ตอนที่แล้วตอนที่ 8 -- บอส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 10 -- มิลลี่

ตอนที่ 9 -- กิลด์


ตอนที่ 9 -- กิลด์

 

“ที่นั่งข้างเซฟยังว่างอยู่ หนูอยากจะนั่นตรงนั้นไหม?”

 

ตัดสินใจแทนผมซะงั้น

 

เด็กสาวที่บอกว่าตนเองชื่อมิลลี่เดินเข้ามาทางผม ในขณะที่ทวินเทลส่ายไปมา

 

พวกเราประสายตากัน แล้วรอยยิ้มอย่างมีชัยก็ปรากฎขึ้น เธอนั่งลงถัดจากผม

 

“เอาล่ะ แนะนำตัวกันจบแล้ว ตอนนี้ได้เวลาเริ่มบทเรียน!”

 

เมื่อทุกคนได้ยินเสียงของแคลร์เซนเซย์ก็เปิดหนังสือของตัวเอง

 

ดูเหมือนมิลลี่เองก็มีส่วนร่วมในชั้นเรียนอย่างจริงจังในขณะที่ผมคอพับ

 

ทันทีที่ถึงเวลาพัก ผมก็พยายามแอบฟังบทสนทนาของมิลลี่ในขณะที่นั่งเฉยๆ

 

หล่อนกำลังวางแผนอะไรอยู่? คนที่คิดว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม มิลลี่

 

เธอเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาน่ารักของเธอ ทำให้ดึงดูดผู้คนเข้าหา

 

ไม่นาน ฝูงชนก็ก่อตัวขึ้นข้างๆผมมากเรื่อยๆ

 

“มิลลี่จังมาจากไหนหรอ?”

 

“ชุดของเธอน่ารักจัง! เธอหามาจากไหน?”

 

“นี่ เธอมาจากเบริต้าใช่ม๊า? รู้เปล่าแม่ของฉันก็มาจากที่นั่นเหมือนกานน”

 

“พ่อของฉันเป็นนักเวทย์ที่อยู่เมืองใกล้ๆนี่ พวกเราก็เลยย้ายมาอาศัยอยู่แถวนี้ ดังนั้นฉันก็เลยเลือกเข้ามาเรียนที่โรงเรียนนี้”

 

“โกหกน่า”

 

ทั่วทั้งห้องเงียบสนิทในทันที

 

บ้าชิบ ผมดันเผลอพูดสิ่งที่คิดออกไปซะได้

 

"ฉันทำอะไรให้หรอ เซฟคุง? ถึงได้มาพูดดูถูกกันแบบนี้ หืม?”

 

ผมตอบสนอง มิลลี่ที่พูดด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสา ด้วยการเบือนหน้าหนี

 

“ถ้าเธออยากคุยกับผม ก็ไม่ต้องใช้วิธีอ้อมค้อมพวกนี้ได้รึเปล่า? ถ้าเธอต้องการแบบนั้น พวกเราก็ควรจะออกไปเดี๋ยวนี้เลย เธอรู้ไหม?”

 

“นั่นเป็นข้อเสนอที่ฟังดูน่าสนใจดี แต่ดูเหมือนคาบเรียนกำลังจะเริ่มแล้ว เอาเป็นหลังจากนี้ไหม?”

 

เด็กคนนี้เป็นอะไรรึเปล่าเนี่ย ถึงได้แสดงละครเก่งแบบนี้

 

ผมเป็นคนที่แสดงได้ห่วยแตกมาก แต่พวกนี้เป็นแค่เด็ก ก็ไม่ต้องสนหรอกว่าพวกนั้นจะคิดยังไง?

 

ตอนนี้ก็ตามน้ำไปแบบนี้ก่อนละกัน

 

ฮัดชิ้ว

“ก็ได้ ผมจะรอเธอหลังเลิกเรียน”

 

แล้วผมก็วางหัวลงบนโต๊ะทันที แล้วแกล้วทำเป็นนอนหลับ

 

ผมได้ยินคนอื่นๆคุยกัน

 

“คนที่นั่นติดกับมิลลี่จัง เป็นคนอันตราย! แล้วก็….”

 

ผมเนี่ยนะอันตราย? ถ้าผมอันตรายล่ะก็ แบบนั้นคนที่นั่งข้างๆผมเนี่ย ก็อันตรายเหมือนกัน

 

เธออายุประมาณ 12 ขวบงั้นหรอ? ถึงแม้ว่าหล่อนจะแก่กว่าผมนิดหน่อย แต่ก็ยังเป็นแค่ยัยหนูเท่านั้นล่ะ

 

แต่พลังเวทย์ที่ปลดปล่อยออกมานั่น นอกจากผมแล้วก็ไม่ใช่สิ่งที่เด็กคนไหนๆจะมีเหมือนกัน

 

แม้ว่าเธอจะบอกว่ามีพ่อเป็นนักเวทย์ แต่นั่นก็อาจจะไม่ได้มีผลต่อตัวตนที่แท้จริงของเธอก็ได้ เธอเป็นยัยหนูที่เซนส์ดีจริงๆ….

 

-หลังเลิกเรียน

 

มิลลี่และผมยืนประชันหน้ากันหลังโรงเรียน

 

ราวกับกำลังดูเชิงอยู่ เพื่อนร่วมห้องที่ได้ยินเรื่องนั้นต่างก็เฝ้าดูอยู่ห่างๆ

 

ถึงจะน่าเศร้านิดๆ แต่ก็ดี ในเมื่อผมสามารถกำจัดบรรยากาศหวานแหววพวกนั้นออกไปได้

 

“ครั้งแรกที่ฉันเจอนาย นายกำลังต่อสู้อยู่ในโบสถ์แห่งความเสื่อม”

 

“โอ้?....เธอก็ดูเหมือนเด็กคนอื่นๆ แล้วทำไมถึงได้ไปล่าอยู่แถวๆนั้นกัน?”

 

“ฉันเปล่า….ฉันแค่กำลังมองหาคนเข้ากิลด์ ‘นักล่าแห่งฟ้าคราม’”

 

“เข้าใจละ...”

 

พื้นที่ล่าสำหรับมือใหม่นั้นถือเป็นหัวใจหลักที่กิลด์สามารถถามนักล่าเดี่ยวหากพวกนั้นอยากเข้ากิลด์

 

นักผจญภัยที่รวมตัวกันจะสร้างกิลด์ขึ้นมา เพราะมันยากที่จะทำงานคนเดียว, ไอเท็ม, การติดต่อสื่อสารในระยะกว้างไกล และความร่วมมือร่วมใจของคนในกิลด์จะทำให้สามารถทำงานได้ง่ายขึ้น, อืม กิลด์ก็ควรจะเป็นที่แบบนั้นล่ะนะ

 

แต่นั่นจะเป็นเรื่องจริงถ้า ตัดกิลด์ที่ทำตัวเฉื่อยชา หรือกิลด์ที่ทำราวกับลูกกิลด์เป็นเพียงตัวหมากแทนที่จะเป็นขุน, ซึ่งพวกนั้นไม่ใช่กิลด์ที่ดีเท่าไหร่

 

ความแตกต่างที่หลากหลายเกิดขึ้นเมื่อมีผู้คนมารวมตัวกัน

 

“‘นักล่าแห่งฟ้าคราม’ ชื่อนี้หรอ? ฟังดูแปลกๆ หรือเพราะว่าผมไม่เคยได้ยินมาก่อนกันนะ”

 

“หืม?! ชะ-ชื่อนั้นไม่เห็นแปลกซะหน่อย…! ‘นักล่าแห่งฟ้าคราม’ ฟังดูเท่จะตาย รู้ไหม?!”

 

“ยัยงั่ง ชื่อที่ดีไม่ได้เกิดจากการเอาคำที่ฟังดูดีมารวมกันซะหน่อย, ผมบอกได้เลยว่าเธอเป็นคนตั้งมันเอง”

 

กะ….มิลลี่ยั้งปากไว้

 

เธอก็แค่ยัยหนูเท่านั้นล่ะว้า เร็วไปร้อยปีที่จะมาเถียงชนะผม

 

“เฮ่อออ…..ผมไม่ค่อยชินที่พูดแบบนี้ พูดกันแบบปกติเถอะ, เอ้า เธอตั้งใจจะทำอะไร? อ้อ แล้วก็เรียกผมว่า เซฟ เฉยๆก็พอ เพราะตั้งแต่นี้ผมเองก็จะเรียกเธอว่า มิลลี่ เหมือนกัน”

 

เด็กที่ทำเหมือนตัวเองเป็นผู้ใหญ่ ก็ไม่ต่างอะไรกับเด็กแก่แดด

 

พยายามจะหลอกผมตั้งแต่เริ่ม ช่างโง่จริงๆ

 

การมาเชิญคนด้วยตัวเองก็ดีอยู่หรอก แต่มันจะไม่ดีถ้าพวกนั้นเป็นแค่กิลด์ไร้ชื่อ

 

“สำหรับคำเขิญเข้ากิลด์ ผมไม่สนใจที่จะเข้าร่วม”

 

“...จริงหรอ?”

 

มิลลี่จ้องมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่น แต่ผมตัดสินใจเอาไว้แล้วว่าจะไม่ข้าร่วมกับกิลด์ไหนๆ ที่อาจจะมีปัญหาในระยะยาว

 

แน่นอน เพราะพวกนี้มักทำตัวผูกติดกัน

 

“อย่างแรกเลย การเข้าร่วมกิลด์ทำให้ผมไม่มีอิสระ, ผมเกลียดการถูกผูกมัด, เช่น ถ้ามีการประชุมเกิดขึ้นผมก็ต้องมาเข้าประชุมไม่ว่าจะทำอะไรอยู่ก็ตาม ผมก็ว่ามันโคตรเหนื่อยเลย”

 

“ตกลง, นั่นไม่ใช่ปัญหา”

 

หือ? ข้อเรียกร้องของผมได้รับการยอมรับซะงั้น

 

ไม่คิดเลยว่ากิลด์นี้จะปล่อยให้ผมหาความสงบได้ อย่างน้อยถ้าผมจะเข้าร่วมกิลด์ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็นประโยชน์ต่อผม

 

“ผมต้องการที่จะขอออกได้ทุกเวลา ถ้าผมไม่รู้สึกว่าอยากจะอยู่ต่อ แล้วผมก็สามารถออกจากกิลด์ได้เมื่อผมต้องการ”

 

“ก็ได้, นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเหมือนกัน”

ทางนี้ก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน

 

ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธคำเชิญนี้

 

ถ้าผมจะเข้าร่วมกิลด์ ทำไมถึงไม่ใช่กิลด์นี้ล่ะ?

 

การล่าซอมบี้ก็จะใช้เวลาสั้นลง แล้วผมก็จะเคยชินกับการต่อสู้เป็นปาร์ตี้ตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งมันจะมีประโยชน์ต่อผมในอนาคต

 

พวกเราสามารถออกจากเมืองนานามิได้เลย นั่นทำให้พวกเราสามารถหาพื้นที่ล่าในการฝึกได้ดีกว่า

 

“แล้ว ผมเป็นกิลด์มาสเตอร์ (Guild Master - หัวหน้ากิลด์) ได้ไหม?”

 

“นั่นเป็นไปไม่ได้ เพราะในกิลด์ ‘นักล่าแห่งฟ้าคราม’ นี้ ฉันคือกิลด์มาสเตอร์”

 

อ้ออย่างนี้นี่เอง

 

ยังไงก็ตาม ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลยแฮะ

 

ดันไปพูดกับเธอว่า ชื่อกิลด์ฟังดูงี่เง่า ทั้งๆที่เธออาจจะใช้ความพยายามอย่างมากในการตั้งชื่อมัน

 

“ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่กิลด์มาสเตอร์มาเชิญผมด้วยตัวเองแบบนี้”

 

“นายกำลังแกล้งฉันใช่ไหม?”

 

“เป็นเรื่องปกติที่ผู้คนต้องการคนที่ยอดเยี่ยมอย่างผม”

 

“นั่นแหละ!”

 

อย่างน้อยก็ไม่ได้โกหกแฮะ

 

ผมจะอยู่อย่างน้อยสักสิบปี

 

“ถึงผมจะพูดแบบนั้น แต่มีคนที่ตอบรับคำเชิญของเธอหรือยัง?”

 

“เอ่ออออ….”

 

“อ้อช่างเถอะ ทำไมเราไม่เริ่มกันสักที?”

 

การเข้าร่วมกิลด์

 

ถึงแม้ผมจะเคยเข้ากิลด์ใหญ่ๆมาก่อน แต่มันจะง่ายกว่าในการฝึกกับปาร์ตี้เล็กๆอย่าง กิลด์’นักล่าแห่งฟ้าคราม’

 

*คุกคักคุกคัก* ในขณะที่ผมกำลังคิดเรื่องนั้นเพลินๆ มิลลี่ก็กำลังรื้อกระเป๋าตัวเองเพื่อหาของบางอย่าง

 

นี่ ทำอะไรของเธอต่อหน้าลูกกิลด์เนี่ย จัดกระเป๋าตัวเองดีๆหน่อย

 

...อืม แม้ผมอยากจะพูดแบบนั้น แต่ผมก็ไม่ได้จัดของเป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนกัน

 

“เอาล่ะนะ! แหวนผลึก!”

 

มันคือผลึกที่จะช่วยสร้างพันธะระหว่างเพื่อให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

 

พูดอีกอย่างหนึ่งคือ มันเป็นของแพง...แล้วผมก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

 

ของพวกนั้นจะใช้ก็ต่อเมื่อต้องการสร้างกิลด์เท่านั้น

 

“เฮ้! บ้าน่า หรือว่าเธอ….”

 

“ในนามแห่งเรา มิลลี่ เรย์อาร์ต ขอตั้งกิลด์แห่งใหม่ขึ้น ณ บัดนี้! จงให้ที่นี่เป็นที่เชื่อมพวกเราเข้ากันไว้ด้วยแหวนผลึก!”

 

ปิ้ง ….แสงจ้าขึ้นแล้วแหวนผลึกก็หายไป

 

“นี่มันเยี่ยมจริงๆ! ฉันได้เป็นกิลด์มาสเตอร์ ส่วนเซฟได้เป็นรองกิลด์มาสเตอร์”

 

“อะ…”

 

นี่มันห่างไกลจากคำว่ากิลด์อ่อนแอแล้ว กิลด์นี้มันยังไม่ได้สร้างเลยด้วยซ้ำ?!

 

“ฉันมี…”

 

เมื่อเห็นสายตาที่ข้องใจของผม มิลลี่ตอบโต้ด้วยการแลบลิ้นใส่ผม

 

==========

 

อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร

 

==========

 

ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด