ตอนที่แล้วตอนที่ 16 รังโจร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 18 หนทางรอด

ตอนที่ 17 ขยะ


17

 

จางหมิงได้เข้ามายังค่ายพักของเหล่าโจรป่า มันสังเกตรอบข้างอย่างถ้วนถี่เพื่อระวังความปลอดภัยของตนเอง ก่อนจะค่อยๆย่องเข้าไปภายใน

 

ขณะนี้คือเวลาเช้าในช่วงสาย หากถ้าถามมันว่าเหตุใดจึงไม่ลงมือในตอนกลางคืน นั่นก็ขอบอกได้เลยว่ามันมีเหตุผล ซึ่งเหตุผลนั้นเกี่ยวข้องกับอาชีพของมันในอดีต

 

ปกติแล้วพวกโจรจะระวังภัยกันอย่างเข้มงวดเมื่อยู่ในช่วงเวลากลางคืน ตอนกลางวันและเย็นก็มีคนเพ่นพ่านมากเป็นปกติ หากแต่ในตอนเช้าแบบนี้การทำงานนั้นหละหลวมยิ่งนัก และนั่นเป็นเหตุผล จะอย่างไรตัวมันก็เคยถูกโจรกลุ่มอื่นหรือคนในปกครองเข้ามาขโมยของในช่วงเช้าแบบนี้เช่นกัน จะผิดกันก็แต่มันควบคุมห้องสมบัติได้อย่างรัดกุมมากกว่าก็เท่านั้น

 

ค่ายโจรแบ่งการตั้งกระโจมออกเป็นสามกองใหญ่ บริเวณรอบนอกเป็นกระโจมขนาดเล็กสลับกับต้นไม้ใหญ่ที่ใช้สร้างเพิงพักข้างบน ชั้นในถัดไปคือกระโจมใหญ่หลาบสิบที่ควรจะเป็นของหัวหน้ากลุ่มย่อยหรือคนสนิทของหัวหน้าโจรเอง สุดท้ายคือบ้านไม้ขนาดใหญ่ที่ตั้งเด่นอยู่ตรงกลาง แม้ดูไม่เข้ากับบรรยากาศรอบด้านแต่ก็พอจะเห็นได้ถึงความถือดีและฟุ้งเฟ้อของหัวหน้าโจรเป็นอย่างดี

 

ป่าแห่งนี้อุดมสมบูรณ์ไปด้วยสัตว์ป่าและพืชพันธุ์ก็จริง หากนั่นก็เป็นข้อเสียอันใหญ่หลวงเช่นกัน

 

เมื่อคนเรานั้นมีพร้อมทั้งอาหารและที่พัก ชีวิตมิได้ขวนขวายเพื่อความอยู่รอด นั่นเป็นเหตุให้เกิดความหย่อนยานในการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ดังเช่นตอนนี้ แม้จางหมิงจะเข้ามาได้ถึงกลุ่มกระโจมใหญ่ก็ยังไม่มีใครสังเกตเห็นมัน

 

ช่างเป็นโจรที่ขาดความกระตือรือร้นกันเสียจริงๆ

 

สุขสบายมากไปจนตื่นสาย อยากจะเห็นหน้าหัวหน้าพวกมันนัก

 

จางหมิงพยายามพาตัวเองลัดเลาะไปตามพงไม้หน้าทึบบริเวณค่าย กระโจมใหญ่ตรงกลางมีผู้เฝ้าระวังอยู่ไม่น้อยหากก็ยังคงไม่ถือว่ามากมายเมื่อเทียบกับขนาดของพื้นที่ทั้งหมด และแล้วมันก็สามารถเล็ดลอกเข้าไปทางหน้าต่างไม้ของบ้านหลังใหญ่ที่เปิดอ้า

 

หากจะหวังให้มันทำเสียงดังแล้วมีคนมาพบบ้าง นั่นฝันอยู่ใช่หรือไม่...

 

เป็นโจรมาตั้งห้าหกสิบปี หากยังสะเพร่าเช่นนั้นมันสมควรเลิกเป็นโจรได้แล้ว

 

อาณาเขตบ้านไม้หลังนี้มีสองชั้นและกว้างขวาง มองด้วยตาแล้วคงมีห้องกว่าสิบห้องได้ในแต่ละชั้น บ้านหลังนี้ดูทรุดโทรมเป็นอย่างมาก ฝุ่นที่เกาะอยู่ทำให้รู้ว่าความพุพังนั้นไม่ได้เกินขึ้นตามกาลเวลา หากเกิดจากการขาดความดูแลเอาใจใส่ของผู้พักอาศัย

 

จางหมิงเดินสำรวจได้เพียงไม่กี่ก้าวก็ต้องหลบเข้าไปในห้องว่างที่ไม่ได้ลงกลอนข้างๆ มีหญิงสาวสองนางเดินคุยกันผ่านไป กริยาท่าทางนวยนาดหากการแต่งตัวจัดจ้านเปิดเผย

 

“วันนี้ท่าทางท่านหัวหน้าจะอารมณ์ไม่ดีอยู่เล็กน้อย”

 

“เล็กน้อยที่ไหนกัน! ดูสิ เมื่อครู่ท่านหัวหน้าผลักข้าเสียแรง ดีนะที่ไม่เป็นอะไรมาก หากมีตำหนิบนผิวแล้วล่ะก็ข้าคงได้ถูกส่งตัวไปให้พวกลูกสมุนแน่ๆ” สตรีอีกนางแย้งเพื่อนด้านข้าง

 

“แต่ข้าว่าไปเป็นภรรยาพวกลูกสมุนเล็กๆก็ดีไปอย่างนะ จะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะเจ็บตัวเพราะท่านหัวหน้าอารมณ์เสียใส่เช่นนี้”

 

“นั่นก็จริงของเจ้า”

 

จางหมิงที่ไม่ได้ตั้งใจจะแอบฟังต้องแอบถอนหายใจเบาๆ บางครั้งมันก็ไม่เข้าใจว่าไยพวกนางจึงยึดติดกับค่ายโจรนี้นัก เพราะดูราวกับว่าหากไม่เป็นที่ต้องตาหัวหน้าโจรพวกนางก็พร้อมจะไปอยู่กับโจรคนอื่นโดยง่าย แต่เมื่อนึกถึงเหล่าสตรีของมันในอดีต พวกนางก็มีชีวิตที่ดีกว่าไม่มากเท่าไหร่นัก หากอย่างน้อยมันก็ไม่เคยยกพวกนางต่อให้ใคร นอกเสียจากว่าพวกนางต้องการที่จะไปเอง

 

หากมองในแง่ของความเป็นจริง พวกนางคงเพียงแค่อยากมีที่พึ่งไว้ปกป้องตนเอง อย่างน้อยที่นี่ก็ยังมีที่อยู่ที่กินไม่อดอยาก แต่ถ้าออกไปเผชิญโลกภายนอก สตรีตัวคนเดียวไร้ซึ่งที่พักหรือญาติพี่น้องก็คงไม่อาจเอาตัวรอดได้ง่ายนัก

 

แม้เข้าใจ... แต่นั่นก็เรื่องของคนอื่น มันไม่ได้สนใจเท่าไหร่ เมื่อทางสะดวกจางหมิงจึงได้ออกสำรวจห้องแต่ละห้องต่อไป

 

ข้อดีของการฝึกปราณนั้นสามารถรู้ถึงตัวตนของอีกฝ่ายที่มีระดับขั้นใกล้เคียงกันหรือต่ำกว่าได้ในระยะเฝ้าระวังของแต่ละคน แต่เมื่อค่ายโจรนี้มีเพียงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นต่ำที่มีระดับเพียงเล็กน้อยจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะตรวจจับในระยะที่กว้างมากนัก นั่นจึงทำให้จางหมิงไม่ได้เป็นกังวลหากเลิกใช้วิชากายาซ่อนเร้น เนื่องด้วยวิชานั้นสิ้นเปลืองพลังอย่างมาก

 

ความจริงวิชายุทธ์ที่ใช้ปิดบังร่องรอยนั้นหาได้ยากหากก็ไม่มีผู้ฝึกฝนนัก เหตุผลไม่ใช่เพราะความหายากนั้นแต่เป็นเพราะเมื่อเข้าสู่ขั้นกลางเป็นต้นไปผู้ฝึกยุทธ์สามารถลบร่อยรอยปราณของตนเองได้อยู่แล้ว ถึงแม้จะใช้กับคนที่มีระดับใกล้เคียงกันหรือมากกว่าไม่ได้ก็ตาม

 

เช่นกายาซ่อนเร้นของมันที่ใช้กับพวกขั้นต่ำแบบนี้ได้ดีนักล่ะ

 

มันแผ่พุ่งพลังปราณออกสำรวจอย่างระมัดระวังไม่ให้เข้าเขตการระวังภัยของผู้อื่น ก่อนที่มันจะค้นพบว่าบ้านหลังนี้ไม่เพียงมีสองชั้นหากยังมีห้องใต้ดินขนาดใหญ่อีกด้วย

 

การค้นพบนี้ทำให้มันแสยะยิ้มเหี้ยม

 

บ้านหลังใหญ่แต่มีคนไม่มาก เห็นได้ชัดว่าเจ้าของหวงแหนความเป็นส่วนตัวพอสมควร จางหมิงจึงได้เดินเหินอย่างสบายใจ

 

การปล้นกันกลางวันแสกๆแบบนี้ ใครกันล่ะจะคิดถึง

 

มันเดินเข้าไปถึงโถงกลางในชั้นแรก คาดว่าข้างล่างนี้คือที่อยู่ของห้องใต้ดิน บริเวณนี้สะอาดกว่าที่อื่นนั่นแสดงให้เห็นว่าการคาดการของมันนั้นถูกต้อง เพราะเมื่อเป็นที่ที่ต้องใช้งานบ่อยครั้งจึงได้ไร้ฝุ่นผงเช่นนี้

 

“อา... โจรหนอ จะขาดห้องลับไปได้อย่างไร”

 

การได้กลับมาไขความลับผู้อื่นเช่นนี้ทำให้มันนึกสนุกมากขึ้นไปอีก นึกไปนึกมาก็อยากเข้าไปแก้กับดักและวงกตของโบราณสถานเช่นเมื่อครั้งอดีต

 

จางหมิงมองซ้ายขวาหาสิ่งผิดปกติก่อนจะเดินดูรอบห้องเพื่อสำรวจ บ้างก็หลบหลีกผู้คนตามขื่อแปด้านบน ขึ้นๆลงจนเหนื่อย แต่นั่นก็ทำให้มันสามารถมองเห็นรอบห้องในบริเวณกว้างได้อย่างชัดเจน

 

มีบางอย่างที่ผิดปกติ!

 

ของที่วางอยู่ผิดที่มักจะเป็นตัวขับเคลื่อนบางสิ่งเสมอ

 

เรียวลิ้นสีสดแลบเลียริมฝีปากอย่างย่ามใจ ดวงตาเป็นประกายกับสิ่งที่เห็น ก่อนที่มันจะกระโดดลงจากด้านบนเมื่อปลอดคน แม้จะล้มลุกคลุกคลานไปบ้างกับความสูงของเด็กที่ไม่เพียงพอ แต่เมื่อตั้งตัวได้ก็รีบไปยังของสิ่งนั้นทันที

 

มันคือเสาเชิงเทียนที่สูงเกือบท่วมหัวมัน ทุกเสาอยู่ชิดมุมห้องสี่มุม หากจะยกเว้นก็หนึ่งในนั้นที่ออกมาตั้งใกล้กับประตูทางเข้าและไม่มีเทียนอยู่บนนั้น

 

จากหมิงพยายามทั้งผลักทั้งดันแต่ก็ไม่เป็นผล แต่เมื่อสังเกตข้อต่อของตัวเชิงเทียนกับขาตั้งที่ไม่ได้เชื่อติดกันมันจึงได้หมุนส่วนบนนั้นไปด้านข้าง

 

คลึก คลึก คลืด...

 

พื้นใต้เท้าของจางหมิงเปิดออกอย่างช้า มันขยับหลบก่อนที่พื้นที่กว้างพอให้ผู้ใหญ่สักสองคนเข้าไปพร้อมกันได้ปรากฏออกมา บันไดทอดยาวลงไปเบื้องล่างที่มืดทึบ มันก้าวลงไปก่อนจะพบเสาเชิงเทียนที่มีลักษณะคล้ายกันอีกหนึ่ง มือจึงเอื้อมไปขยับให้ประตูด้านบนปิดลง

 

แสงคบเพลิงรอบด้านสว่างขึ้นเมื่อประตูปิดสนิท มันเดินลงไปตามทางที่ทอดยาวไปไม่ไกลมากนักก็เจอกับโถงที่เต็มไปด้วย...

 

ขยะ!

 

“บัดซบ!” จางหมิงถึงกับสบถออกมาอย่างลืมตัว

 

ภายที่ห้องที่ควรเป็นสมบัติกลับเต็มไปด้วยรูปปั้นมากมายพร้อมกับอาวุธและชุดเกาะต่างๆที่สำหรับมันแล้วหาประโยชน์ไม่ได้ แต่ละอย่างก็เก่าแก่คร่ำคร่าแต่ก็ยังประดับแขวนไว้อย่างเป็นระเบียบ

 

โจรกระจอก!

 

มันเรียกขานหัวหน้าโจรกลุ่มนี้เช่นนั้น

 

จางหมิงเดินดูรอบๆพบเพียงหีบเงินใบเล็กที่มีเงินอยู่ภายในประมาณห้าพันตำลึงทอง และกล่องเล็กๆยาวเกินฝ่ามือไม่มากนักที่เปิดไม่ได้อีกหนึ่งกล่อง นอกนั้นสำหรับแล้วเป็นเพียง ขยะ! ขยะ! และขยะ!!

 

“เอาสมบัติไปบำรุงบำเรอความชอบของตนเองเสียหมด ช่างน่าผิดหวังจริงๆ” จางหมิงที่เริ่มปลงตกก็ถอนหายใจออกมา มันรู้แล้วว่าเหตุใดห้องเก็บสมบัติจึงได้ไม่มีกับดักกลไกอื่นใดเลย เพราะไม่ว่าโจรคนใดก็คงไม่ต้องการสิ่งที่แลกเป็นเงินได้ยากเหล่านี้

 

จางหมิงสรุปนิสัยโดยส่วนตัวของหัวหน้าโจรคนนี้แล้วว่ามันชอบของโบราณและศิลปกรรมที่สวยงามเพียงเท่านั้น เมื่อเป็นเช่นนี้มันจึงถือว่าคนผู้นี้ไม่มีความเป็นโจรมากพอ เป็นเช่นนั้นแล้วก็ไม่ควรค่าที่จะใส่ใจต่อไป

 

จางหมิงเก็บกล่องทั้งสองลงในอัญมณีเม็ดเดียว ด้วยว่าอัญมณีสีส้มนี้เก็บของได้มากเท่ากล่องผ้าขนาดย่อม นั่นจึงไม่เป็นปัญหากับกล่องเล็กๆทั้งสองใบ

 

เมื่อเก็บของครบมันจึงเตรียมจะจากไป หากก่อนที่มันจะก้าวเท้าออกไปคบเพลิงภายในห้องก็ดับลง

 

นี่เป็นกลไกที่มันเคยเจอมาก่อน... เมื่อขยับกลไกภายในไฟจะสว่างขึ้น หากขยับภายนอกไฟจะดับลงเพื่อเป็นการประหยัดเชื้อเพลิง

 

นั่นหมายความว่าด้านนอกมีคนกำลังจะเปิดเข้ามา

 

+++

แมว : ขออนุญาตไม่ตั้งชื่อตัวละครใช้แล้วทิ้งทุกตัว

 

 

 

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด