ตอนที่แล้วตอนที่ 235 อสุรกายปรากฏตัวอีกครั้ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 237 ปิงเอ๋อ, อย่าร้องไห้!

ตอนที่ 236 ปราชัยครั้งที่สอง – ชิซา


“เจ้าอ้วน! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ?”

เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ตกใจมากจนหัวใจแทบกระดอนออกมาเมื่อเขาเห็นเจ้าอ้วนไห่จู่โจมใส่เย่ว์ปิง พวกเขารีบโดดเข้ามาห้ามเขา แต่ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหน พวกเขาก็ไม่เร็วไปกว่ากรงเล็บสัตว์ประหลาดน่าเกลียด

“หยุดนะ!”

เย่ว์หวี่และอี้หนานที่อยู่ข้างล่างเวทีน่าซีดเผือดเหมือนคนตายขณะที่พวกนางตะโกนพร้อมกัน

อย่างไรก็ตาม เย่ว์ปิงไม่หลบแม้แต่น้อย นางมองดูสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดด้วยแววตาที่เชื่อใจ

นี่คือสหายของนาง นางเชื่อใจเขา

นางเชื่อว่าเขาจะไม่ทำร้ายนาง

“กรรรร!”

กรงเล็บของสัตว์ประหลาดน่าเกลียดที่กำลังจะตะกุยใส่ศีรษะเย่ว์ปิงหยุดชะงักกลางอากาศทันที

มันร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดขณะหันไปรอบๆ แล้วยกกรงเล็กอีกครั้งพุ่งเข้าหาผู้ชม

เย่ว์หยางร่อนลงมาจากที่นั่งชมส่วนบุคคลยื่นมือออกมาจับคอของสัตว์ประหลาดน่าเกลียดไว้แน่น เขายกสัตว์ประหลาดน่าเกลียดลอยขึ้นจากพื้น ก่อนจะทุ่มมันลงมาที่พื้น แล้วยังคงทุบตีมันและด่ามันต่อ

“เจ้างี่เง่า! เจ้าช้ามากแล้วยังปล่อยเวลาจนหมด เหลือเวลาอีกไม่กี่วินาทีเจ้าก็จัดไม่ได้ แล้วยังกล้าทำเสียสติควบคุมตัวเองไม่ได้อีก! ถ้าข้ารู้เร็วกว่านี้ ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าสู้และปล่อยให้ตัวเจ้าแสดงความโง่ออกมา! ข้าไม่เคยเห็นคนโง่เง่าอย่างเจ้ามาก่อน เจ้าแยกไม่ออกหรือระหว่างสหายกับศัตรู ไม่อยากมีชีวิตแล้วใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นข้าจะย่ำให้ตายเลย!”

สัตว์ประหลาดน่าเกลียดค่อยๆ ได้สติภายใต้การทุบตีของเย่ว์หยาง มันค่อยๆ ย่อตัวเล็กลงๆ กรงเล็บที่แหลมคมหายไปแล้วขณะที่ร่างของมันกลับกลายเป็นเจ้าอ้วนไห่

เย่คงและพี่น้องตระกูลหลี่ก็ยังโกรธไม่หายและพุ่งเข้ามาช่วยกันย่ำใส่เจ้าอ้วนไห่

พวกเขาช่วยกันย่ำอย่างไม่มียั้ง

ย่ำใส่จนกระทั่งเจ้าอ้วนไห่ร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด

“สมาชิกในทีมเจ้าละเมิดกฎ...”

กรรมการชุดน้ำเงินเดินเข้ามาด้วยท่าทีไม่สบายใจ ขณะที่เขาเตือนทีมเย่ว์หยาง เย่ว์หยางโบกมือพัลวัน

“เรายอมรับความพ่ายแพ้ในรอบนี้ เย่คง! ลากเจ้าอ้วนบ้านี่ไปฝังทั้งเป็นซะ เขาบังอาจทำร้ายปิงเอ๋อ สงสัยเบื่อหน่ายในชีวิตแล้ว”

ผู้ชมทั้งหมดเงียบอย่างสิ้นเชิง ทุกคนแตกตื่นกับพลังที่ปิดบังไว้ของเย่ว์หยาง พวกเขารู้ว่ามีผู้เข้าร่วมแข่งขันสุดแกร่งจากสถาบันฉางชุนเฉิงสามารถเอาชนะองค์ชายเทียนหลัวได้นามว่าไตตัน ซึ่งเป็นเพียงนามแฝงของนักเรียนตาบอดที่มีฝีมือไม่ธรรมดาคนหนึ่ง ทุกคนต่างเข้าใจว่าเขาบ้าเลือดและมีความสามารถผิดธรรมดา....

เจ้าสัตว์ประหลาดน่าเกลียดที่เกือบจะขยี้เหยียนพั่วจวินยับเยินนี้ เมื่อตกอยู่ในเงื้อมมือเขากลับทำอะไรไม่ได้ เพียงโดนเขาโจมตีครั้งเดียวก็ร่วงไม่เป็นท่า

นี่คือสิ่งที่นักรบธรรมดามองเห็น

ทว่ายอดฝีมืออย่างไป๋หวินเฟย, องค์ชายสือจิน, เฟิงชิซาและคนอื่นๆ ไม่เห็นอย่างนั้น

พวกเขาสามารถมองเห็นกลวิธีลับและความเคลื่อนไหวที่เย่ว์หยางใช้

มีเพียงไป๋หวินเฟยและคนอื่นๆ รู้ความจริงนั้น เย่ว์หยางปลุกสติเจ้าอ้วนไห่ที่กำลังหลับอยู่ในสัตว์ประหลาดน่าเกลียดนั้นทันทีที่เขาโจมตีมัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง การทุบตีของเย่ว์หยางเป็นเพียงละครตบตา เจ้าอ้วนไห่ไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้ในช่วงเวลาสั้นๆ เขาจำเป็นต้องให้เย่ว์หยางทุบตีเพื่อปลุกเขาให้ตื่น

เย่ว์หยางร่อนลงมาที่เวทีไม่ใช่เพราะเหตุผลง่ายๆ อย่างการห้ามเจ้าอ้วนไห่ไม่ให้ทำร้ายผู้ชมเท่านั้น แต่เขาต้องการปลุกเจ้าอ้วนไห่ให้ตื่นจากภวังค์หลับไหลในสภาวะเป็นสัตว์ประหลาด

วันนี้ แม้ว่าเจ้าอ้วนไห่จะพ่ายแพ้เพราะทำผิดกฎ แต่ถ้าพวกเขาสู้กันจริงๆ โดยไม่มีกำหนดเวลา เหยียนพั่วจวินจะลอบเข้ามาจู่โจมเจ้าอ้วนไห่ที่อยู่ในสภาวะสัตว์ประหลาดน่ากลัวได้หรือไม่?

คำตอบก็คือ แม้แต่ตัวของเหยียนพั่วจวินเอง ก็ไม่มั่นใจเต็มร้อย... ที่สำคัญที่สุด เจ้าอ้วนไห่นี้ยังคงมีศักยภาพสามารถฝึกฝนตัวเองได้อีกมาก แม้แต่ไป๋หวินเฟย, องค์ชายสือจินและเฟิงชิซา ทุกคนก็รู้สึกว่าเจ้าอ้วนไห่ยังแสดงศักยภาพที่ซ่อนเร้นอยู่ในตัวออกมาไม่เต็มที่ บางทีคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์เตือนเขาให้ต่อต้านมันก็ได้ มิฉะนั้นทำไมเขาถึงบอกเจ้าอ้วนไห่ที่เปลี่ยนไปเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดไปแล้วให้ใช้หมัดดาวตกด้วย?

ร่างสัตว์ประหลาดของเจ้าอ้วนไห่นี้ผิดจากธรรมดาอยู่บ้าง อย่างไรก็ตามไป๋หวินเฟยและคนอื่นๆ รู้ว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์มีวิธีฝึกและควบคุมเจ้าอ้วนไห่ที่อยู่ในสภาพสัตว์ประหลาดได้ นี่แหละสัตว์ประหลาดตัวจริง

ถ้าจะเปรียบไปแล้ว เจ้าอ้วนไห่ก็เป็นเพียงอาวุธที่ควบคุมโดยคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์นั่นเอง

เขาไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้ด้วยตนเอง แต่เขาควบคุมคู่ต่อสู้ได้อย่างสิ้นเชิง

นี่คือสาเหตุที่คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์เป็นคนน่ากลัว

ถ้าเจ้าอ้วนไห่ไม่สูญเสียการควบคุมตนเองแล้วโจมตีใส่เร็วกว่านี้ บางทีคนที่พ่ายแพ้อาจเป็นเหยียนพั่วจวินก็ได้!

ถ้าเหยียนพั่วจวินพ่ายแพ้ แทนที่จะพูดว่าเขาพ่ายแพ้เจ้าอ้วนไห่ที่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาด ก็ควรจะกล่าวว่าเขาพ่ายแพ้คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้ควบคุมเจ้าอ้วนไห่โดยไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้มากกว่า

คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์สามารถเอาชนะเหยียนพั่วจวินได้โดยไม่ต้องมีส่วนในการสู้เลย

นี่...นี่คือวิชาลับของคุณชายสามตระกูลเย่ว์แน่

ไป๋หวินเฟย, องค์ชายสือจิน, เฟิงชิซาและคนอื่นๆ มองดูเย่ว์หยางในมุมมองที่แตกต่างกัน

เหงื่อยะเยียบผุดขึ้นจากหน้าผากเหยียนพั่วจวิน หัวใจของเขายังเต้นแรงโดยมิอาจสงบลงได้หลังจากกลับมาอยู่ข้างๆ เฟิงชิซา

“ชิซา, คนต่อไปคือเจ้าใช่ไหม? ระวังให้ดี, เด็กสาวนั่น, เย่ว์ปิง เดี๋ยวนี้นางแตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง เจ้าต้องจำการต่อสู้ของข้าไว้เป็นบทเรียน ไม่ต้องซ่อนไม้ตายเด็ดจากสายตาไป๋หวินเฟยแล้ว ศัตรูผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดของเราอยู่ตรงนี้ คุณชายสามที่ไม่ธรรดา!”

ความจริงเหยียนพั่วจวินมีไม้ตายก้นหีบที่ยังไม่ได้ใช้ แต่เขายอมรับว่าต่อให้เขาใช้ไม้ตายนั้นออกมา เขาก็ยังจะแพ้เจ้าอ้วนไห่ที่กลายร่างเป็นสัตว์ประหลาดน่าเกลียดอยู่ดี ก่อนหน้านั้น เพราะเขาเกรงว่าไป๋หวินเฟยและองค์ชายสือจินจะรู้จักไม้เด็ดนี้เสียก่อน เขาจึงไม่ได้ใช้ความสามารถเต็มที่ ในที่สุดเขาก็เกือบจะถูกสัตว์ประหลาดน่าเกลียดนั้นฆ่าตายทันที

การโจมตีที่เจ้าอ้วนไห่เพิ่งจะใช้ไปมีพลังทำลายล้างอย่างมาก

ถ้าเขาไม่เรียกคัมภีร์ของเขาออกมาแล้วกางโล่ทันเวลา ผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินกว่าคาดคิด

“พั่วจวิน, ศัตรูของเรายังคงเป็นไป๋หวินเฟย คุณชายสามตระกูลเย่ว์นั้น ข้าไม่คิดว่าเราจะตามเขาได้ทัน...”

เฟิงชิซารู้ว่าเย่ว์หยางเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด เขามองดูเย่ว์หยางแล้วส่ายศีรษะ จากนั้นก็มองเย่ว์ปิงและตระหนักได้ว่านางมีความมั่นใจจริงๆ เหมือนกับว่านางมั่นใจเต็มร้อยว่าจะชนะได้ เฟิงชิซาทำอะไรไม่ถูก แต่รู้สึกสะท้านใจ

แม้แต่สวะอย่างเจ้าอ้วนไห่ ยังสามารถยืนหยัดอยู่บนเวทีสู้กับเหยียนพั่วจวินหลังจากได้รับสัญญาณจากเย่ว์หยาง แล้วเย่ว์ปิงน้องสาวของเขาเองจะมีความก้าวหน้ามากขนาดไหน?

เขารู้ว่าไม่ว่าคุณชายสามจะหยาบคายก้าวร้าวขนาดไหน แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเขารักน้องสาว ช่วงปีใหม่ เขาบุกตะลุยปราสาทตระกูลเย่ว์เพื่อมารดาและน้องสาวอีกสองคน คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ผู้นี้ต่อสู้เบิกทางขึ้นปราสาทตระกูลเย่ว์ เขาอาบเลือดลากรถม้าที่บรรทุกมารดาและน้องสาวทั้งสองคนกลับเข้าปราสาทตระกูลเย่ว์

แม้ว่าสี่ตระกูลใหญ่จะไม่ได้สนับสนุนเขาออกหน้าออกตา แต่ลับๆ แล้วพวกเขายกให้เขาเป็นแบบอย่างในเรื่องเคลื่อนไหวด้วยความกตัญญู พวกเขามักจะสอนลูกหลานให้เรียนรู้เยี่ยงคุณชายสามที่ให้ความสำคัญเรื่องความกตัญญูเหนือสิ่งอื่นใด

เฟิงชิซาเชื่อว่าเย่ว์หยางจะต้องทำอย่างดีที่สุดเพื่อช่วยให้นางก้าวหน้า

อย่างไรก็ตาม เย่ว์ปิงจะก้าวหน้าได้มากแค่ไหนกัน นางก็เป็นนักสู้เชี่ยวชาญอสูรสายพฤกษาเองไม่ใช่หรือ?

เฟิงชิซาเชื่อว่าเขาคงหาคำตอบคาใจได้ในไม่ช้านี้

เจ้าหน้าที่สามคนที่มีสัตว์อสูรเป็นของตนเองที่เชี่ยวชาญในการซ่อมเวทีต่อสู้ ได้ซ่อมแซมพื้นที่ถูกกระแทกแตกกระจายเป็นชิ้นภายในไม่กี่นาที แม้ว่าอาจมีร่องรอยแตกร้าวบางส่วนแต่ก็ยังดีกว่าสภาพในตอนนี้

หลังจากนั้น กรรมการชุดเขียวเดินขึ้นเวที เฟิงชิซาและเย่ว์ปิงโค้งคำนับกันและกัน

ก่อนหน้านั้น ไม่มีใครเชื่อว่าเย่ว์ปิงจะสามารถเอาชนะเฟิงชิซาได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าอ้วนไห่ก็อาบเลือดสู้กับหนึ่งในสามดาวเพชฌฆาต เหยียนพั่วจวิน เขาเสียเปรียบในตอนแรกก่อน แต่เขาก็ชนะจนได้ในที่สุด แม้ว่าเขาจะแพ้เพราะผิดกติกา แต่ในใจของผู้ชมแล้วเขาคือผู้ชนะตัวจริง เจ้าอ้วนไห่ยังกลับมาได้ทำให้ผู้ชมตื่นเต้นกันใหญ่ ตอนนี้ถึงรอบสาวน้อยตัวแทนของสถาบันฉางชุนเฉิง ผู้ชมตั้งตาคอยชมการแข่งขันที่น่าตื่นเต้นนี้

พอเห็นว่าเย่ว์ปิงเลือกสู้บนสังเวียนเลือดเหมือนกับเจ้าอ้วนไห่ ผู้ชมจึงได้แต่เชียร์อย่างตื่นเต้น

กราวววววววว

เสียงปรบมือดังกึกก้อง แม้แต่เสวี่ยทันหลางผู้เยือกเย็นก็ยังปรบมือให้ด้วย ไม่รู้ว่าเขาเชียร์สมาชิกทีมสหายของเขา สามดาวเพชฌฆาตเฟิงชิซาหรือว่าสาวน้อยผู้กล้าหาญ เย่ว์ปิง

“ปิงเอ๋อ..หมุน!”

เย่ว์หยางยืนอยู่ข้างล่างเวทีและชี้มาที่น้องสาวของเขาขณะที่เขาทำท่าหมุนมือ

“.....”

เฟิงชิซารำพึงในใจเมื่อแอบเห็นท่าทางนี้

วิทยายุทธของเขาและอสูรสายเสริมพลัง เกราะรบปีศาจสามารถผสานเข้ากับตัวเขาได้สมบูรณ์แบบ แทบจะเป็นอันหนึ่งเดียวกับร่างกาย บวกกับอาวุธชั้นทอง ดาบกลืนปีศาจในมือเขา ทำให้พลังต่อสู้ของเขาเพิ่มขึ้นอีกมากมาย อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจจุดอ่อนของเขาดี วิชาเจ็ดดาบของเขาสามารถทำได้เพียงสับ ฟัน แทง เฉือนและตัดเท่านั้น

มีเคล็ดหลักอยู่ห้าประการเท่านั้น เขาไม่มีทักษะหมุน เดิมทีวิชาเจ็ดดาบยังคงมีเคล็ดการหมุนอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม สองเคล็ดต่อมาสำคัญที่สุด หมุนและป้องได้สาบสูญไปแล้ว กล่าวอีกอย่างหนึ่งก็คือถ้าจะมีจุดอ่อนในวิชาเจ็ดดาบ ก็คือเขาไม่มีเคล็ดหมุน

ผู้อาวุโสตระกูลเฟิง และแม้แต่เคล็ดที่สอนกันในสำนักของเขา ก็ยังกล่าวได้ว่าถ้าเขาเชี่ยวชาญเคล็ดหมุนด้วย วิชาต่อสู้ของเขาจะยกระดับขึ้นสู่ขอบเขตใหม่

เฟิงชิซาค้นคว้าเคล็ดหมุนมาตลอดหลายปีนี้ แต่ก็ไม่มีความก้าวหน้ามากนัก เขายังไม่เข้าใจเคล็ดหมุนอยู่ดี

ตอนนี้ เมื่อเขาได้ยินเย่ว์หยางพูดว่าหมุน เขารู้ว่าเย่ว์หยางเห็นจุดอ่อนเขาแล้ว

“เริ่มได้!”

กรรมการชุดเขียวเริ่มการแข่งขันหลังจากที่อธิบายกติกาเสร็จ

เฟิงชิซาไม่ได้โจมตีใส่ศัตรูของเขาทันทีเหมือนวิธีที่เขาสู้ตามปกติ เขากลับถอยอย่างระมัดระวังและเรียกคัมภีร์ออกมากางโล่พลังไว้ ขณะที่เขากางโล่พลังออก เขาได้ยินเสียงกึกก้องทันที

เมื่อเขาหันไปรอบๆ ก็พบว่าเย่ว์ปิงมาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังของเขาและโจมตีใส่โดยที่เขาไม่รู้ เย่ว์ปิงใช้แรงหมุนตัวเตะใส่โล่พลังของเขา เฟิงชิซาตะลึงค้าง ขณะที่เขาคิดว่า “ไวมาก!” ถ้าเขาไม่เรียกคัมภีร์ออกมา เขาคงโดนลอบทำร้ายที่หลังและศีรษะ...

เมื่อเย่ว์ปิงเตะพลาด เฟิงชิซาความจริงมีโอกาสที่จะตอบโต้กลับ

แต่เขาปล่อยมันหลุดมือไป

ตัวอย่างของคนที่ประเมินศัตรูของเขาต่ำไปก็มีอยู่แล้ว ก็คือเหยียนพั่วจวินที่อยู่ต่อหน้าเขา เขาไม่ยอมให้ชื่อสามดาวเพชรฆาตต้องกลายเป็นตัวตลก

เขาเรียกอสูรเกราะรบปีศาจที่มีพลังป้องกันตัวและผสานเข้ากับร่างของเขา ตัวเกราะสร้างจากกระดูกปีศาจปรากฏขึ้นมาคอยปกป้องร่างทั้งหมดของเขาไว้ นอกจากนี้เขายังชูดาบกลืนปีศาจและปล่อยรังสีอำมหิตอีกด้วย

ขณะที่เย่ว์ปิงเรียกผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปีออกมาสองตัว เฟิงชิซายังคงเรียกบอลเพิ่มอีกสองลูกเสริมพลังให้ดาบกลืนปีศาจของเขาและอีกลูกใส่ตัวเขาเอง ดาบกลืนปีศาจของเฟิงชิซาปล่อยเพลิงปีศาจทันที

ขณะที่ร่างของเขามีพลังกลิ่นอายปีศาจ เหมือนกับว่าเป็นทายาทปีศาจ เมื่อเฟิงชิซาผลักคัมภีร์ออกไป รังสีที่น่ากลัวก็ระเบิดออกมาจากตัวเขา แม้แต่เจ้าหน้าที่คุ้มกันความปลอดภัยที่อยู่ใกล้ที่สุดก็ยังถูกแรงกระแทกผลักจนถอยไป 2-3 ก้าว ไม่อาจจะยืนอยู่กับที่ได้

ไป๋หวินเฟยและองค์ชายสือจินมองหน้ากันและกัน

แม้ว่าพวกเขาจะไม่พูดอะไร แต่พวกเขาก็ยังรู้จักพลังของสามดาวเพชรฆาต ไม่ว่าจะเป็นเหยียนพั่วจวินผู้ที่เพิ่งจะสะดุดไปก็ตาม เฟิงชิซาหรือเสวี่ยทันหลางผู้เป็นเหมือนแท่งน้ำแข็งก็ยังเป็นอัจฉริยะที่มีความสามารถ พวกเขามีชื่อเสียง ไม่ใช่เรื่องแปลก

ตรงกันข้ามกับเย่ว์ปิง นางเรียกผู้พิทักษ์พฤกษาร้อยปีออกมาสองตน และยังได้รับบอลแสงสีเขียวในมือของนางก่อนที่จะผสานเข้าไปกับร่างของพวกมัน

ทันใดนั้น นักสู้พฤกษาก็เปล่งแสงและมีใบงอกขึ้นมาด้วยระดับความเร็วที่จินตนาการไม่ถึง

เฟิงชิซารู้สึกว่าถ้าเขาพยายามฟันนักรบพฤกษาให้ล้ม เขาก็ยังไม่อาจเอาชนะมันได้ มีแต่จะสิ้นเปลืองจนพลังไม่เหลือ ยิ่งไปกว่านั้น นักรบพฤกษายังแข็งแกร่งขึ้นหลังจากได้รับของโปรดจากเย่ว์ปิง อย่างไรก็ตาม เป็นเรื่องง่ายที่จะล้มเย่ว์ปิง นางไม่ได้กางโล่ป้องกันไว้ มีสิ่งเดียวที่ทำให้เฟิงชิซากังวลก็คือ เย่ว์ปิงฝึกวิทยายุทธมาด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ยังเป็นเคล็ดวิชาที่มุ่งจู่โจมจุดอ่อนของเขา คือเคล็ดหมุน

เขารู้ว่าเย่ว์ปิงเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง คิดจะฟันดาบใส่สาวน้อยผู้ว่าง่ายก็เป็นเรื่องยากสำหรับเฟิงชิซาแล้ว

เหมือนกับลมกระโชก เขาพุ่งเข้าหาและปล่อยหมัดใส่ท้องของเย่ว์ปิง

ตราบใดที่หมัดของเขาต่อยได้เข้าเป้า เย่ว์ปิงจะล้มสลบกับพื้นแน่นอน

เขาตัดสินใจว่าจะไม่ใช้ดาบกลืนปีศาจ แต่กลับใช้หมัดของเขาแทน

“เฮอะ!”

เมื่อเย่ว์ปิงเห็นเขา นางไม่ถอย แต่กลับพุ่งเข้าหาหมัดที่ทรงพลังของเฟิงชิซาอย่างกล้าหาญ ขณะที่ผู้ชมชมดูอย่างระทึกใจ อย่าว่าแต่ผู้ชมเลย แม้แต่เฟิงชิซาก็ตะลึงไปเหมือนกัน เขาเกรงว่าจะทำร้ายเย่ว์ปิงจนบาดเจ็บร้ายแรง ดังนั้นเขาลดพลังหมัดลงอีกมาก ใครจะรู้ว่าในทันทีที่เย่ว์ปิงจะถูกหมัด นางหมุนตัวได้อย่างประหลาด ทำให้หลบหมัดของเฟิงชิซาอย่างง่ายดาย การหมุนตัวฉับพลันทำให้เข่าของนางเฉี่ยวหน้าของเฟิงชิซา

เฟิงชิซาถึงกับประหลาดใจ ถ้าเขาไม่เปลี่ยนใจและลดพลังความแรงของหมัดเมื่อครู่ เขาคงถูกเย่ว์ปิงใช้เข่ากระแทกใส่หน้าไปแล้ว

โชคดีจริงๆ

ในชั่วแวบเดียวนั้น เขาคว้ากระบี่กลืนปีศาจขึ้นมากันเข่าของเย่ว์ปิงไว้ทัน

มันช้าเกินไปที่เขาจะหมุนตัวได้ เขาได้แต่ชำเลืองดูเห็นเย่ว์ปิงที่ชะงักเข่านางไว้และใช้มือต้านกระบี่เขา มีพลังระเบิดออกมาทำให้เฟิงชิซาสูญเสียการควบคุมกระบี่กลืนปีศาจของเขา

เฟิงชิซาฝืนใช้แรงจับกระบี่กลืนปีศาจของเขาไว้แน่นและปล่อยปราณปีศาจของเขา เพื่อต้องการระเบิดพลังกระแทกให้เย่ว์ปิงถอยออกไป

ผู้ชมทั้งหมดเห็นได้ชัดเจนว่าเย่ว์ปิงหมุนตัวอย่างสวยงาม ราวกับว่าเป็นภาพสโลว์โมชั่น ร่างของนางกลับลงมายืนบนพื้นจากนั้นนางใช้ขาซ้ายเตะกวาดใส่เฟิงชิซา

ร่างของนางดูอ้อนแอ้นและงดงาม ขาก็ดูอ่อนและเรียวบาง ทว่าพลังเตะของนางที่หวดใส่เฟิงชิซาผู้ยืนหยัดมั่นคงดุจภูเขา ถึงกับถอยไป 2-3 ก้าว เย่ว์ปิงใช้สองมือยันพื้นและหมุนตัวดุจแกนกังหัน ขาซ้ายเตะขึ้นส่วนบน.... เฟิงชิซาสังเกตเห็นได้ในที่สุดและหลบท่าจู่โจมที่พิสดารของเย่ว์ปิง แม้ว่าดูจากภายนอกเขาจะมีความมั่นใจ แต่ในใจเขาตกใจสุดขีด เกือบไปแล้ว! โชคดีที่เขามีปฏิกิริยารวดเร็วพอสามารถหลบท่าเตะของนางได้ มิฉะนั้น เขาคงถูกเตะแน่

เขายกขาซ้ายและเตรียมเตะตอบโต้ใส่เย่ว์ปิง อย่างไรก็ตาม เขาก็ต้องแปลกในอีกครั้งเมื่อพบว่าขาขวาของเขาถูกเถาวัลย์พันไว้แล้ว

ข้างหลังเขา นักรบพฤกษาร้อยปีฟาดแขนลงมาที่เขา

“แย่แล้ว!”

เฟิงชิซาฟันใส่เถาวัลย์ที่พันขาของเขาและกระโดดขึ้นไปในอากาศ เขาตีลังกาลงยืนบนพื้น เมื่อเขามั่นใจว่าไม่มีศัตรูอยู่บนพื้น เตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีระลอกสอง

“ระวัง! ขาของเจ้า...”

เหยียนพั่วจวินตะโกนเตือนทันที

เฟิงชิซาถึงได้ตระหนักว่ามีหนามไม้เล็กๆ รออยู่ใต้เท้าของเขา

พอใช้กระบี่กลืนปีศาจในฐานะตัวช่วย เฟิงชิซาก็กระโจนขึ้นไปจากพื้นอีกครั้ง ตอนนี้เขาไม่สนใจเรื่องที่เย่ว์ปิงเป็นสาวน้อยอีกต่อไปแล้ว เขาจะรับมือนางเหมือนว่านางเป็นศัตรูของเขา ปราณปีศาจของเขาระเบิดออกมาจากกระบี่พุ่งเข้าหาเย่ว์ปิงที่ยังอยู่ในอากาศ เย่ว์ปิงก็ถอนถอยได้เร็ว

ขณะที่นักรบพฤกษาตนหนึ่งเข้ามาขวางไว้แล้วยกแขนยักษ์ของมันขึ้นบังไว้ ในขณะที่กระบี่กลืนปีศาจแทงเข้าที่ไหล่ของนักรบพฤกษา ร่างของมันก็เปล่งสีเขียวและเติบโตอย่างรวดเร็ว มันโตขึ้นเรื่อยๆ และกลืนกระบี่กลืนปีศาจที่แทงเข้าไปในร่างของมันทั้งหมด เฟิงชิซาตกตะลึง ขณะที่เขาพยายามจะดึงดาบออกมาโดยไม่ได้อะไร นักรบพฤกษาอีกตนหนึ่ง ก็หวดแขนขนาดยักษ์อย่างดุร้าย

เนื่องจากยังอยู่ในระยะห่าง นักรบพฤกษาจึงหวดโดนแค่ปลายกิ่ง

มันก็แค่ว่าเฟิงชิซารู้สึกตกอยู่ในความยุ่งยากกับการถูกหวดอย่างนั้น

เถาไม้นับไม่ถ้วนเริ่มจะม้วนเข้ารอบตัวเขา ขณะที่นักรบพฤกษาทั้งสองกับแขนอีกสี่กิ่งหวดใส่เฟิงชิซา เฟิงชิซาตกเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าเขาจะป้องกันตัวไว้ด้วยเกราะรบปีศาจ แต่เขาก็โดนฟาดจนปวดหัวถึงกับมองเห็นดาวหลายดวง เมื่อเขาดึงกระบี่กลืนปีศาจออกมาจากเถาวัลย์ได้ ขาเรียวบางก็พุ่งผ่านระหว่างเถาวัลย์ต้นไม้และเตะเข้าที่หน้าผากของเขา

เฟิงชิซาถูกเข้าเต็มเท้า แรงเตะทำให้เขาถึงกับหน้ามืดและรู้สึกเหมือนศีรษะแทบระเบิด กระดูกสันหลังอ่อนระทวย

ถอย!

ถอยเร็วเข้า!

ในสองวินาทีที่เฟิงชิซาพยายามอย่างดีที่สุดที่จะถอยออกมา เขารู้สึกว่าเย่ว์ปิงเตะเข้าที่หน้าเขาอย่างน้อยก็สิบครั้งขึ้นไป.. ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าก็คือเตะของนางแต่ละครั้งจะเพิ่มแรงขึ้นมากกว่าแต่ก่อน

ว่ากันตามทฤษฎี เคล็ดวิชาอย่างนี้ไม่น่าจะมีทางทำได้

มันเป็นเรื่องเหลือเชื่ออยู่แล้วที่นางยังคงเตะต่อเนื่องได้มากกว่าสิบครั้ง แต่นางก็ยังสามารถเพิ่มความและแรงเตะภายใต้เงื่อนไขที่ระยะห่างระหว่างพวกเขาเพิ่มขึ้นขณะที่เขากำลังถอย แรงเตะของนางเพิ่มขึ้นในแต่ละครั้งได้อย่างไร?

แม้ว่าเขาจะถูกเตะไปหลายครั้ง แต่จิตใจของเฟิงชิซาก็ยังกระจ่าง

ในความรู้สึกเจ็บปวดนั้น เขายังคิดถึงปัญหาหนึ่งได้

วิทยายุทธที่ยอมให้ผู้ใช้จู่โจมและเพิ่มพลังได้ในแต่ละครั้ง เป็นไปได้ไหมว่าที่คือเคล็ด “หมุน” ที่เขาไม่สามารถทำความเข้าใจในช่วงเวลาที่ผ่านมา?

ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=256

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด