ตอนที่แล้วตอนที่ 217 พันแผล ผลงานชิ้นโบว์แดง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 219 ดาวข่มทั้งชีวิต

ตอนที่ 218 พนัน


แม้ว่าสามสาวจะเตรียมตัวฟังเรื่องราวของพวกเขาแล้ว แต่เมื่อพวกนางได้ฟังเรื่องจากเย่ว์ปิง พวกนางถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ตกใจจนขวัญแทบกระเจิง

เย่ว์ปิงไม่รู้ว่าผ่านด่านวิหารคนคู่มาได้อย่างไร แต่นางพูดว่าเมื่อพวกเขาผ่านด่านวิหารคนคู่ได้แล้ว นางก็รู้ว่าพี่ชายของนางบาดเจ็บหนักเสียแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อพวกเขาไปถึงวิหารกรกฎ ไม่เพียงแต่พี่ชายนางฟื้นจากอาการบาดเจ็บจนเกือบหมดแล้ว เขายังดำน้ำลงไปในวิหารกรกฎซึ่งอยู่ใต้น้ำและสังหารปูยักษ์หมื่นปีที่ตัวใหญ่พอๆ กับบ้าน เนื่องจากมันเป็นอสูรพิทักษ์วิหารกรกฎ เขาจึงได้รับมุกน้ำขึ้นน้ำลง เป็นสมบัติที่ตกลงมาจากตัวของปูยักษ์

นางไม่รู้ว่าเย่ว์หยางทำได้อย่างไร แต่โดยส่วนตัวแล้วนางเห็นว่าพี่ชายนางดึงซากปูยักษ์หมื่นปีขึ้นมาจากน้ำ

“หลังจากฆ่าปูยักษ์หมื่นปีแล้ว เราพักกันราวๆ ชั่วโมงหนึ่ง จากนั้นพี่สามก็พาข้ามุ่งหน้าไปวิหารที่ห้าต่อไป วิหารราชสีห์..”

เมื่อเย่ว์ปิงเล่าถึงตรงนี้ทั้งสามสาวแอบสบถใส่เย่ว์หยาง ทำไมเขาถึงได้ประมาทนัก? ทำไมเขาต้องฝืนฝ่าด่านต่อไปหลังจากผ่านด่านหนึ่งได้แล้ว? เป็นไปได้ไหมว่าเขาน่าจะออกมาก่อนแล้วแจ้งให้คนอื่นทราบแผนการของเขา ก่อนที่จะตะลุยด่านต่อไป?

“ต่อไปข้าจะไม่เอาใจใส่เจ้าอีกแล้ว”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนบ่นพึมพำขณะที่นางกำหมัดแน่น อยากจะซัดเย่ว์หยางให้เละ

“พวกเจ้าพูดว่าไงนะ?”

เย่ว์หยางพยายามแก้โบว์ผ้าพันแผลออกและระบายน้ำของเสียในร่างกายออกไปทำให้เขาได้ยินคำพูดพวกนางไม่ถนัด

“ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเจ้า!”

เจ้าเมืองโล่วฮัวรีบตอบ

“ปิงเอ๋อ! เล่าเรื่องของเจ้าต่อไป เมื่อเจ้าไปถึงวิหารราชสีห์ เจ้าเห็นอะไรบ้าง?” เย่ว์หวี่ขอให้เย่ว์ปิงเล่าเรื่องต่อ

“ที่วิหารราชสีห์แตกต่างจากวิหารกรกฎอย่างสิ้นเชิง วิหารกรกฎเต็มไปด้วยที่ลุ่มและบึง และวิหารกรกฎก็ตั้งอยู่ใต้น้ำ ข้าไม่สามารถช่วยอะไรพี่สามได้เลย แต่วิหารราชสีห์กลับตรงกันข้าม เป็นที่ราบมีทุ่งหญ้า ไม่ได้กว้างมากมายนัก มีหุบลึกบางส่วน และวิหารราชสีห์ตั้งอยู่บนหน้าผาสูง มีสิงโตชั้นทองแดงอยู่มากและมีสิงโตชั้นเงินอยู่บางส่วนอยู่บนทุ่งหญ้า พี่สามช่วยข้าสังหารสิงโตทั้งหมดและสิงโตชั้นเงินตัวเมียจะควักเอาผลึกเวทออกมา ในที่สุดพี่สามที่คอยช่วยสนับสนุนข้า ก็รู้ได้ว่า เขาสังหารราชสีห์ยักษ์ตัวหนึ่งและได้รับโล่ทองคำที่มีอักษรรูนโบราณสลักอยู่บนนั้น ... เราทั้งคู่เหนื่อยมากและเราต้องพักอยู่ในวิหารราชสีห์อยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่งฟื้นฟู เรี่ยวแรง จากนั้นพี่สามบอกว่า เราไม่สามารถผ่านด่านวิหารเทพสตรีได้ แต่เราอาจสำรวจเพื่อเก็บข้อมูลไว้ให้มากก่อนก็ได้.. คิดไม่ถึงเลยว่าทันทีที่เราเดินเข้าวิหารเทพสตรีเท่านั้น ประตูเทเลพอร์ตก็หายไปทันที สิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเราแทนก็คือบ้านของเราที่เมืองไป๋ฉือ มีแม่ ซวงเอ๋อและเงาของข้าอยู่ภายในบ้าน หลังจากที่พูดคำที่กระตุ้นให้เกิดอันตรายส่วนหนึ่งออกไป พวกนั้นก็เข้าโจมตีพวกเรา พี่สามแบกข้าขณะพยายามหลบหนี แต่เราหาเส้นทางหลบหนีไม่เจอไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่พี่สามบาดเจ็บเพราะถูกเงาของท่านแม่และซวงเอ๋อทำร้าย ข้าไม่สามารถทำอะไรได้เลย..”

เย่ว์ปิงเริ่มร้องไห้ขณะที่นางเล่าเรื่องราว

ตอนนี้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและคนอื่นๆ ก็เข้าใจได้ในที่สุด วิหารเทพสตรีเป็นด่านที่มุ่งทำร้ายจุดอ่อนในหัวใจของผู้ท้าประลอง

ใครกันเล่าในโลกนี้ที่เย่ว์หยางใส่ใจมากที่สุด

ก็คือครอบครัวของเขานั่นเอง

เขาเอาใจใส่แม่สี่และน้องสาวทั้งสองของเขามากที่สุด ดังนั้นวิหารเทพสตรี จึงมีเงาปรากฏออกมาถึงสาม แม้ว่าเย่ว์หยางจะแข็งแกร่งและแม้เขาจะรู้ว่าแม่สี่, เย่ว์ปิงและซวงเอ๋อน้อยในวิหารเทพสตรีจะเป็นตัวปลอม แต่เขาก็ไม่สามารถโจมตีใส่พวกนางได้ นอกจากนี้เงาทั้งหมดยังมีพลังแข็งแกร่งมาก นอกจากป้องกันตนเองแล้ว เย่ว์หยางยังต้องปกป้องน้องสาว นั่นคือสาเหตุทำให้เย่ว์หยางบาดเจ็บหนัก

โชคดีที่พวกเขาอดทนจนกระทั่งประตูเทเลพอร์ตเปิดออกอีกครั้งหนึ่ง มิฉะนั้น บางทีอาจเป็นเรื่องยากสำหรับเย่ว์หยางและเย่ว์ปิงที่จะปกป้องชีวิตตนเองไว้ได้

เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวและคนอื่นๆ คิดอย่างนี้ พวกนางอดที่จะแอบปลื้มใจไม่ได้

เย่ว์หยางหลับยาวไปจนถึงตอนเย็น นอกจากบาดแผลที่ยังไม่สมานตัวดีนักแล้ว สุขภาพเขาแข็งแรงดีเหมือนม้า เต็มไปด้วยพลัง

ถ้าทั้งสี่สาวไม่ได้เห็นเขากับตาตัวเอง พวกนางคงไม่มีทางเชื่อเรื่องความเร็วใจการฟื้นตัวของเขา

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทุบเย่ว์หยางเบาๆ อย่างสบายใจ

“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ คนดีๆ อายุสั้น ขณะที่คนเลวอยู่ได้เป็นพันปี เจ้าเด็กนี่ทั้งเลวทั้งร้าย จะมีอะไรเกิดขึ้นกับเขาได้อย่างไร”

แม้ว่าปากของนางจะพูดอย่างนั้นออกมา แต่นางชื่นชมพลังความเร็วในการฟื้นตัวของเย่ว์หยางอยู่ในใจ เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสที่นักรบปกติจะต้องใช้เวลาฟื้นตัวถึงครึ่งเดือน แต่เขากลับฟื้นตัวได้หลังจากนอนพักหนึ่งคืน แม้ว่าพวกนางจะช่วยกันรักษาอาการบาดเจ็บให้เขา แต่ระดับความเร็วในการฟื้นตัวแบบนี้ เร็วเกินไปหน่อยไม่ใช่หรือ? แน่นอน นางไม่รู้ว่าปราณก่อกำเนิดของเย่ว์หยางมีผลต่อความเร็วในการฟื้นตัวจากอาการบาดเจ็บของเขา

ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิด เย่ว์หยางรู้วิธีรักษาอาการบาดเจ็บได้มากมายจากพี่สาวในความฝันของเขา

นอกเหนือจากสุขภาพดั้งเดิมของเขาแล้ว ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับเขาที่จะฟื้นตัวได้รวดเร็วหลังจากผ่านไปวันหนึ่ง

“เราต้องไปแข่งขันในการประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนไม่ใช่หรือ? ไปกันเถอะ!”

เย่ว์หยางไม่เคยนอนอยู่บนเตียงเหมือนผู้ป่วยทั่วไป การท้าทายในวิหารเทพสตรีเทียบเท่ากับการต่อสู้ปีศาจในใจของเขา มันคงจะเป็นเรื่องยากที่จะผ่านด่านในตอนนี้ เขาตัดสินใจยกเลิกการประลองผ่านด่านวิหารเทพสตรีชั่วคราว

เขาตัดสินใจพาเย่ว์ปิงกลับเข้าไปแข่งขันในการประลองสุดยอดร้อยโรงเรียน เพื่อที่ว่าน้องสาวของเขาจะได้แสดงผลของการฝึกและทักษะของนาง

หลังจากผ่านด่านวิหารวัว, กรกฎและราชสีห์แล้ว เย่ว์หยางรู้สึกว่าเย่ว์ปิงก้าวหน้าไปมาก เหมือนกับว่านางได้เกิดใหม่เลยทีเดียว

นอกจากนี้ นางยังได้รับการฝึกทางจิตในวิหารคนคู่และวิหารเทพสตรี ดังนั้นเย่ว์หยางแน่ใจว่าน้องสาวของเขา จะสร้างความตื่นตะลึงต่อหน้าผู้ชมในการประลองสุดยอดร้อยโรงเรียน ขณะที่ตัวเย่ว์หยางเอง ถ้าเขายังไม่พบศัตรูที่แข็งแกร่งมาก ก็ยังจะไม่สู้ เขาขี้เกียจจะสู้กับศัตรูอ่อนแอ แน่นอนว่า ถ้าเขาได้พบกับนักสู้ระดับ 6 ที่ยังอายุเยาว์จากนิกายเขาหมอกหรือองค์ชายจากอาณาจักรสือจิน เย่ว์หยางจะไม่ถือสาที่จะให้บทเรียนกับพวกเขา และแสดงความสามารถของเขาให้พวกนั้นดู!

เขาคิดว่าเขาเป็นนักสู้ระดับ 6 อายุเยาว์ที่แข็งแกร่งแท้จริงอย่างนั้นหรือ

เขาคิดว่าเท่ห์ที่ได้เป็นองค์ชายอย่างนั้นหรือ?

คลื่นสึนามิแห่งความอิจฉาท่วมเต็มจิตใจของเย่ว์หยาง เขาไม่สนใจว่าคนพวกนี้จะเป็นใคร ตราบใดที่พวกเขาเป็นศัตรูความรักของเขา เขาก็จะคว่ำพวกนั้นให้หมด

แม้ว่าเขาจะยังไม่สามารถกุมหัวใจองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้ เขาก็ตัดสินใจแล้วว่า แม่เสือสาวนี่คือภรรยาในอนาคตของเขา ถ้าคนอื่นบังอาจคิดแทะเล็มนาง อย่างนั้นพวกมันก็เท่ากับหาที่ตาย

เย่ว์หยางคงไม่ยอมบ้าบอและทำตัวโง่ๆ เหมือนกับพระเอกในนิยายน้ำเน่าที่ทิ้งชีวิตรักของพวกเขาไปและสู้อย่างยุติธรรมกับบุรุษคนอื่น เขาจะละทิ้งความโง่เช่นนั้นเสีย และไม่เสียสละให้ผู้ชายอื่นๆ นอกจากนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาต้องการครอบครองสตรีที่เขารักทุกคน

เหตุผลเก้าในสิบส่วนที่เย่ว์หยางต้องการแข่งขันในการประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนก็คือ เอาชนะศัตรูความรัก และเหตุผลอีกหนึ่งส่วนก็คือสนุกกับการอวดฝีมือ

สำหรับรางวัลชนะเลิศ เย่ว์หยางไม่ได้คิดว่ารางวัลที่หนึ่ง จะมีราคานักเมื่อเทียบกับรางวัลที่เขาได้รับจากวิหารสิบสองนักษัตร

“เจ้าไม่เป็นอะไรจริงๆ หรือ?”

เจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงคิดว่าร่างกายของเจ้าเด็กนี่ผิดธรรมดาจริงๆ เขามีความยืดหยุ่นเหมือนกับแมลงสาบ เย่ว์หยางยิ้มเหมือนดาวร้ายขณะกระเถิบมาใกล้ๆ หูเจ้าเมืองโล่วฮัวและกระซิบว่า

“ไม่เป็นไร ไม่มีปัญหา ถ้าเราจะมีอะไรๆ กันในคืนนี้”

“หาเรื่องโดนทุบตีหรือไง?”

เจ้าเมืองโล่วฮัวหน้าแดงด้วยความเขินอายและพยายามจะหยิกปากของเขา

แต่นางจำตรงส่วนนั้นของเย่ว์หยางได้และนางรู้สึกเข่าอ่อนทันที มือนางสั่น ไม่ได้หยิกปากเย่ว์หยาง แต่เขากลับคว้ามือน้อยๆ ของนางแทน เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกว่ามือของเขาร้อนมาก เมื่อเขากุมมือนางอยู่นาน นางจะรู้สึกอึดอัดใจบ้างแต่ก็ยังรู้สึกถึงความรู้สึกที่แปลกแต่สบาย ตัวนางเริ่มสั่นขณะที่นางเริ่มดิ้นรน

“อย่าดึงมือข้า”

ทำกำไรเล็กๆ น้อยๆ จากนางได้สำเร็จแล้ว เย่ว์หยางรีบทำตัวเป็นเด็กดีทันที

“ใครก็ตามที่พยายามแตะต้องเจ้าเมืองคนสวยของข้า ข้าจะสู้กับพวกมันให้ถึงที่สุด!”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเกือบจะชกเย่ว์หยางให้กระเด็นไปถึงสวรรค์เก้าชั้นฟ้าเสียแล้ว เมื่อนางได้ยินคำนี้ เขาพยายามทำเจ้าชู้กับโล่วฮัวต่อหน้านางเชียวหรือ? เขาทำเกินไปจริงๆ!

เย่ว์หวี่ต้องรีบทำหน้าที่คนกลางและคอยรั้งไหล่ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไว้

“ไปกันเถอะ เราสายมากแล้ว ข้าคิดว่าเราจะไปร่วมพิธีเปิดงานการแข่งขันประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนไม่ทันเวลาได้นะ!”

ในความเป็นจริง ไม่ใช่แค่เย่ว์หยางและคนอื่นๆ จะพลาดพิธีเปิดการแข่งขันเท่านั้น พวกเขายังจะพลาดการแข่งขันนัดแรกไปด้วย เนื่องจากว่าถ้าพวกเขามาไม่ทันการแข่งขันนัดแรก พวกเขาก็จะถูกตัดสิทธิ์การแข่งขันไปโดยปริยาย

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เย่ว์หยางและเย่ว์ปิงจะถูกปรับแพ้การแข่งขัน แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่เริ่มสู้กันเลยก็ตาม

ตอนนี้ เย่ว์หยางและเย่ว์ปิงจะต้องผ่านการแข่งขันรอบคัดเลือก สามนัดก่อนและต้องชนะอย่างน้อยสองในสามเพื่อผ่านเข้าไปแข่งขันในรอบยอดนักเรียน เกี่ยวกับเรื่องที่เย่ว์หยางเข้าร่วมแข่งขันสุดยอดนักเรียนไม่ทัน อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าที่นำทีมของสถาบันของเขาร่วมแข่ง ไม่ติดใจเรื่องนั้น มันก็แค่ทำให้เขาเสียหน้าต่อหน้าเพื่อนเก่านิดหน่อย เพราะลูกศิษย์ของเขาหนีการแข่งขันและถูกตัดสิทธิ์ในการแข่งขันนาทีสุดท้าย

โชคดีที่สถาบันฉางชุนเฉิงมักจะเป็นที่รู้จักกันดีว่าได้ผลการแข่งขันที่ย่ำแย่ ดังนั้นทุกคนจึงไม่รู้สึกว่านักเรียนสถาบันฉางชุนเฉิงยอมแพ้ในการแข่งขันเป็นเรื่องแปลกแต่ประการใด

แต่ถ้านี่เป็นนักเรียนของสถาบันฉางจิงแทน ตลอดทั้งทวีปมังกรทะยานอาจแตกตื่นกับข่าวนี้ก็ได้

การแข่งขันประลองสุดยอดร้อยโรงเรียนครั้งนี้ ไม่ได้จัดขึ้นที่อาณาจักรต้าเซี่ยเหมือนตามปกติ

สถานที่ถูกเปลี่ยนไปจัดที่เกาะก้วนจวินในอาณาจักรเทียนหลัว

ในที่สุดเมื่อเย่ว์หยางและคนอื่นๆ มาถึงเกาะก้วนจวินซึ่งตั้งอยู่กลางมหาสมุทรกว้างใหญ่ ทั้งสี่ด้านมีแต่ทะเลปะการังล้อมรอบ ใกล้เวลารุ่งเช้าแล้ว เย่ว์หยางและคนอื่นๆ เข้าไปพักในที่พักของนักรบ ทุกคนต่างก็หลับรวดเดียวจนกระทั่งสายก่อนจะตื่นขึ้นมากินอาหารเช้าในเวลาที่สายกว่าปกติ เย่คงและเจ้าอ้วนไห่เข้ามาเยี่ยมเย่ว์หยางพร้อมกับนำข่าวดีและข่าวร้ายอย่างละหนึ่งมาบอกเขา

ข่าวดีก็คือ เย่คงและคนอื่นๆ ฝึกกันหนักมาก พวกเขาชนะการแข่งขันประเภททีมได้โดยไม่มีเย่ว์หยาง

ข่าวร้ายก็คือ เพราะเย่ว์หยางมัวแต่ขี้เกียจลุกจากเตียง เขาจึงขาดการเข้าร่วมประลองรอบคัดเลือกรอบแรก

ในฐานะที่เย่ว์หยางถูกบันทึกประวัติไว้ว่าถูกปรับแพ้อีก 2 นัดในรอบเดียวกัน ตอนนี้นักเรียนฝีมือดีเกือบทั้งหมดในเกาะก้วนจวินต่างก็ได้ยินชื่ออันยิ่งใหญ่ของสถาบันฉางชุนเฉิงแล้ว นอกจากนี้ทุกคนยังมอบฉายาให้เย่ว์หยางผู้ลงทะเบียนในนามว่าไตตันว่า เจ้าขี้ขลาด

“ข้ายังไม่ได้แสดงฝีมืออะไรเลย พวกเจ้าก็เอาฉายาคนขี้แพ้มาให้ข้าเสียแล้ว”

เย่ว์หยางไม่ยอมถูกข่มเหงได้ง่ายๆ เขาไม่ใช่คนที่มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่จะยอมปล่อยให้เรื่องเล็กน้อยผ่านไปได้ ดังนั้นเขาจึงคิดหาวิธีรังแกคนอื่นๆ ระหว่างการแข่งขันช่วงบ่าย

สำหรับเย่ว์ปิงที่ขาดหายไปไม่มาแข่งขันรอบคัดเลือกของนาง นางรู้สึกผิดและอายที่ทำให้สถาบันฉางชุนเฉิงต้องขายหน้า อย่างไรก็ตาม นางจะยอมรับฟังพี่ชายนางไม่ว่ายังไงก็ตาม ถ้าพี่ชายนางไม่ได้แข่ง ก็เป็นไปได้ว่านางจะไม่เข้าแข่งในรายการของนาง

“ฮุยไท่หลางเป็นอสูรที่ไม่ได้ทำสัญญาไว้ ดังนั้นมันจึงไม่อาจมีส่วนร่วมในการแข่งขันได้ เจ้าตั้งใจจะใช้นางพญากระหายเลือด อสูรระดับแพลตตินัมไปขู่ขวัญให้คู่ต่อสู้ของเจ้ากลัวจนตายงั้นหรือ?”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เพิ่งจะตื่นขึ้นมา นางเหยียดร่างกายที่งดงามของนาง

“อา..”

เย่ว์หยางคิดทบทวนอีกและตระหนักว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพูดถูก เขาไม่มีอสูรใดๆ ที่เหมาะจะนำไปแสดงต่อหน้าคนอื่นๆ

นางพญากระหายเลือด, โคเงา, ปีศาจดอกหนาม, อสูรทองน้อย เขาไม่มีอสูรใดๆ ที่เหมาะจะนำมาแสดงต่อหน้าชาวโลกที่เหลือได้ สำหรับเสี่ยวเหวินหลี นั่นก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เย่ว์หยางไม่ยอมให้คนอื่นๆ รู้เรื่องของเธอแน่นอน เย่ว์หยางเป็นทุกข์อย่างยิ่ง หนูเบญจธาตุค้นสมบัติก็ไม่มีพลังต่อสู้แม้แต่น้อย ขณะที่ภูตควันไฟก็ยังไม่เชื่อฟังคำสั่งเขา เขาจะทำอะไรได้? จะไปซื้ออสูรสวะตามท้องถนนเหมือนครั้งก่อนหรือ?

เขาจะต้องการอสูรสวะไปเพื่ออะไรกัน? ทันใดนั้นเย่ว์หยางตีศีรษะตนเอง เขายังมีลูกตั๊กแตนมรณะตัวนั้นอยู่ไม่ใช่หรือ?

แม้ว่ามันยังอยู่ในไข่ แต่มันก็เป็นอสูรชั้นทองตัวหนึ่ง

เมื่อเย่ว์หยางล้วงไข่ตั๊กแตนมรณะออกมา ทุกคนต่างก็ทำหน้าตาประหลาด เขาจะทำได้ทันเวลาหรือ หากเขาจะเริ่มให้มันปฏิสนธิในตอนนี้?

แม้ว่าเขาจะทำให้มันปฏิสนธิได้สำเร็จ แต่ลูกตั๊กแตนมรณะจะทำอะไรได้?

“เรายังคงมีเวลาอีกสองชั่วโมงไม่ใช่หรือ? ถ้าข้าใช้ช่วงเวลานี้บ่มเพาะมันอย่างถูกต้องก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้!”

เมื่อเย่ว์หยางพูดเช่นนี้ เย่คง, เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นๆ ต่างล้มระเนระนาดลงกับพื้น แม้แต่สองศรีพี่น้องตระกูลเย่ว์ที่เชื่อฟังเย่ว์หยางมากที่สุดก็ยังไม่มีความมั่นใจในตัวเขา

“นักเรียนเย่ว์หยาง! ถ้าเจ้าทำให้มันฟักตัวและวิวัฒนาการมันได้ภายในสองชั่วโมง ข้าจะยอมเปลี่ยนมาใช้นามสกุลเจ้าเลย!”

องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหัวเราะลั่นเมื่อได้ยินเขาพูด

“ข้าจะพนันกับนาง ข้าสนับสนุนเจ้า!”

เจ้าเมืองโล่วฮัวพยายามสนับสนุนเย่ว์หยางด้วยกำลังทั้งหมดของนาง จะอย่างไรก็ตาม ไม่ว่านางจะชนะหรือแพ้พนัน นางก็จะไม่เสียเปรียบในขณะที่นางเป็นผู้ชมดูคนหนึ่ง

“ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าจะต้อง.. ถ้าเจ้าแพ้ เจ้าต้องแก้ผ้าวิ่งไปรอบๆ นะ!”

ตอนแรกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนต้องการจะบอกให้เย่ว์หยางเปลี่ยนนามสกุลของเขามาใช้ของนาง แต่เมื่อนางคิดดูอีกครั้ง นางรู้สึกว่าไม่ค่อยเหมาะสม นางไม่ต้องการให้เรื่องล้อเล่นของนางกลายเป็นเรื่องจริงจัง

นางเกรงว่าเจ้าเด็กนี่จะทำแบบนั้นจริงๆ ถ้าเขาไม่ยอมรับการพ่ายแพ้ ดังนั้น นางจึงขอให้เย่ว์หยางแก้ผ้าวิ่งรอบๆ แทน การแก้ผ้าวิ่งเป็นสิ่งที่เย่ว์หยางเคยใช้หยอกล้อนางมาก่อน ดังนั้นนางจึงถือโอกาสนี้เอาคืนกับเขา ให้เขาเป็นฝ่ายต้องทำให้นางขบขันบ้าง

“จะดูถูกข้ากันไปหน่อยละมั้ง?”

เย่ว์หยางชักจะฮึด แสดงสีหน้าบ่งบอกชัดเจนว่า

“ถ้าข้าบอกว่ามันเป็นไปได้ ก็ต้องเป็นไปได้สิ”

“เจ้าสามารถเพาะเลี้ยงสัตว์อสูรได้ภายในสองชั่วโมงหรือ?”

พอเห็นว่าเขาเต็มไปด้วยความเชื่อมั่น ทุกคนชักจะลังเล เนื่องจากเขาเป็นคนที่ไม่ธรรมดา เรื่องนี้อาจจะเป็นไปได้

ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=238

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด