล้วตอนที่ 21 ก่อนทดสอบ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 23 หมียักษ์

ตอนที่ 22 ด่านแรก


22

 

การทดสอบเข้าสำนักพยัคฆ์อัคคีมีคนเข้าร่วมมากมายว่าที่คิดเมื่อเทียบกับที่จางหมิงได้เห็นช่วงสองวันที่ผ่านมา ความจริงแล้วมันเพิ่งรู้ว่าผู้คนส่วนใหญ่ตั้งที่พักตามแนวป่าก่อนถึงทางเข้าสำนักเพื่อให้เป็นอันดับแรกๆของการทดสอบ

 

สำนักพยัคฆ์อัคคีนั้นตั้งอยู่ใจกลางเมืองหากแต่มีแนวป่าล้อมรอบตัวสำนักไว้อีกที อีกทั้งสำนักก็มีกฎข้อห้ามชัดเจนที่ไม่ให้ศิษย์ออกมาโดยไม่จำเป็นและไม่อนุญาตให้คนนอกขึ้นไปโดยไม่มีเหตุ หากเมื่อเทียบกับสำนักอื่น ความลึกลับของสำนักเป็นรองเพียงแค่สำนักจันทราทมิฬที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนปากปล่องภูเขาไฟ

 

สำนักทั้งห้าของอาณาจักรมังกรทะยานนั้นได้แก่ พยัคฆ์อัคคี อินทรีย์สวรรค์ วิหคนภา จันทราทมิฬ และมังกรทะยานฟ้า ซึ่งสำนักสุดท้ายเป็นสำนักใหญ่ที่ปกครองเมืองหลวงควบคู่ไปกับเจ้าเมือง

 

การที่เมืองหลวงจะจัดการแข่งขันขึ้นในอีกสามปีนับเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วอาณาจักร ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเร่งพาบุตรหลานมาทดสอบในปีแรกนี้เนื่องจากเป็นปีที่เหมาะสมกับการเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าร่วมในอีกสามปีข้างหน้า หากช้ากว่านั้นไม่แน่ว่าฝีมืออาจด้วยกว่าผู้อื่นมากเกินไป

 

“นายน้อยขอรับ ข้าว่าเราไปรวมตัวกับคนอื่นดีหรือไม่” จางซิ่งที่คอยเป็นเพื่อนจางหมิงที่ยืนห่างจากระยะรอบแนวป่าอยู่มากเอ่ยทัก

 

“วุ่นวายตายชัก เจ้าก็ไปสิ”

 

จางซิ่งมองตามสายตาของจางหมิงไปที่กลุ่มของตระกูล หากการโต้เถียงกันระหว่างพวกหนึ่งในตระกูลเกาและตระกูลของมันตอนนี้ทำให้มันถอนหายใจออกมาแล้วเงียบไป

 

บรรยากาศรอบข้างยิ่งทวีความวุ่นวายมากขึ้นเมื่อมีคนมาชุมนุมกันอย่างล้นหลาม แต่ความจริงแล้วนี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น เพราะสำนักพยัคฆ์อัคคีเปิดเส้นทางให้เข้าถึงสี่ทิศโดยรอบ ส่วนที่จางหมิงอยู่คือทิศใต้

 

จางซิ่งรู้สึกว่าวันนี้นายน้อยของมันเงียบกว่าปกติแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไปเช่นเคย ที่ทำก็แค่เพียรส่งสายตาเป็นห่วงให้ไปเท่านั้น

 

เดินทางขึ้นเหนือมายังสำนักพยัคฆ์อัคคีของจางหมิงครั้งนี้มันรู้สึกได้ถึงมวลอากาศหนาวเย็นที่พัดผ่านผิว แม้รอบข้างค่อนข้างวุ่นวายและระอุไปด้วยความอบอ้าวจากแสงอาทิตย์ แต่นั่นก็ไม่อาจห้ามลมหนาวจากฤดูเหมันต์ได้อยู่ดี

 

“ทางใต้ของอาณาจักรเริ่มเย็นมากแล้ว ไม่รู้ว่าทางตอนเหนือเป็นเช่นไรบ้าง” จางหมิงเพียงพึมพำลอยๆ แต่เมื่อเข้าหูจางซิ่ง ผู้รู้คนนี้ก็ตอบคำถามโดยทันที

 

“ต้นเดือนสี่เช่นนี้หิมะคงตกหนักแน่ขอรับ”

 

“อืม...” มันรับคำอย่างเหม่อลอย

 

จางหมิงยังคงระแวงกับลางสังหรณ์ของมัน จะว่ามันคิดมากเกินไปก็คงได้ แต่อย่างน้อยนั่นก็ดีกว่าไม่คิดอะไรเลย

 

ฮือฮา...

 

เสียงรอบข้างเปลี่ยนไปทำให้จางหมิงเลิกเหม่อลอยแล้วมองตรงไปข้างหน้า และทุกสายตาก็จับจ้องไปยังที่แห่งนั้นเช่นกัน

 

“ทุกคนเงียบ!”

 

เสียงตะโกนจากหนึ่งในสองคนที่ใส่ชุดขาวแกมน้ำเงินของสำนักทำให้ทุกอย่างเงียบลงในไม่กี่อึดใจ พลังภายในที่ตรงดิ่งถึงหูได้ในระยะหลายร้อยเมตรนั่นทำให้คนอย่างจางหมิงตื่นตาได้ไม่น้อย

 

“ข้าในฐานะหนึ่งในตัวแทนของสำนักขอประกาศกฎในการทดสอบแรก เนื่องจากในปีนี้มีคนมากกว่าปกติทางสำนักจึงยกเลิกการประลองตัวต่อตัวเป็นการต่อสู่กับสัตว์อสูรแทน...”

 

“อะไรคือสัตว์อสูร” จางหมิงเอ่ยถามจางซิ่งที่อยู่ด้านข้าง

 

“นั่นหมายถึงสัตว์ที่กลายพันธ์จากเผ่าพันธุ์ของมันเองขอรับ นายน้องคงเห็นผ่านตามาแล้วบ้างจากในตัวเมือง อย่างเช่นกระทิงสีแดงตัวใหญ่ยักษ์ที่พวกชาวเมืองบางคนใช้ลากของ ปกติแล้วหากมันเป็นเผ่าพันธุ์ที่ไม่ดุร้ายพอกลายพันธ์ลักษณะบางอย่างมันเปลี่ยนไปบ้างก็เท่านั้น หากเป็นเผ่าพันธุ์ที่ดุร้ายก็จะยิ่งทวีคูณความน่ากลัวเข้าไปอีก แต่มันต่างจากสัตว์ปีศาจที่ไม่มีแกนปราณและใช้พลังภายในไม่ได้”

 

“ก็คือใหญ่แต่ตัวเช่นนั้นหรือ” จางหมิงถามต่อเพราะในอดีตชาติของมันไม่ได้มีของแบบนี้ให้เห็นนัก

 

“ไม่ขอรับ ความสามารถของมันก็เพิ่มขึ้น บางชนิดอาจตัวเล็กลงเพื่อเพิ่มความคล่องตัวของมันเอง อีกทั้งสัตว์เหล่านี้ฉลาดอยู่บ้างเช่นกันหากแต่ไม่สามารถพูดได้ดังเหล่าสัตว์ปีศาจ ...เอ่อ ว่าแต่นายน้อยทิ้งเจ้าจิ้งจอกน้อยไปแล้วหรือไม่”

 

“มันชื่อหลิงหลิงข้าเคยบอกเจ้าแล้ว... ข้าไม่ได้ทิ้งมัน หากมันนอนหลับไม่ยอมตื่นเสียที”

 

ไม่ทันที่พวกมันจะพูดคุยกันต่อ ประกาศยืดยาวของตัวแทนสำนักได้มาถึงจุดสำคัญของการทดสอบพอดีพวกมันจึงได้หันไปให้ความสนใจ

 

“...สัตว์ปีศาจทุกตัวจะมีป้ายของสำนักติดตัวอยู่ หากผู้ใดไม่มีป้ายสำนักก็ไม่อนุญาตให้เข้าทดสอบครั้งที่สอง ไม่มีการกำหนดว่าสัตว์อสูรจะตายหรือไม่ หรือพวกเจ้าจะได้มาด้วยวิธีใด หากมีป้ายสำนักแล้วไปถึงหน้าสำนักที่อยู่ภายในเขตป่าเจ้าก็จะถือว่ามีสิทธิเข้าร่วมการทดสอบที่สอง

 

การทดสอบกำหนดเวลาไว้หนึ่งวันนับจากประกาศนี้สิ้นสุด ดังนั้นการทดสอบนี้ไม่ได้ทดสอบเพียงแค่พลังฝีมือ หากทดสอบวิชายุทธ์ในการเคลื่อนที่อีกด้วย

 

ทั้งนี้โปรดจำไว้ว่า หากมีความตายเกิดขึ้นทางสำนักจะไม่รับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น ผู้ติดตามทุกท่านไม่อาจเข้าไปได้ หากพบเห็นเหล่าผู้อาวุโสและอาจารย์ในสำนักที่สังเกตการณ์อยู่ตามจุดต่างๆสามารถลงมือตักเตือนไปจนถึงขั้นสังหารได้โดยไม่ยกเว้น”

 

ผู้คนดูกระวนกระวายกันมากขึ้นเมื่อได้ยินกฎข้อหลังๆ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่การทดสอบอาจมีคนเสียชีวิตจริงๆ ซึ่งนั่นไม่เคยปรากฏมาก่อนในการทดสอบเข้าสำนักของสำนักพยัคฆ์อัคคีที่เคยได้ชื่อว่าปลอดภัยที่สุด

 

ตัวแทนสำนักเว้นช่วงให้หลายคนปรึกษากันอยู่หลายอึดใจ และเมื่อเล็งเห็นว่าไม่มีผู้ถอนตัวจึงได้ตัดสินใจประกาศเริ่มการทดสอบทันที

 

“ณ เวลาเที่ยงตรง ข้าขอประกาศเริ่มการทดสอบครั้งนี้!”

 

สิ้นคำกล่าวผู้เข้าร่วมหลายคนได้รีบพุ่งตรงเข้าไปในป่า อย่างน้อยระยะทางจากแนวป่าถึงสำนักนั้นย่อมไม่ใช่น้อย หากช้าไปแม้ได้ป้ายสำนักก็อาจไปถึงไม่ทันเวลา

 

“รออะไร เจ้าก็ไปสิ” จางหมิงพยักพเยิดให้จากซิ่งเข้าป่าเมื่อเห็นว่ามันรีๆรอๆอย่างตัดสินใจไม่ได้เสียที

 

“แล้วนายน้อยล่ะขอรับ”

 

“ห่วงอะไรข้า อย่างน้อยๆข้าก็ไม่เชื่อว่าสัตว์อสูรที่สำนักใช้จะอันตรายเพียงนั้น เนื่องด้วยผู้เข้าทดสอบล้วนมีพลังอยู่ในขั้นต่ำทั้งสิ้น”

 

“นั่นก็จริงขอรับ แต่ แต่...”

 

“ข้าบอกให้ไปเจ้าก็ต้องไป! อย่าให้ข้าต้องพูดซ้ำอีกครั้ง มิเช่นนั้นข้าจะสั่งให้เจ้าคอยอยู่ที่นี่เสีย” จางหมิงเริ่มใช้น้ำเสียงในเชิงหงุดหงิด เพราะจางซิ่งบางครั้งก็เป็นตัวขัดความความเจริญของมันจริงๆ

 

วันนี้คนมากนัก จางหมิงได้ปลีกตัวออกมาจากกลุ่มเพื่อหาสมบัติเพิ่มเติม แต่ก็มีมารนามจางซิ่งเดินตามต้อยๆมันจึงไม่ได้แอบล้วงกระเป๋าใครเล่นอย่างที่คิด

 

แค่คิดถึงก็ช่างน่าเบื่อหน่ายจริงๆ...

 

“เช่นนั้นขอนายน้อยโปรดระวังตัว”

 

จางซิ่งพุ่งตัวหายลับไปในป่า ผู้เข้าร่วมเหลืออยู่ไม่มากนักที่รอดูสถานการณ์ บางส่วนก็มั่นใจในตนเองว่าทำได้อย่างแน่นอนจึงไม่รีบร้อน และบางส่วนก็คงเป็นอย่างจางหมิง รอคนเปิดทางให้ก่อนค่อยเข้าไปเก็บเกี่ยวสบายๆ

 

แต่ถ้าไม่ได้มันก็ว่าจะขโมยของคนอื่นเอาดื้อๆนี่แหละ

 

 

 

 

 

ป่ากับโจรนั้นเป็นของคู่กัน จะให้จางหมิงคนนี้สู้ตัวต่อตัวโอกาสแพ้ดูจะมีสูงทีเดียว หากว่าให้เข้าป่าล่าสัตว์แบบนี้ย่อมถือว่าเข้าทางวิสัยโจร

 

หลบเร้นได้ง่าย แถมยังทำให้ความคล่องตัวฝ่ายตรงข้ามลดลง

 

จะมีอะไรดีกว่านี้อีกหรือ

 

ทะยานข้ามภพฉายประกายปราณสีเหลืองอ่อนใต้เท้าของจางหมิงก่อนจะพามันทะยานเข้าสู่ภายในป่าเช่นผู้อื่น รอบข้างนับว่าเกิดความเสียหายอยู่บ้างตามรายทางที่มันผ่านไป

 

ตามจริงแล้วการเข้ามาทีหลังก็นับว่าเป็นการเสี่ยงดวงอย่างหนึ่ง เพราะหากเจอสัตว์อสูรบาดเจ็บอยู่ก่อนก็จัดการได้โดยง่าย หากนั่นก็เป็นข้อเสีย เพราะบางครั้งกลิ่นเลือดของมันก็ดึงดูดสัตว์อสูรอีกตัวที่ดุร้ายกว่ามาหา

 

โฮกกกก...

 

เสียงคำรามไม่ไกลนักดังขึ้นเมื่อมันเดินทางมาได้ระยะหนึ่ง เสียงนั้นมันพอจำแนกได้อยู่ว่าไม่ได้เกิดจากการปะทะกันของสัตว์อสูรและมนุษย์ หากนั่นสมควรเกิดจากสัตว์อสูรด้วยกันเอง

 

จางหมิงลังเลไม่น้อยว่าจะไปยังต้นเสียงหรือไม่ แต่ความอยากรู้อยากเห็นของมนุษย์ก็ทำให้มันตัดสินใจพุ่งตรงไปที่นั่นทันที

 

+++

แมว : ฉากต่อสู้นี่งานยากของแมวเลย

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด