ตอนที่แล้วตอนที่ 7 ------ รถไฟ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 9 -- กิลด์

ตอนที่ 8 -- บอส


ตอนที่ 8 -- บอส

 

“แบล็คธันเดอร์!”

 

สายฟ้าหลายสายผ่าลมมาจากพายุเมฆทำลายพวกซอมบี้จากซ้ายไปขวาจนไม่เหลือซาก

 

โบสถ์แห่งความเสื่อมนั้นมีเมฆปกคลุมอยู่ตลอดเวลา

 

ถึงแม้คำร่างของเวทย์แบล็คธันเดอร์จะกินเวลานาน แต่หากเงื่อไขไม่ครบก็ไม่มีทางใช้ได้, แต่หากเป็นศัตรูที่เคลื่อนไหวช้าอย่างซอมบี้ล่ะก็…

 

นี่คือมหาเวทย์ทั้งหมดที่ตัวผมในตอนนี้สามารถใช้ได้

 

แม้ว่าพลังเวทย์ที่ใช้ไปจะน้อยกว่าครั้งที่ผมสู้กับพวกโจร, แต่มันก็กินพลังเวทย์ของผมไปประมาณ 70% จากแหล่งพลังเวทย์ของผม

 

ดังนั้นผมจึงเริ่มเข้าฌาณ

 

แม้ว่าการใช้ไวท์บอลจะเพียงพอที่จะกำจัดพวกมันก็ตาม แต่ผมก็ต้องทำความคุ้นเคยกับการใช้เวทย์สายยากๆอย่าง เวทย์สีเขียวกับเวทย์ท้องฟ้าด้วย

 

หากในตอนที่มีเลเวลสูงๆ แล้วจำเป็นต้องใช้เวทย์สายยากๆออกมาเร่งด่วน ผมก็อยากจะหลีกเลียงการใช้เวทย์ระดับต่ำน่ะ

 

ด้วยแบล็คธันเดอร์ที่ใช้ไปเมื่อไม่นานมานี้เป็นจุดศูนย์กลาง ผมได้ทำการทดลองด้วยเวทย์อื่นๆ

 

แต่ยังไงไวท์บอลก็ยังเป็นเวทย์หลังที่ผมใช้ในพื้นที่แถบนี้

 

หลังจากที่ผมเข้าฌาณเสร็จแล้วก็ถึงเวลาสร้างรถไฟขบวนต่อไป, ผมเห็นซอมบี้จำนวนมากกำลังรวมตัวกันอยู่ใต้เงาตึกไกลออกไป

 

เดี๋ยวสิ….ผมคิดว่าผมเห็นบางอย่างอยู่ใจกลางฝูงมอนสเตอร์อยู่

 

หากสังเกตุดีๆก็สามารถมองเห็นรายละเอียดได้ มันคือโครงกระดูกที่สวมผ้าคลุมสีแดง คทาบิชอบในมือ กับมงกุฏเคลือบทอง

 

เบ้าตาสีดำที่กลวงโบ๋ แต่กลับสัมผัสได้ถึงเจตจำนงค์ที่หนักแน่นเมื่อมองไปที่เบ้าตาของมัน

 

“ราชาแห่งความตาย….”

 

บอสประจำโบสถ์แห่งความเสื่อม

 

มันจะปรากฎตัวออกมาหลังจากที่เวลาผ่านไปช่วงเวลาหนึ่งที่ตายตัว โดยมอนสเตอร์ทั่วไปที่เกิดขึ้นไม่สามารถเทียบได้กับความแข็งแกร่งของมัน

 

เปลือกชั้นนอกมีพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งปกคลุมอยู่ ทำให้ปัดการโจมตีเกือบทั้งหมดได้ การเอาชนะมันจึงไม่ใช่เรื่องง่าย

 

แม้มันจะแข็งแกร่งและทนทาน แต่รางวัลที่ได้ก็มหาศาล ค่าประสบการณ์จำนวนมหาศาล เช่นเดียวกับโอกาสในการดรอปไอเท็มหายาก ที่สามารถนำไปขายได้ราคางาม

 

ตามจริงแล้วผมไม่สามารถจัดการมันได้ด้วยตัวคนเดียว ผมจำเป็นต้องร่วมมือกันสู้เป็นปาร์ตี้ สำหรับตัวผมในตอนนี้นั้นไม่สามารถทำอะไรมันได้

 

แต่ก็อย่างที่ผมพูดไป มีเรื่องราวของผู้คนมากมายที่สามารถล้มบอสได้ด้วยตัวคนเดียว ตราบในที่สามารถตรวจสอบพลังเวทย์ที่ใช้ไปและเตรียมตัวมาดี มันก็มีโอกาสเป็นไปได้

 

“หากผมจำไม่ผิด, อาจารย์เองก็ล่าบอสในช่วงแรกเริ่มเหมือนกัน”

 

มันน่าจะตรงเข้ามาหาผมในตอนที่ผมก้าวเท้าเข้าไปในอาณาเขตของมัน

 

ผมยิ้มแล้วหัวเราะเล็กน้อย จากนั้นก็พึมพำ ‘เดี๋ยวผมจะกลับมา’ พร้อมกับหายใจแล้วเทเลพอร์ตหนีไปทิศตรงข้าม

 

เด็กผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ใต้ร่มเงาไม้ มองไปที่เซฟซึ่งกำลังหนีอยู่

 

“เขาน่าจะเป็น...นักเวทย์จากเมืองนานามิ”

 

เด็กผู้หญิงพูดออกมาพร้อมกับตรวจสอบด้วยสเกาท์สโคป

 

เซฟ ไอน์สไตน์

 

เลเวล 16

 

เวทย์ [สีแดง] เลเวล : 12/62

 

เวทย์ [สีน้ำเงิน] เลเวล : 11/87

 

เวทย์ [สีเขียว] เลเวล : 13/99

 

เวทย์ [ท้องฟ้า] เลเวล : 12/89

 

เวทย์ [วิญญาณ] เลเวล : 15/97

 

“เซฟ หืม…. ไม่เลวแต่….”

 

เด็กผูั้หญิงยกมือขึ้่นชี้ไปยังพวกซอมบี้แล้วร่ายบลูเกล (Blue Gale - วายุคราม)

 

พายุหมุนพุ่งเข้าชนกับกลุ่มซอมบี้แล้วดูดมันขึ้นไปบนฟ้าราวกับกำลังร่ายรำ

 

“หมอนี่ก็ไม่ได้เก่งกาจอะไร หากวิ่งหนีกะอีแค่ระดับนี้~♪”

 

ทันใดนั้นข้างๆเด็กผู้หญิงที่กำลังหัวเราะ ก็มีเวทย์ทรงกลมสีดำระเบิดออก

 

หลังจากที่กำลังจะส่งเสียงกรี๊ดเนื่องจากตกใจ เวทย์ที่ระเบิดอยู่ด้านหลังของตัวเอง เด็กสาวหันไปมองพายุหมุนแล้วพบคนที่โจมตีเธอกำลังพุ่งเข้ามา, ราชาแห่งความตาย

 

“อะ-!?”

 

หลังจากใช้มหาเวทย์สายสีน้ำเงินอย่างบลูเกลแล้ว เธอไม่ได้มีสมาธิพอที่จะร่ายเทเลพอร์ตในทันที

 

เด็กสาวกระโดดถอย แต่เวทย์บลูบอล(Blue Ball - บอลน้ำเงิน)ของเธอไม่สามารถหยุดยั้งราชาแห่งความตายได้

 

เมื่อมันใกล้เข้ามา เธอก็เห็นหัวกระโหลกไร้สีหน้าทำให้ขาแข็ง...แล้วค่อยสามารถร่ายเทเลพอร์ตได้ในเสี้ยวนาทีสุดท้าย

 

เมื่อราชาแห่งความตายมองไม่เห็นเด็กสาว มันก็กลับไปเร่ร่อนในอาณาเขตของตนดังเดิม

 

“แฮก...แฮก… นั่นมันเกือบไปแล้ว….”

 

เด็กสาวปาดเหงื่อบนหน้าผากแล้วเอนตัวพิงกำแพงพร้อมกับจ้องมองไปที่ราชาแห่งความตาย รอยยิ้มแห่งชัยชนะก็ปรากฎบนใบหน้าของหล่อน

 

“ชะใช่แล้ว! ไม่ใช่แค่ฉันคนเดียวที่หนีซะหน่อย! เด็กคนนั้นเองก็พยายามจะสู้แล้วก็หนีออกมาเหมือนกัน ฉันแค่ตกใจเพราะไม่คิดว่าจะเจอศัตรูแบบแก! ดังนั้นจนกว่าเราจะพบกันอีกครั้ง เหยื่อที่รัก!”

 

ในมุมหนึ่งของโบสถ์แห่งความตาย คำแก้ตัวที่น่าอายดังขึ้น แต่สิ่งที่ได้ยินไม่ได้มีแต่พวกซอมบี้เท่านั้น

 

-ไม่กี่วันต่อมา

 

ทุกๆวันผมมักจะหลับทันทีที่ผมถึงโรงเรียน แต่วันนี้ผมไม่ได้หลับ

 

ห้องเรียนนั้นส่งเสียงดังเป็นเรื่องปกติ แต่มันไม่ใช่เหตุผลที่ผมกำลังตื่นอยู่

 

(เจอตัวแล้ว….)

 

ที่ชั้นหนึ่งของโรงเรียน ใกล้ๆกับห้องพักอาจารย์

 

กระแสพลังเวทย์ที่แข็งแกร่งสามารถสัมผัสได้จากตรงนั้น

 

สำหรับคนที่มีพลังเวทย์ระดับสูงในประเทศนี้ มันเป็นเรื่องง่ายที่จะสัมผัสพลังเวทย์ได้แม้จะอยู่ห่างไกลก็ตาม

 

นักเวทย์แบบนี้น่าจะเป็นผู้ใช้เวทย์โดยแท้จริง

 

บางทีพวกนั้นอาจมาที่นี่เพื่อหาผม

 

ในตอนที่ผมแกล้งเพื่อนร่วมชั้นก่อนหน้านี้ ปกติแล้วจะต้องมีการประกาศออกมาว่าผมสามารถใช้เวทย์ได้ แต่ในความเป็นจริง ผมยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก

 

ยิ่งในเมืองเล็กๆแบบนี้ด้วยแล้ว ข่าวสารยิ่งแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว

 

หากมีนักเวทย์อยู่ในโรงเรียนล่ะก็ ทั้งสมาพันธ์นักเวทย์, กิลด์พ่อค้า และอื่นๆ จะต้องมาชักชวนผมเข้าองค์กรของพวกนั้น ซึ่งผมก็จะใช้ประโยชน์จากเรื่องนั้นเหมือนกัน

 

แม้ว่าตอนนี้ผมจะไม่มีทั้งเงิน หรือความสัมพันธ์ แต่ถ้ามีคนมาวัดความสามารถของผมล่ะก็ ผมน่าจะมีพลังเทียบเท่ากับนักผจญภัยทั่วๆไปแล้ว

 

สำหรับคนที่ได้ชื่อว่านักเวทย์หนุ่มอัจฉริยะ จะต้องมีคนยอมรับจำนวนมาก

 

หากผมเข้าร่วมกับกลุ่มไหนสักหลุ่ม การล่าก็จะมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

ลืมเรื่องความเป็นอยู่ไปได้เลย ผมจะมีแรงสนับสนุนมากพอที่จะออกจากเมืองได้เลยหากผมต้องการ

 

ผมรู้สึกผิดต่อแม่นิดๆ แต่นี่เป็นชีวิตของผมเอง ผมจะทำในสิ่งที่ผมต้องการ

 

คุคุคุ ในตอนที่ผมหัวเราะออกมา ในขณะที่กำลังนอนแนบโต๊ะอยู่ ประตูห้องเรียนก็เปิดออก แล้วแคลร์เซนเซย์ก็เข้ามา

 

สีหน้าของแคลร์เซนเซย์เปลี่ยนไปในขณะที่มองสำรวจไปรอบๆห้อง แล้วในที่สุดก็หยุดลงที่ผม

 

แน่นอน นั่นเป็นเพราะแขกที่เธอนำมาที่นี่ก็เพราะผม

 

“โอ้? เซฟตื่นอยู่หรอกหรอ? หายากนะเนี่ย”

 

คำเหน็บแนมของแคลร์เซนเซย์ ไม่มีใครหัวเราะตามแม้แต่คนเดียว

 

อืม ดูท่าทุกคนคงจะกลัวผมกันหมดแล้ว

 

มีแต่แคลร์เซนเซย์เท่านั้นที่ไม่ได้ตระหนักถึงเรื่องนั้นแม้แต่น้อย

 

“เอาล่าาา ทุกคน ต้อนรับนักเรียนแลกเปลี่ยน คนใหม่ของเราหน่อย!”

 

นักเรียนแลกเปลี่ยนงั้นหรอ? บ้าน่า พลังเวทย์ที่ผมสัมผัสได้จากเธอมันแข็งแกร่ง….พอๆกับผมเลย

 

ในขณะที่จิตใจยังไม่มั่นคง เด็กสาวก็ก้าวผ่านประตูเข้ามา

 

เด็กสาวมีผมสีบล็อนด์ยาว ผูกด้วยริบบิ้นสีแดงเป็นทรงทวินเทล ซึ่งแกว่งไกวไปมาอย่างอ่อนโยน

 

เธอส่วมเสื้อคลุมสีขาวที่โบกสะบัด และกระโปรงยาวถึงเข่า เสื้อผ้าที่ไม่ได้เห็นบ่อยนักในเมืองนานามิ

 

ทั้งเด็กชายเด็กหญิงต่างก็ตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน

“โอ้วววว”

 

เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างแคลร์เซนเซย์ยิ้มอย่างนุ่มนวล แล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนพูดว่า

 

“ฉันชื่อมิลลี่ เรย์อาร์ต ยินดีที่ได้รู้จักทุกคน”

 

การทักทายที่สุภาพ

 

นิสัยที่ร่าเริง

 

เธอโบกมือพร้อมกับตอบคำถามของคนอื่นด้วยความร่าเริง ทันใดนั้นเธอก็ประสานตาเข้ากับผม

 

==========

 

อุทิศให้คุณพ่อยุทธนา ศิริพัฒนานันทกูร

 

==========

 

ติดตามผลงานได้ที่ https://www.facebook.com/RachanTranslations/

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด