ตอนที่แล้วตอนที่ 20 พ่อค้าหน้าเลือด ปะทะ โจรหน้าเลือด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 22 ด่านแรก

ตอนที่ 21 ก่อนทดสอบ


21

 

ยาถอนพิษเย็นที่อาจารย์ของจางหมิงได้เคยใช้นั้นมีตัวยาทั้งหมดสามสิบสี่ชนิด หากมีอยู่ห้าชนิดที่นับว่าหาได้ยากยิ่ง ส่วนผสมแรกก็คือสิ่งที่อยู่ในมือของมันตอนนี้ ‘บัวหิน’

 

ที่เหลือคือ ดอกหญ้าคายตะวัน ผลึกธาตุอัคคี และผลเมฆาสีชาด สุดท้ายคือตัวกลั่นผสม น้ำจากแอ่งลาวา

 

ถึงจะรู้สูตรยา แต่ปัญหามันก็มี...

 

เมื่อส่วนผสมทั้งหมดล้วนต้านพิษเย็นได้ดี ดังนั้นมันจึงส่งเสริมพิษร้อนให้ทวีคูณเช่นกัน

 

จางหมิงแม้จะวิตกอยู่บ้างแต่ก็ยังคงเก็บบัวหินไว้ เพราะอย่างน้อยมันก็รู้สูตรยาหนึ่งอย่าง นั่นก็ไม่ใช่เรื่องยากหากนำมาปรับใช้ แต่มันก็ต้องรู้สูตรยาแก้พิษร้อนควบคู่กันไป ซึ่งตอนนี้ยังไม่มี

 

ตัวมันที่รับพิษร้อนและเย็นพร้อมกันได้นี่ก็นับว่าแปลกแท้

 

ตกเย็นจางหมิงได้กลับมายังโรงเตี้ยมโดยที่ไม่ได้ซื้ออะไรอีก สิ่งที่เห็นเป็นอย่างแรกคือจางซิ่งที่ชะเง้อหามันอยู่หน้าประตูห้อง ก่อนที่มันจะหันมาเห็นแล้วตรงดิ่งเข้ามาหา

 

“นายน้อยท่านกลับมาพอดี ตอนนี้พวกเรากำลังจะประชุมกันที่ห้องรับรอง เชิญขอรับ”

 

จางหมิงเลิกคิ้วอย่างแปลกใจแต่ก็ยอมตามไปโดยดี

 

ภายในห้องรับรองที่ทางโรงเตี้ยมจัดให้มีคนรอมันอยู่ภายในเจ็ดคนนั่นรวมถึงจางอี้เหลียนด้วย หากนับเข้ากับตัวมันและจางซิ่งก็รวมเป็นเก้าคน

 

“เพราะเจ้ามัวแต่เที่ยวเตร่ แล้ววันข้างหน้าหากเข้าสำนักไปเจ้าไม่มีเวลามาเที่ยวเล่นเช่นนี้หรอกนะ” จางอี้เหลียนพูดขึ้น หากวาจาที่ดูเป็นห่วงนั้นแฝงมากับคำเสียดสีกลายๆ

 

“คารวะนายน้อยจางหมิง” คนที่เหลือลุกขึ้นโค้งตัวให้จางหมิง มันก็ทำเพียงพยักหน้ารับเท่านั้น

 

“แล้วที่เรียกมารวมกันนี่ท่านพี่ต้องการว่ากล่าวสิ่งใด” จางหมิงถามก่อนจะสำรวจผู้คนโดยรอบ

 

หากไม่นับจางอี้เหลียนและจางซิ่งแล้วทั้งหกคนที่เหลือมันไม่ได้รู้จักเลยแม้แต่น้อย สองคนในนั้นดูมีอายุราววัยกลางคนสมควรเป็นผู้ติดตามที่มาคอยคุ้มครอง พลังฝีมือที่ปิดบังได้อย่างมิดชิดนั่นย่อมต้องมีระดับพลังขั้นกลางเป็นอย่างน้อย ส่วนอีกสี่คนอยู่ในวัยไล่เลี่ยกับมันและจางซิ่ง จางหมิงจึงได้ลงความเห็นว่าคงจะเป็นเด็กในตระกูลที่ถูกส่งมาเข้าร่วมสำนักเช่นเดียวกับพวกเขา

 

“ปกติท่านพ่อจะเป็นคนมาอธิบายเรื่องนี้ด้วยตนเอง หากแต่ครานี้ติดปัญหาเรื่องของการค้าจึงไม่สามารถมาด้วยตนเองได้เช่นเดิม ข้านั้นจึงได้รับมอบหมายมาแทน

 

ปีนี้ตระกูลเราส่งผู้ร่วมทดสอบเพียงหกคนซึ่งน้อยกว่าที่ผ่านมา ดังนั้นจึงอยากให้ทุกคนเข้าร่วมกับสำนักให้ได้ทั้งหมด ทั้งนี้ไม่ใช่เพียงเพื่อตระกูลแต่เพียงเพื่อตัวพวกเจ้าเองด้วย เพราะหากสามารถเข้าสำนักได้อย่างน้อยก็รับรองได้ว่าพวกเจ้าจะเก่งกาจขึ้นอีกมากนัก”

 

สิ่งที่จางอี้เหลียนเกริ่นนำทำให้ผู้เข้าร่วมทั้งหมดพยักหน้าไม่เว้นแม้แต่ผู้ติดตามทั้งสอง หากยังมีคนผู้หนึ่งที่อ้าปากหาวอย่างไม่ไว้หน้ากัน

 

จางหมิงไม่ได้รู้สึกง่วงนอนแต่ประการใด หากความง่วงนี้เกิดจากความเบื่อหน่ายเสียมากกว่า เพราะไม่ใช่ว่ามันไม่รู้เสียหน่อยว่าการสอบเป็นเช่นไร การเรียกประชุมเช่นนี้ทำให้ฮึกเหิมและเกิดความสามัคคีในหมู่ขณะก็จริง หากแต่การสอบมันตัวใครตัวมันอยู่แล้ว วิธีการนี้จะช่วยอะไรได้ นั่นมันยังคงสงสัย

 

“รักษามารยาทหน่อยน้องเล็ก ที่ประชุมเจ้าควรสำรวม” จางอี้เหลียนตำหนิอย่างชัดเจนในน้ำเสียง

 

“เข้าเรื่องเถอะท่านพี่ ท่านต้องการกล่าวอะไรกันแน่”

 

“ฮึ! ความจริงมันไม่ใช่เรื่องของข้าที่อยู่ในสำนักอยู่แล้ว แต่มันเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าที่ต้องการจะเข้าร่วมในปีนี้โดยตรง เนื่องมาจากว่าเมืองหลวงต้องการจัดการแข่งขันระหว่างสำนักเพื่อจัดอันดับโดยให้เวลาเตรียมตัวสามปี และเพื่อให้สำนักตนเป็นที่หนึ่งทุกสำนักจึงได้รับศิษย์เป็นจำนวนมาก หากแต่การรับเข้าร่วมในปีนี้เป็นต้นไปค่อนข้างเข้มงวดและยุ่งยากกว่าที่ผ่านมา กฎเกณฑ์บางอย่างจึงได้มีการเปลี่ยนแปลง และสิ่งเหล่านี้รู้แค่เพียงผู้คนวงในเท่านั้น”

 

“นั่นไม่นับว่าเป็นการโกงหรือขอรับ” จางซิ่งแทรกขึ้นมา

 

“ไม่หรอก เพราะถึงเราจะรู้ก่อนว่าการสอบเป็นแบบไหนหากแต่รายละเอียดปลีกย่อยจริงๆมีเพียงเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเท่านั้นที่ทราบ ที่เราทำได้เพียงแค่รู้จักที่จะเตรียมตัวก่อนเท่านั้น”

 

จางอี้เหลียนมองไปรอบๆเมื่อพบว่าไม่มีคนที่จะแย้งขึ้นมาอีกจึงได้กล่าวต่อไป

 

“การทดสอบครั้งนี้แบ่งออกเป็นสามส่วน ส่วนที่หนึ่งและสองนั้นเป็นเช่นเดิมคือทดสอบการต่อสู้และการควบคุมพลัง หากส่วนสุดท้ายที่เพิ่มเข้ามาจะว่าง่ายก็ง่าย หากจะว่ายากก็ยากที่สุดเช่นกัน ส่วนนี้คือทดสอบไหวพริบและโชค ส่วนรายละเอียดอื่นๆนั้นยังไม่ปรากฏ แต่ข้าจะขอเตือนไว้ ...นี่คือการทดสอบโดยตรงจากผู้อาวุโส หากพวกเจ้าแสดงความสามารถทั้งหมดออกมาได้ดีอาจเข้าตาผู้อาวุโสสักคน และนั่นจะช่วยส่งเสริมเจ้าเป็นอย่างยิ่ง” จางอี้เหลียนยิ้มอย่างภูมิใจ เพราะอย่างน้อยมันก็คือหนึ่งในศิษย์ของผู้อาวุโสเช่นกัน

 

“ข้าจะไม่ทำให้ท่านผิดหวังนายน้อย”

 

“ข้าก็เช่นกัน!”

 

หากไม่นับจากหมิงทุกคนล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความตื่นตัวพร้อมกับรับคำของนายน้อยของมัน และก่อนที่ทุกคนจะแยกย้ายกันออกไปจางอี้เหลียนได้หยุดจางหมิงไว้

 

“เดี๋ยวก่อนน้องพี่”

 

ทั้งสองคนอยู่ในที่ประชุมกันเพียงลำพัง สีหน้ายิ้มเสแสร้งที่จางอี้เหลียนปั้นแต่งก็ได้คลายลงกลายใบบึ้งตึงอย่างไม่พอใจ สายตาสำรวจจางหมิงอย่างจาบจ้วงก่อนจะเค้นเสียงออกมา

 

“เหอะ! พลังแค่เพียงขั้นต่ำระดับสาม เหตุใดท่านพ่อจึงรีบส่งเจ้ามานักนะ เจ้ารู้หรือไม่ทุดอย่างที่เจ้าทดสอบนั่นคือหน้าตาของตระกูลเรา ข้าคิดว่าเจ้าถอนตัวออกไปเสียตอนนี้เถอะ”

 

จางหมิงยกยิ้มมุมปากแต่ก็ไม่ได้ตอบกลับไป คนที่รอคำตอบจึงได้เป็นคนกระวนกระวายเสียเอง ราวกับว่าคำพูดของมันถูกเมินเฉยอย่างไร้ค่า

 

“อย่าคิดว่าที่บ้านรักเจ้าแล้วเจ้าจะมากร่างที่นี่ได้ รู้จักประเมินตนเองเสียบ้าง ข้าที่เป็นพี่ชายเพียงไม่อยากให้ตระกูลและเจ้าต้องเสียหน้าเกินไปเพียงเท่านั้น หากเจ้าไม่ยอมฟังก็เรื่องของเจ้าก็แล้วกัน ฮึ!” จางอี้เหลียนเมื่อกล่าวจบก็ได้สะบัดตัวออกจากห้องไป

 

จางหมิงถอนหายใจก่อนจะเหม่อมองแสงจันทร์นอกหน้าต่าง ดวงจันทร์เว้าแหว่งถูกเติมเต็มไปบ้างแล้ว หากเมฆมากมายที่ลอยล่องทำให้มันหายใจไม่ทั่วท้อง

 

ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังเขย่าอยู่ภายในความรู้สึกของมัน

 

ครั้งเป็นโจร เมื่อลางสังหรณ์แจ้งเตือนมันจะยุติทุกอย่างลง หากตอนนี้มันจะทำได้หรือ...

 

ลางสังหรณ์ที่เคยแม่นยำจนสามารถหลบหลีกผู้ตามล่าและกับดักมานักต่อนัก ครั้งนี้มันหวังให้ลางสังหรณ์ของมันนั้นผิดพลาดเสียบ้างก็ดี

 

การทดสอบวันพรุ่งนี้...

 

ทั้งน่าสนใจและน่าหวั่นเกรงพอๆกัน

 

++++

แมว : เหมียววววว...ฉับๆ

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด