ตอนที่แล้วตอนที่ 224 ข้าอยากให้เจ้าเป็นคนเลวสักครู่
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 226 หมัดฮิปโปดาวตก

ตอนที่ 225 คลายปมหัวใจ


หญิงงามอมโรคขอให้เย่ว์หยางเข้ามา แต่นางเอาแต่ดูเขาโดยไม่พูดอะไร

เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนมีความผิดเล็กน้อยที่ถูกนางจ้องดู ความจริงเขาไม่ได้มีความรู้สึกผิด แต่หลังจากได้ยินข้อเสนอของหญิงงามลึกลับที่เป็นเหมือนกับอสรพิษที่เป็นตัวล่อลวงในสวนอีเดน เย่ว์หยางยังคงมีความคิดแย่ๆ ในหัวที่จะคอยหลอกหลอนจิตใจของตัวเขาเองต่อไป ยิ่งไปกว่านั้น หญิงงามอมโรคดูเหมือนมีดวงตาที่มองทะลุจิตใจของคน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกผิดมาก

“อู๋เสียคุยอะไรกับเจ้าหรือ?”

หญิงงามอมโรคถาม

“นางพูดถึงบางเรื่องเกี่ยวกับประมุขน้อยนิกายภูเขาหมอกและองค์ชายสือจิน”

เย่ว์หยางไม่ได้พูดความจริงตามปกติทันที แม้ว่าเขาจะพูดจริง นั่นก็หมายความว่าเขาพยายามปกปิดความลับที่ยิ่งใหญ่

“มีอย่างอื่นอีกไหม?”

หญิงงามอมโรคมองดูเย่ว์หยางในทำนองขบขัน

“เราคุยเรื่องอาการของท่าน เราคุยกันถึงเรื่องหาวิธีรักษาท่าน”

เย่ว์หยางทำตัวเป็นเด็กว่าง่ายในตอนนี้ ในความเป็นจริง เขากำลังคิดถึงเรื่องที่หญิงงามลึกลับพูด

“ข้าต้องการให้เจ้าเป็นคนเลวชั่วครู่หนึ่ง”

อยู่ในใจของเขา สิ่งที่นางให้คำนิยามว่า “คนเลว” เย่ว์หยางเข้าใจได้อย่างแน่นอน

ดวงตากลมโตของหญิงงามอมโรคมีขนตางอนยาว นางลืมตาเป็นประกายทันทีแล้วโพล่งออกมาลอยๆ ว่า

“เปล่าประโยชน์ที่จะทำอย่างนั้น มีแต่จะทำให้เรื่องราวซับซ้อนขึ้นไปอีก อย่าไปฟังนาง”

เย่ว์หยางไม่เข้าใจ

“อะไรนะ?”

หญิงงามอมโรคโบกมือเบาๆ

“เจ้าเรียนวิธีแปลงสัตว์อสูรเป็นเกราะมาด้วยหรือ?”

พอได้ยินนางเปลี่ยนหัวข้อสนทนา ภาระที่หนักอึ้งในหัวใจของเย่ว์หยางก็ถูกยกขึ้น เขารีบส่ายหน้าและพูดว่า

“ข้าเข้าใจแค่บางส่วน แต่บางทีข้าคงต้องคลำทางและค้นคว้ากันอีกนานเพื่อฝึกให้มันแปลงเป็นเกราะได้จริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังไม่รู้ว่าสัตว์อสูรแปลงชนิดใดที่ดีที่สุดสำหรับตัวข้า”

หญิงงามอมโรคตอบเขาด้วยคำตอบอย่างดีที่สุด

“อสูรร่างมนุษย์มีศักยภาพและปัญญาสูงที่สุดจะมีโอกาสสูงที่จะผสานร่างได้สำเร็จ อสูรที่มีพลังต่อสู้สูงจะมีความยากลำบากในการผสานร่างสูงมาก เจ้าแค่ลองผสานกับสัตว์อสูรระดับต่ำก่อน ความจริงพลังของตัวเจ้าตื่นขึ้นแล้วเช่นกัน เจ้าแค่ไม่รู้วิธีใช้ บางทีเจ้าคงต้องการให้มีผู้แนะนำเจ้า.. เจ้าค่อยมาอีกครั้งเมื่ออาการข้าดีขึ้นหลังจากผ่านไป 2-3 วัน! โอว, จริงสิ เชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆพูดว่าทุกคำที่หลุดออกมาจากปากของเจ้าเป็นคำโกหกทั้งนั้น แต่ข้าคิดว่าเจ้าซื่อสัตย์ตรงไปตรงมานะ เจ้าแค่เหมือนกับแกล้งเป็นคนขี้โกง มันไม่ดีมากๆ เลยที่เจ้าจะปกปิดจิตวิญญาณของเจ้าอย่างนี้ มันจะมีผลต่อการฝึกฝนของเจ้า นั่นคือเหตุผลที่ทำให้เจ้าเผชิญกับศัตรูแข็งแกร่งในวิหารเทพสตรี ถ้าเจ้าเข้าใจตรงจุดนี้ดี วิหารเทพสตรีก็จะเป็นด่านที่ผ่านได้ง่ายที่สุดสำหรับเจ้า!”

เย่ว์หยางตะลึงค้างเมื่อได้ยินเช่นนี้

“ค่อยมาอีกครั้ง หลังจากผ่านไป 2-3 วัน ตอนนี้ข้าเหนื่อยมากแล้ว...”

หญิงงามอมโรคหลับตาลงอย่างอ่อนเพลีย เย่ว์หยางค่อยๆ เอาผ้าห่มคลุมให้นาง และขณะที่เตรียมตัวจะหมุนตัวเดินออกไป ทันใดนั้นหญิงงามอมโรคก็ถามขึ้นมาโดยไม่ลืมตาว่า “เจ้าคิดว่าข้ากับอู๋เสียมองดูคล้ายกันไหม?”

“อะไรนะ?”

เย่ว์หยางไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงถามเรื่องนั้น จะทดสอบอย่างนั้นหรือ?

“ไม่มีอะไร, เจ้าไปได้แล้ว!”

หญิงงามอมโรคไม่ได้ลืมตานาง แต่นางยิ้มเป็นนัยๆ เหมือนกับว่านางกำลังแอบหัวเราะ

นี่ยิ่งทำให้เย่ว์หยางสับสนหนักขึ้นไปอีก จริงๆ แล้วนางหมายความว่าอย่างไรที่อยู่ๆ ก็ถามคำถามเหล่านี้ขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย?

หลังจากนั้น นางยังแอบขำ ช่างทำให้คนงุนงงจริงๆ

เมื่อเย่ว์หยางออกมานอกประตู หญิงงามลึกลับกำลังรออยู่ข้างนอก

ถึงนางไม่ได้รอให้เย่ว์หยางพูด แต่ดวงตาของนางฉายแววเหมือนกับหญิงงามอมโรคที่อยู่ในห้อง ขณะที่นางถามเย่ว์หยางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

“ไปเดินเล่นกันหน่อยได้ไหม?”

เห็นได้ชัดว่าเย่ว์หยางรับปากอย่างมีความสุข

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ ไม่ได้สร้างปัญหาอะไร พวกนางนั่งปรึกษาเรื่องบางเรื่องกันอยู่ในอีกห้องหนึ่ง

พอเห็นเย่ว์หยางและหญิงงามลึกลับเดินออกไป เจ้าเมืองโล่วฮัว, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่ทุกคนมองตามพวกเขาอย่างเลื่อนลอย

หลังจากเดินเล่นพร้อมกับหญิงงามลึกลับไปรอบๆ สวนได้ครู่หนึ่ง เย่ว์หยางเตรียมตัวจะถามสถานะที่แท้จริงของนางที่เขาสงสัยอยู่ อย่างไรก็ตาม จู่ๆ หญิงงามลึกลับก็หันมาทางเขาแล้วถามว่า

“ความจริง เจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นใครแล้วใช่ไหม?”

“ไม่, ข้าไม่รู้จริงๆ”

เย่ว์หยางรีบแกล้งตีหน้าเซ่อ

“อย่างนั้นเจ้าจะอธิบายเรื่องนั้นได้อย่างไร?”

หญิงงามลึกลับรีบเปลี่ยนคำถามไปอีกคำถามหนึ่ง

“เรื่องอะไรหรือ?”

หัวใจเย่ว์หยางเต้นผางทันที ตรงนี้เอง ในที่สุดเวลาก็มาถึง เขายังสืบเรื่องนั้นได้ไม่จบ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถตอบได้ทั้งหมด

“ช่างมันเถอะ, เราไม่ได้ทำความคุ้นเคยกันในช่วงเวลานั้น แม้ว่ามันจะจริง ข้าจะไม่ตำหนิเจ้า ยิ่งกว่านั้น เรื่องนั้นก็เป็นเท็จด้วย”

หญิงงามลึกลับดูเหมือนไม่ต้องการคุยเรื่องนั้นต่อ อย่างไรก็ตาม คำพูดต่อไปของหญิงงามลึกลับแทบทำให้หัวใจของเย่ว์หยางกระดอนออกมานอกตัว

“เจ้าชอบใครมากกว่ากัน ระหว่างพี่โล่วฮัวกับเชี่ยนเชี่ยน?”

คำถามนี้คือกับดัก! มันจะไม่นำไปสู่การจบเรื่องที่ดี หากเขาตอบเพียงคนใดคนหนึ่ง

เย่ว์หยางได้แต่แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำถาม

ถ้าเป็นไปได้ เย่ว์หยางต้องการบอกนางว่าความจริงเขาชอบความลึกลับของนางมาก... เย่ว์หยางจะอ้าปาก แต่ในที่สุด คำพูดเหล่านั้นก็มากระจุกอยู่ที่คอของเขา ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาพูด เขาเป็นคนที่มาจากโลกอื่น สถานะของเขายังคงสุ่มเสี่ยงต่อเนื่อง ถ้าเย่ว์ชิวไม่ตายจริงๆ หรือว่ามารดาของสหายผู้น่าสงสารกลับมาได้จริงๆ

เขายังจะซ่อนเร้นสถานะจากบิดามารดาของสหายผู้น่าสงสารได้อีกหรือ? ถึงตอนนั้น ความสัมพันธ์ของเขากับหญิงสาวเหล่านี้จะเป็นอย่างไร? ยกเว้นแต่พวกนางชอบเขาจริงๆ เพราะเขาอยู่ในสถานะบุตรของเย่ว์ชิว เย่ว์หยางไม่สามารถสัญญาอะไรกับพวกนางได้ นี่ยังคงเป็นเหตุผลที่เย่ว์หยางยินดียอมรับอี้หนานมากกว่า

อี้หนานชอบเขาอย่างที่เขาเป็น ความรู้สึกของนางไม่ได้มีอะไรเกี่ยวกับสถานะของเขา

พวกเขาทั้งคู่ไม่รู้จักกันมาก่อน เป็นคนแปลกหน้าที่บังเอิญมาพบกันและค่อยๆ กลายเป็นความรักกันและกัน แม้ว่าความรู้สึกที่พวกเขามีต่อกันจะไม่มากขนาดสามารถเกี่ยวก้อยขึ้นสวรรค์ก็ตาม แต่อี้หนานก็รักเขาแน่นอน

แม้ว่าเขาจะไม่ใช่สหายผู้น่าสงสาร แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในฐานะทายาทของตระกูลใหญ่ทั้งสี่ และแม้ว่าเขาจะไม่มีสถานะเป็นบุตรชายของเย่ว์ชิว นางก็จะยังชอบเขา เย่ว์หยางเชื่อใจอี้หนานแน่นอน ในทางตรงกันข้าม ถ้ามีสักวันเมื่อคนอื่นๆ พบความเรื่องสถานะของเขาและเขาไม่ได้อยู่ในสถานะของสหายผู้น่าสงสารอีกต่อไป องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามลึกลับจะยังปฏิบัติต่อเขาอย่างนี้หรือไม่?

ก็อาจจะทำก็ได้ แต่เย่ว์หยางไม่มั่นใจเต็มร้อย

เขามีเวลาน้อยเกินไปกว่าที่จะได้โต้ตอบสื่อสารกับพวกนาง เขาต้องใช้เวลากับพวกนางมากขึ้น ได้สัมผัสสิ่งใหม่ๆ พร้อมกับพวกนาง ก่อนที่เขาจะรู้สึกมั่นใจความรู้สึกที่พวกนางมีต่อเขา

“เจ้ากำลังคิดมากเกินไป ความจริง ข้าไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด..”

เสียงของหญิงงามลึกลับแผ่วลงจนแทบจะไม่ได้ยิน

“เราทุกคนเป็นหญิง เราไม่ต้องการเอาตัวเองไปพัวพันเรื่องการปกครองและเราก็ไม่ต้องการชื่อเสียง นอกจากการฝึกตัวแล้ว เราไม่มีเวลาทำอย่างอื่น... เรา.. เราทุกคนก็รักสันโดษเหมือนกับเจ้านั่นแหละ บางทีพวกเรามาอยู่ด้วยกันก็เพราะเรื่องนั้น เพราะเรารู้สึกว่าเราตกอยู่ในสถานการณ์ที่เหมือนกัน... ไม่ว่าจะเป็นโล่วฮัว, เชี่ยนเชี่ยนหรือว่าข้า เราไม่มีการแสดงออกที่ดีนัก เราทุกคนงุ่มง่ามกับความรู้สึกของตนเอง แน่นอน เจ้าก็เหมือนกัน เราทั้งคู่ปกป้องตัวเองกับกันและกัน เกรงว่าจะทำร้ายกลุ่มอื่น และยังกลัวถูกทำร้ายในขณะเดียวกัน... ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว เรายังมีทางข้างหน้าอีกยาวไกล ค่อยๆ ก้าวไปก็แล้วกัน!”

“ความจริง, ข้าก็มีเหตุผลของตนเอง”

เย่ว์หยางรู้ว่าหญิงงามลึกลับพูดเตือนเป็นนัยให้รู้ว่า เขาก็เป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง แต่เขากลับไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบที่ดีพอ ทั้งที่ความจริงแล้วเย่ว์หยางตื่นตัวและมีปฏิกิริยาโต้ตอบมาก ตัวอย่างเช่น เขาไม่ตระหนี่ความพยายามเลยเมื่อไล่ตามจีบอี้หนาน อย่างไรก็ตาม องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัวและหญิงงามลึกลับทุกคนมีสถานะที่พิเศษมาก อาจจะไม่มีปัญหากับพวกนางในตอนนี้ แต่ในอนาคต เมื่อพวกนางรู้ความจริง เย่ว์หยางไม่สามารถจินตนาการถึงผลสุดท้ายที่จะเกิดตามมา

เขาไม่อาจพูดได้ว่าเขาไม่ใช่คนในโลกนี้ เขาเพียงแต่สวมสถานะของอีกคนที่อยู่ในโลกนี้

ถ้าเขาพูดคำนี้ออกไป ทุกอย่างก็เป็นอันจบลง

เมื่อหญิงงามลึกลับได้ยินคำนี้ นางมองดูเย่ว์หยางด้วยนัยน์ตาที่กระจ่างดุจน้ำใส ก่อนจะหัวเราะคิกคักออกมาฟังดูเหมือนเสียงสายน้ำไหลเอื่อยๆ

“ความลับหรือ? ใครเล่าไม่มีความลับ? สักวันเจ้าจะเข้าใจว่าสิ่งเหล่านั้นไม่สำคัญเลย... กลับกันเถอะ เจ้ายังต้องแข่งขันตอนบ่ายนี้”

เย่ว์หยางสามารถเข้าใจจิตใจของหญิงงามลึกลับได้ดีขึ้นแล้วในตอนนี้ นางเหมือนบอกเป็นนัยๆ ว่าไม่ว่าเย่ว์หยางจะมีความลับอะไร นางจะไม่สนใจเลย

อย่างไรก็ตาม นางจะไม่ใส่ใจหรือ ถ้าเขาบอกนางว่าเขาเป็นคนมาจากโลกอื่นและเข้ามาสวมสถานะแทนคนอีกคนหนึ่งที่อยู่ที่นี่

เย่ว์หยางไม่มีความมั่นใจแม้แต่น้อย เมื่อเขาคิดเรื่องนั้นในทำนองนี้

เขามองหน้าหญิงงามลึกลับที่มีผ้าบางคลุมอยู่ มองด้วยความรู้สึกขออภัย เย่ว์หยางมีความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจของเขา มีสาวงามอยู่มากในทวีปมังกรทะยาน แต่นางเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุดที่เขาเคยพบมาในชีวิต... นางเข้ากับเขาได้ดี พวกเขาเข้าใจกันและกันได้โดยไม่ต้องสื่อสาร นางผ่านประสบการณ์ร่วมเป็นร่วมตายกับเขามาแล้ว พอเห็นนางเป็นแบบนี้ เย่ว์หยางรู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่พิเศษ เหมือนกับว่านางเป็นคนที่พรหมลิขิตมาแล้วให้อยู่ร่วมกับเขาตั้งแต่ชาติปางก่อน

แต่เพราะเรื่องนั้น เย่ว์หยางยิ่งกลัวว่าจะเสียนางไปมากกว่าเดิม กลัวว่านางจะไปจากเขา

ดังนั้น เขาจะรักษาความลับที่ว่าเขามาจากโลกอื่นไว้ เขาจะไม่บอกความจริงกับนาง ต่อให้เขาตายก็ตาม

เมื่อเวลาสุกงอมได้ที่ เขาจะพานาง, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเจ้าเมืองโล่วฮัวไปหอทงเทียนและไปจากทวีปมังกรทะยาน เขาจะละทิ้งตัวตนในอดีตและไปใช้ชีวิตใหม่

แน่นอนว่า นั่นต้องอยู่ภายใต้สมมติฐานที่ว่าเขามีพลังที่แข็งแกร่งมากแล้ว

“ถึงเจ้าไม่พูดอะไร แต่ข้าก็รู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่!”

หญิงงามลึกลับพยักหน้าขณะที่โบกมือให้เย่ว์หยาง

“ข้าจะไปก่อนนะ เจ้าค่อยไปพร้อมกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ ข้าจะกลับไปและคิดหาวิธีให้เจ้าผ่านด่านวิหารเทพสตรีให้ได้...”

“ให้ข้าเรียกเจ้าว่าอู๋เสียได้ไหม?”

เย่ว์หยางถามก่อนที่นางจะเข้าประตูเทเลพอร์ต

“ปากเป็นของเจ้าอยู่แล้ว ข้าห้ามเจ้าได้เสียเมื่อไหร่?”

หญิงงามลึกลับยิ้มขณะที่หันกายเดินจากไป ยิ้มของนางเหมือนรังสีดวงอาทิตย์ฉายทะลุก้อนเมฆส่องเข้ามาถึงในหัวใจเย่ว์หยางได้ มันสลายภาระหนักอึ้งในหัวใจเย่ว์หยางได้ ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายและเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ใช่แล้ว ชีวิตเขานี้จะต้องมีหญิงสาวผู้รักการอ่านหนังสือผู้นี้แน่นอน ไม่ว่าเขาจะมีสถานะเช่นไร เขาจะไม่มีทางปล่อยนางไป นางจะต้องเป็นของเขาคนเดียว!

นางก็อนุญาตให้เขาตามจีบนางแล้ว อย่างนั้นทำไมเขาจะต้องลังเลอีก? เขาควรจะทุ่มเทความรักที่โรแมนติคให้กับนางถึงจะถูก

จะสนใจไปไยเรื่องสถานะของเขา

ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาชอบนาง เขาไม่สนเรื่องสถานะของนางหรือว่าเรื่องคนรอบข้างจะมีปฏิกิริยาเช่นไร เขาคงต้องโดนเทวทัณฑ์แน่นอนหากปล่อยให้ผู้หญิงดีๆ ต้องหลุดมือไป

เขาจะไม่ยอมแน่นอน เนื่องจากเขาชอบนาง เขาต้องจีบนางให้สำเร็จและทำให้นางอยู่กับเขาตลอดชีวิต

ตลอดไป

ขณะที่ปมในหัวใจของเย่ว์หยางได้รับการคลี่คลายแล้ว หน้าของเขาจึงเริ่มมีรอยยิ้มขณะที่เขาโบกมือลาหญิงงามลึกลับ “คนสวย! อดทนรอหน่อยนะ สักวันข้าจะบอกเจ้า”

ดูเหมือนเย่ว์หยางได้รอยยิ้มที่มีความมั่นใจกลับคืนมาแล้ว องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกหึงขึ้นมาในใจทันที

นางฉุดเย่ว์หยางมาอยู่ข้างๆ และถามว่า

“พวกเจ้าคุยอะไรกัน?”

“เจ้าอยากรู้ไหมล่ะ?”

เย่ว์หยางยื่นเงื่อนไข

“ถ้าแม่เสือสาวยอมจุ๊บข้านิดนึง อย่างนุ่มนวล ข้าอาจจะบอกเจ้าก็ได้”

“ฝันไปเถอะ”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้สึกมันเขี้ยวอีกครั้ง อยากจะกัดและทุบเจ้าเด็กนี่ให้เละ อย่างไรก็ตาม เจ้าเมืองโล่วฮัว, เย่ว์หวี่และเย่ว์ปิงทุกคนต่างแอบมองพวกเขา ดังนั้นนางไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ นางได้แต่ลดเสียงเตือนเขาเบาๆ

“เจ้าเด็กตัวร้าย อย่าให้ข้ามีโอกาสเชียวนะ ไม่งั้นข้าทุบเจ้าแน่ๆ”

เย่ว์หยางหัวเราะเมื่อได้ยินนางพูด

“องค์หญิง! นอกจากท่านเป็นฝ่ายรุกใส่ข้า ข้าไม่กลัวอะไรทั้งนั้น”

เจ้าเมืองโล่วฮัวถึงกับหัวเราะลั่นเมื่อเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโกรธจนหน้าแดง นางหัวเราะจนไหล่ไหวคลอน

นางลอบยกนิ้วให้เย่ว์หยาง

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่รั้งอยู่เพื่อคอยดูแลหญิงงามอมโรคผู้เชี่ยวชาญในการปลุกพลังให้อสูรแปลงร่างเป็นเกราะ พวกนางไม่ได้ตามเย่ว์หยางกลับไปที่เกาะก้วนจวิน

เจ้าเมืองโล่วฮัวเป็นสตรีที่ใจกว้างมาก นางบอกว่าในฐานะเจ้าเมืองที่ดีนางควรจะช่วยสนับสนุนองครักษ์ส่วนตัวของนางให้เข้าแข่งขัน ดังนั้นนางจึงกลับไปพร้อมกับเย่ว์หยาง เย่ว์ปิงผู้ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นเหมือนก้างขวางคอก็กลับไปพร้อมกันด้วย

เย่ว์ปิงโชคดีอีกครั้งเมื่อจับสลากจัดอยู่ในกลุ่มดี ที่แทบไม่มีคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเลย

อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางกลับโชคร้าย

บรรดากลุ่มทั้งสี่ 1, 2, 3, 4 เขาจับได้กลุ่มสอง ซึ่งขนานนามว่าเป็นกลุ่มแห่งความตาย

บรรดาคนสิบคนในกลุ่มบี มีเสวี่ยทันหลางจากตระกูลเสวี่ย, ประมุขน้อยนิกายภูเขาหมอกไป๋หวินเฟย, องค์ชายสือจินศิษย์เอกนิกายเจดีย์ราชสีห์ตะวันตก, ทูตมังกรชังหลันหวี่แห่งนิกายปราสาทแก้วทะเลตะวันตก, เซี่ยเชียนเริ่นจากตระกูลเซี่ยและเลี่ยปันจากตระกูลเลี่ย เมื่อกลุ่มแห่งความตายนี้ถูกจัดขึ้นมา ผู้เข้าแข่งขันถึงกับสูดลมหายใจหนาวเหน็บโดยไม่ทันรู้ตัว สู้กันในกลุ่มนี้อาจจะหนักกว่ารอบชิงชนะเลิศเสียอีก

ฝ่ายผู้เข้าชมกลับตรงกันข้าม ที่มีแต่ความเบิกบานใจแทบคลั่ง ยิ่งยอดฝีมือสู้กันก็ยิ่งมีการแข่งขันที่ตื่นเต้นมากขึ้น

การต่อสู้นัดแรก เย่ว์หยางจับสลากพบกับเซี่ยเชียนเริ่นจากตระกูลเซี่ย ถ้าเขาชนะ เขาจะต้องเจอกับผู้ชนะระหว่างเสวี่ยทันหลางกับเลี่ยปัน เจ้าเมืองโล่วฮัวหัวเราะลั่นขณะที่นางตบไหล่เขา

“ข้าคิดว่าข้ารู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เชี่ยนเชี่ยนถึงได้สบถใส่เจ้าอย่างหนัก ฮ่าฮ่าฮ่า”

ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=245

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด