ตอนที่แล้วตอนที่ 170 ภูมิปัญญาโบราณ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 172 ฮุยไท่หลางคลั่ง

ตอนที่ 171 อักขระโบราณลึกลับ เพิ่มระดับอัศจรรย์


สิ่งที่เจ้าเมืองโล่วฮัวเห็นคือรังสีแสงประกายรุ้งปรากฏอยู่บนหัวของเย่ว์หยางฉายตรงไปที่วงแหวนรอบอักขระบนอักขระโบราณ

นางไม่สามารถเห็นอะไรได้ชัด แสงรัศมีนั้นอาจเป็นเพียงรัศมีแสงสีรุ้ง แต่มันอาจเป็นร่างของอสูรพิทักษ์ตนหนึ่งก็ได้

ขณะที่เจ้าเมืองโล่วฮัวจะถามถึงมัน นางก็รู้ได้ว่านัยน์ตาของเขาหลับอยู่และร่างของเขาลอยขึ้นไปในอากาศ ลมหายใจแผ่วเบาสงบ เหมือนกับว่าเขากำลังหลับ

นางไม่เห็นคัมภีร์ของเขา แต่นางเห็นโล่คัมภีร์กางคลุมรอบตัวของเขา แสงลายเส้นทองฉายออกมาอย่างต่อเนื่อง ก่อเป็นลำแสงสูงหลายสิบเมตรฉายตรงไปที่วงแหวนอักขระโบราณด้านบนยอดเขา

ยามนี้ วงแหวนรอบอักขระยักษ์เปล่งเสียงประหลาดออกมา พร้อมกับรังสีขาวสว่างเหมือนแสงอาทิตย์ใกล้รุ่ง สวยงามเกินเปรียบปาน

เมื่อลำแสงสีทองฉายไปโดนวงแหวนรอบอักขระโบราณ ตัววงแหวนดูเหมือนจะได้รับพลังงานมหาศาล แสงสีขาวที่เปล่งออกมาขยายใหญ่เป็นสิบเท่ากว่าแต่ก่อน กลายเป็นแสงที่ทำให้เจ้าเมืองโล่วฮัวและนางพญากระหายเลือดลืมตาไม่ขึ้นแม้แต่น้อย

วงแหวนอักขระโบราณเปล่งเสียงไพเราะลึกลับและสูงส่ง ก่อนที่จะเริ่มผสานกัน

เจ้าเมืองโล่วฮัวพยายามใช้มือบังแสงเอาไว้ และมองผ่านร่องนิ้ว นางเห็นอักขระสีทองและขาวนับไม่ถ้วนร่วงหล่นมาจากท้องฟ้า อักขระโบราณสีขาวในท้องฟ้า

แต่เดิมมีขนาดใหญ่มากเปลี่ยนขนาดเล็กลงอย่างรวดเร็ว ในทางตรงกันข้าม อักขระโบราณสีทองที่เดิมทีมีขนาดเล็กกว่า ก็ขยายใหญ่ขึ้นทันทีจนสัมผัสลำแสงสีทอง อักขระโบราณที่นับไม่ถ้วน ดูลึกลับบินอยู่ในท้องฟ้าเหมือนกับมันเต้นตามจังหวะเพลง พวกมันร่วงลงมากับพื้นด้วยความงามหาที่เปรียบมิได้ ในที่สุด ก็เข้าไปในตัวของเย่ว์หยางและหายไปโดยไม่มีร่องรอย

อักขระโบราณที่เล็กมากลอยตรงมาที่ตัวของเจ้าเมืองโล่วฮัว

อย่างไรก็ตาม พวกมันไม่ได้เข้าไปในตัวเจ้าเมืองโล่วฮัวได้ง่ายเหมือนอย่างวิธีที่พวกมันเข้าไปในตัวของเย่ว์หยาง ในทางตรงกันข้าม พวกมันพวกมันชนกับอักขระตัวอื่นและกระเด็นกระดอนออกไป และลอยกลับไปบนท้องฟ้าอีกครั้ง

บรรดาอักขระโบราณเหล่านี้ มีส่วนน้อยที่เข้าไปในตัวของเจ้าเมืองโล่วฮัวได้สำเร็จ จะมีก็ที่หน้าผาก หัวใจและฝ่ามือ

เจ้าเมืองโล่วฮัวรู้สึกสะดุ้งเฮือกไปทั้งตัว

มีพลังงานบริสุทธิ์ยิ่งใหญ่กระจายเข้าหน้าผาก หัวใจและมือของนาง และเข้ามารวมกันภายในร่างกายของนาง ราวกับว่าชำระล้างร่างกายของนางทั้งหมด มีพลังงานมากที่มันเกือบระเบิดออกมาจากร่างกายของนาง แต่ในที่สุดมันไปรวมอยู่ตรงกลางท้องนาง นางรู้สึกว่าวงแหวนยักษ์รอบอักขระได้ปรากฏอยู่ในจิตวิญญาณนาง

มันให้ความรู้สึกนางที่ดูเหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่สามารถยกระดับความสามารถได้และติดขัดเป็นคอขวดอยู่ก่อนหน้านี้ ก็ได้รับความรู้ในใจนางทันที เหมือนกับว่านางได้เชี่ยวชาญความรู้และเข้าถึงภูมิปัญญาได้สมบูรณ์แบบ

คัมภีร์อัญเชิญของนางลอยออกมาเองและเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า โล่แสงป้องกันนางปรากฏออกมาและดูดกลืนอักขระโบราณบางส่วนที่กระเด็นออกไป

สภาพวิญญาณของเจ้าเมืองโล่วฮัวได้รับผลกระทบหนักมากและนางถึงกับหมดสติลง

ในทำนองเดียวกัน ร่างนางลอยขึ้นไปในท้องฟ้า

อย่างไรก็ตาม ร่างของนางลอยสูงเหนือพื้นเพียงหนึ่งเมตร ต่างจากเย่ว์หยางที่ลอยสูงขึ้นสิบเมตร

แต่ก่อนที่เจ้าเมืองโล่วฮัวจะหมดสติไป นางรู้สึกว่ามีร่างที่คุ้นเคย 2 ร่างโอบกอดนางไว้ หนึ่งในนั้นร้องออกมาอย่างประหลาดใจ นางรู้สึกเชื่อมั่นทันที มีสองคนนี้อยู่ที่นี่ นางที่อยู่ในสภาวะหมดพลังจิตพลังวิญญาณจะสามารถหลับผ่อนคลายได้อย่างสงบสุข

อีกด้านหนึ่ง นางพญากระหายเลือดยกมือทั้งสองบังพลังงานบริสุทธิ์บางส่วนที่รวมตัวเป็นอักขระโบราณสีทองดูน่าประหลาดและน่าตระหนก

ยามนี้ เย่ว์หยางถูกอักขระโบราณนับไม่ถ้วนรายล้อมและเขาทำสัญญาณมือที่ไม่ซ้ำกันในอากาศโดยไม่รู้ตัว บอลที่มีวงแหวนอักขระโบราณสีรุ้งปรากฏอยู่ในสองมือของเขา จากนั้นมันลอยเข้าใส่หน้าผากของนางพญากระหายเลือด

นางพญากระหายเลือดร้องออกมาสุดเสียงอย่างที่นางไม่เคยทำได้มาก่อน

นางสยายปีกและเหินขึ้นไปบนท้องฟ้า

เมื่อนางบินกลับลงมา ร่างของนางมีไฟลุกติดพรึ่บ นอกจากนี้แสงรัศมีทองฉายออกมาจากใต้เท้าของนางไล่ขึ้นไปจนถึงบนศีรษะและย้อนกลับมาที่ขาของนางอีก ในที่สุดลำแสงสีทองก็มาหยุดรวมกันที่ปีกของนางและระเบิดกระจายเป็นล้านเสี่ยง ขณะที่มันกระแทกเข้ากับขนปีกของนาง

เศษลำแสงที่แตกออกเป็นล้านเสี่ยงลอยขึ้นไปในท้องฟ้าและร่วงเข้าไปในตัวเย่ว์หยาง จากนั้นก่อเป็นรูปลำแสงทองเจิดจ้าก่อนที่จะยิงตรงใส่หน้าผากของนางพญากระหายเลือดอีกครั้ง

ร่างของนางพญากระหายเลือดกลายเป็นปรับเปลี่ยนโครงสร้างใหม่ตั้งศีรษะจนจรดเท้า

ผมแดงเพลิงของนางเริ่มเปลี่ยนไปเป็นสีแพลตตินัมทิ้งตัวลงบนไหล่นางอย่างงดงาม ผมยาวของนางห้อยลงมาเหมือนน้ำตกจนถึงบั้นท้ายของนาง

ปีกของนางก็ยังคงเปลี่ยนรูปไปด้วยกลายเป็นสีแพลตตินัม

ภาพของนางตอนนี้ นางดูทรงพลังมากกว่าเดิม ปราดเปรียว สวยงามมากกว่าเดิม

การกลายรูปครั้งนี้สร้างความประหลาดใจให้กับนางพญากระหายเลือดมากจนใบหน้านางนองด้วยน้ำตาแห่งความปีติสุข นางเข้าใจว่านางได้เพิ่มระดับชั้นจากอสูรชั้นทอง ระดับ 5 ขึ้นไปอยู่ในขอบเขตใหม่สิ้นเชิง

เป็นขอบเขตที่อสูรทั้งหมดแสวงหา แต่ยากมากที่จะไปให้ถึงได้ อสูรแพลตตินัมระดับ 5 วิวัฒนาการครั้งนี้ เกินกว่าระดับชีวิตก่อนนั้นที่นางจะไปถึงได้ ขอบเขตแพลตตินัม สิ่งที่รอนางอยู่ในอนาคตคือโลกใหม่ทั้งหมด โลกที่อสูรอื่นๆ ได้แต่ใฝ่ฝัน

โดยเฉพาะการก้าวข้ามขอบเขตนี้ จะทำให้นางสามารถเข้าสู่ดินแดนแห่งปัญญาและความรอบรู้ได้

เพียงแต่ข้ามผ่านระดับจ้าวอสูรได้ จะทำให้นางสามารถกลายเป็นสิ่งที่เรียกกันว่า อสูรศักดิ์สิทธิ์ได้

นางพญากระหายเลือดคุกเข่าลงกับพื้นขณะที่น้ำตานางไหลเป็นทางหยดจากใบหน้านาง

ทั้งหมดนี้เป็นการประทานมาจากเจ้านายของนาง แม้ว่าเขาจะเป็นเจ้านายของนาง แต่เขาไม่เคยทำเหมือนกับนางเป็นบ่าวทาสอย่างที่มนุษย์ผู้น่าเกลียดทำกัน มันเป็นเรื่องราวที่นางเคยได้ยินได้ฟังมาก่อน

แม้จะอยู่ในสถานการณ์ที่เขารู้ทั้งรู้ว่านางเป็นอสูรพิทักษ์ที่ไม่มีทางตายจริงๆ เขาก็ยังไม่ยอมให้นางอยู่เสี่ยงกับสถานการณ์อันตราย....

พอเมื่อนางพญากระหายเลือดร้องไห้ด้วยอารมณ์ปลื้ม ลำแสงสีทองสองสายพุ่งออกมาจากข้างทั้งสองของนาง

ลำแสงทั้งสองพุ่งสูงขึ้นไป สูงกว่าร่างของเจ้าเมืองโล่วฮัว จนใกล้จะถึงร่างของเย่ว์หยาง

หนึ่งในลำแสงรวมเข้ากับร่างของเย่ว์หยางทันที

อักขระโบราณจำนวนนับไม่ถ้วนร่วงตกลงมาบนพื้น...

นางพญากระหายเลือดรู้สึกว่า นางเพิ่มระดับเป็นอสูรแพลตตินัมระดับ 5 แต่นางยังคงรู้สึกได้ถึงพลังกดดันที่รุนแรงชนิดหนึ่ง เหมือนกับว่ามีอสูรพิทักษ์ที่แข็งแกร่งกว่าสองตน คำรามอยู่ข้างๆ นางและคล้ายจะประกาศว่าพวกเขาแข็งแกร่งกว่าตัวนาง

หลังจากนั้น มีร่างหนึ่งกระโดดลงมาจากอากาศลงบนพื้นหินเล็กๆ อย่างหนักทันทีจนทำให้ชะง่อนหินสะเทือนสั่นไหวอย่างมาก

เป็นโคเงาเถื่อน “อาหมัน” นั่นเอง แม้แต่นางก็ยังออกมาจากคัมภีร์เมื่อถึงเวลาหนึ่ง มีวงอักขระโบราณสีทองที่หน้าผากของนางเช่นกัน มันดูมีรูปแบบคล้ายกับของนางพญากระหายเลือด แต่แตกต่างกันเล็กน้อย

ในขณะเดียวกัน ร่างของนางก็เปลี่ยนรูปไปอย่างช้าๆ ...

นางพญากระหายเลือดแค่ต้องการลุกขึ้นยืน แต่ในทันใดนั้นเองกลับรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างหนักกดดันนางจนกลับไปนั่งลงอย่างเดิม นางต้องบิดตัวและดิ้นรนสู้ก่อนที่ในที่สุดนางก็สามารถต้านทานพลังอำนาจที่ไม่มีใครเทียบได้นั้น ในท้องฟ้า ดูเหมือนมีร่างขนาดยักษ์สูงประมาณ 10 เมตรเปล่งแสงสว่างอยู่

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเวลาผ่านไปนานมากเพียงใด แต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงร้องที่เป็นธรรมชาติน่าฟังเปล่งออกมาจากภายในวงแหวนอักขระโบราณที่ด้านบน เสียงร้องดังต่อเนื่องกันไป และยังมีเสียงที่ไพเราะฟังดูเป็นธรรมชาติดังสะท้อนเสียงแรก

เสียงที่เป็นธรรมชาติเหล่านั้นปกติไม่สามารถได้ยินด้วยหูได้ มันก้องกังวานเข้าไปในจิตใจของผู้อื่น

นางพญากระหายเลือดคุกเข่าลงทันที หมอบลงกับพื้นแสดงความเคารพสิ่งมีชีวิตในท้องฟ้า

เมื่อเสียงร้องธรรมชาติทั้งสองหายไปแล้ว วงแหวนอักขระโบราณเหนือยอดเขาก็หมุนช้าลงๆ แสงสีขาวที่ฉายออกมาก็เริ่มจางหายกลับสู่สภาวะเดิม เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน มีเพียงอักขระโบราณในวงแหวนอักขระเปลี่ยนไปเล็กน้อย อักขระโบราณดูแตกต่างจากเมื่อก่อนเล็กน้อย

ส่วนอักขระสีทองที่เหลือก็ลอยหมุนตัวอย่างเร็วและเข้าไปในตัวของเย่ว์หยาง

ลำแสงสีทองก็หายไปด้วย

เย่ว์หยางยังคงลอยสูงอยู่ในท้องฟ้าสูง 10 เมตร จากนั้นค่อยๆ ลอยกลับลงมาแผ่วเบาเหมือนขนนก

เพียงแค่นางพญากระหายเลือดยื่นมือออกไปเพื่อรับเจ้านายของนาง แต่นางก็ตระหนักได้ว่าปีศาจอสรพิษน้อยที่เจ้านายของนางรักและหวงแหนใช้แขนของเธอโอบตัวเขาขณะที่ทั้งคู่ลอยต่ำลงมา

มีวงแหวนอักขระโบราณสีรุ้งลึกลับที่หน้าผากเธอด้วยเช่นกัน.. นางพญากระหายเลือดรีบโค้งแสดงคารวะก่อนที่จะยื่นมือออกไปอุ้มเจ้าเมืองโล่วฮัวไว้ในอ้อมแขนนาง

อีกด้านหนึ่ง โคเงา “อาหมัน” ที่ฟื้นฟูโครงสร้างเป็นครั้งที่สามเสร็จแล้ว ยื่นมือออกมารับทั้งสองร่างด้วยแขนนางและวางลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา

เย่ว์หยางรู้สึกเหมือนว่าเขาได้ฝันเป็นเวลานาน

ในฝันของเขา เขารู้สึกเหมือนกับว่ามีผู้คนและเรื่องราวนับไม่ถ้วน เขาได้ยินผู้คนพูดและหัวเราะก้องอยู่ในหูของเขา ในเวลานั้น มีเสียงหัวเราะเพราะเหมือนระฆังเงินก้องอยู่ในความฝันของเขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาลืมตาขึ้น เขาไม่สามารถจดจำเรื่องราวในความฝันได้ ความรู้สึกนั้นก็เหมือนกับว่าเขาเห็นบางสิ่งบางอย่างต่อหน้าแล้วแตะต้องมันไม่ได้เลย เขาไม่สามารถจำอะไรได้เลย เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก

กลับกลายเป็นว่าตำแหน่งที่เขานั่ง เขาเห็นเจ้าเมืองโล่วฮัวกำลังหลับฝันหวานอยู่บนตัวของเขา

นี่คือโอกาสที่สวรรค์ประทานให้เขาแล้ว!

เย่ว์หยางคิดจะยื่นมือชั่วร้ายออกไปและถือโอกาสชิงความได้เปรียบขณะที่เจ้าเมืองโล่วฮัวยังคงหลับอยู่

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปทางด้านอื่นโดยไม่ได้ตั้งใจ นางพญากระหายเลือดกำลังจ้องดูมือของเขาโดยไม่กระพริบตา ตาของนางดูเหมือนจะมีประกายที่อบอุ่น..

สายตาของนางแทบจะดูเหมือนมนุษย์ ต่างจากสัตว์อสูร สายตาของนางเปี่ยมแววทรงภูมิรู้และปัญญา เมื่อเขามองดูที่หน้าผากนาง เขาเห็นวงกลมอักขระโบราณสีทองสลักอยู่บนผิวของนาง ทำให้นางดูต่างจากเมื่อก่อน เมื่อเขาสังเกตนางชัดเจนขึ้น เขาก็ทราบว่าร่างของนางพญากระหายเลือดมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ปีกของนางเปลี่ยนเป็นสีแพลตตินัม

“ที่นี่เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เย่ว์หยางตะลึง ไม่อาจจะทำความเข้าใจกับสถานการณ์ได้

“อัญเชิญ..อักขระ..โบราณ..เกิดใหม่...เพิ่มระดับ..”

นางพญากระหายเลือดเริ่มตะกุกตะกักพูดออกมา แม้ว่านางจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจได้

“เดี๋ยวนี้เจ้าพูดได้อย่างไร? อ่า..นั่น..ไม่ใช่อย่างนั้น เจ้าพูดได้อยู่ก่อนแล้ว ข้าหมายถึง เจ้าไปเรียนภาษาชาวทวีปมังกรทะยานตั้งแต่เมื่อไหร่? ผมของเจ้า, ปีกของเจ้า จริงๆ แล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”

เย่ว์หยางยื่นมือออกมาลูบผมและปีกสีแพลตตินัมของนาง จากนั้นก็พบว่าหน้าของนางเปลี่ยนเป็นสีแดง แสดงให้เห็นถึงอารมณ์เขินอายที่สตรีพึงมี เขาถึงกับฟุ้งซ่านทันที

“ข้า...ได้..เพิ่มระดับ.. เป็น..แพลตตินัม..ห้า แล้ว”

นางพญากระหายเลือดตะกุกตะกักพูดอีกครั้งก่อนที่จะก้มหัวต่ำ รู้สึกเขินอายขณะที่นางพยายามหลบสายตาของเย่ว์หยาง และไม่อยากพูดต่อ

“ตอนนี้เจ้าเป็นอสูรแพลตตินัมระดับ 5 แล้วหรือ?”

เมื่อเย่ว์หยางได้ยิน เขาทั้งประหลาดใจและตื่นเต้น นางพญากระหายเลือดไปกินยาดีอะไรมา นางถึงได้เลื่อนระดับได้เร็วนัก? แม้ว่านางจะได้รับวิวัฒนาการเปลี่ยนรูป เป็นอสูรทองระดับ 5 ก็น่าจะเพิ่มระดับชั้นเป็นอสูรแพลตตินัมระดับ 4 แต่ความจริงนางกลับเพิ่มระดับชั้นเป็นอสูรแพลตตินัมระดับ 5

ดังนั้นนางน่าจะไปได้ยาเพิ่มพลังขนานวิเศษที่สามารถยกระดับได้มากมาเป็นแน่แท้ อาจเป็นไปได้ไหมว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวได้แอบให้นางไว้? เจ้าเมืองโล่วฮัวแอบให้อะไรนางกันแน่?

อาจเป็นได้ว่าคงเป็นดอกไม้งามปีศาจที่พวกเขาเก็บมาจากตำหนักลอยฟ้าครั้งก่อนกระมัง?

เขาเรียกคัมภีร์เงินออกมาทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาพลิกเปิดดู เขาก็ตระหนักได้ว่าภาพเหมือนของนางพญากระหายเลือดหายไปแล้ว

เอ๋?

พวกเขาพูดกันว่าอสูรพิทักษ์จะไม่ทอดทิ้งเจ้านายของพวกเขาไม่ใช่เหรอ?

ไม่นานจากนั้น เขาก็รู้ได้ว่านางพญากระหายเลือดย้ายที่พำนักจากคัมภีร์เงินเล่มนี้เข้าไปอยู่ในคัมภีร์เทพฤทธิ์แล้ว สำหรับโคเงายังคงเหลืออยู่ เย่ว์หยางรู้สึกประหลาดที่ร่างของนางมีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่อีกครั้ง...

เมื่อเขามองดูปีศาจดอกหนาม ก็ยังเห็นว่าเธอเปลี่ยนเป็นปีศาจดอกหนาม อักขระโบราณ อสูรชั้นเงิน เขาไม่สามารถเรียกปีศาจดอกหนามและโคเงาได้ แต่แม้แต่ภาพของหนูเบญจธาตุค้นสมบัติก็ยังมีรูปวงแหวนอักขระโบราณที่แตกต่างกัน

เย่ว์หยางสับสนไปหมด เขาไม่เข้าใจเลยว่า วงแหวนอักขระโบราณจำนวนมากเข้ามาอยู่ในคัมภีร์อัญเชิญชั้นเงินของเขาได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น มันยังสลักลงไปบนหน้าผากของสัตว์อสูรของเขาทั้งหมดด้วย

แม้แต่อสูรทองลึกลับที่กลายร่างเป็นปลอกข้อมือของเขาก็ยังมีวงแหวนอักขระโบราณอยู่บนตัวของมันด้วย

เย่ว์หยางเรียกเสี่ยวเหวินหลีออกมาและประหลาดใจเมื่อพบว่าปีศาจอสรพิษน้อยไม่มีเครื่องหมายสลักอยู่บนหน้าผากของเธอ เมื่อเสี่ยวเหวินหลีถูกเรียกออกมา เธอหาวและมีนัยน์ตาสะลึมสะลือ เหมือนกับว่าเธอยังหลับไม่เพียงพอ

ช่างมันก่อนเถอะ เขาควรจะให้เด็กหญิงอสรพิษนี้ได้พักผ่อนก่อน

เย่ว์หยางปล่อยให้เธอกลับไปนอน แต่ทันใดนั้นก็นึกได้ว่ามีบางอย่างที่แตกต่างไปเกี่ยวกับร่างของปีศาจอสรพิษน้อย ดูเหมือนว่าเธอจะมีการเติบโต สูงขึ้นมานิดหน่อยหรือเปล่า?

เมื่อเขาใช้ทักษะญาณทิพย์ระดับ 3 ตรวจดู ก็รู้ได้ว่าปีศาจอสรพิษน้อยได้ปรับระดับเพิ่มขึ้นจริงๆ

เดิมทีปีศาจอสรพิษน้อยไม่มีท่าทีที่จะปรับเพิ่มระดับได้เลยแม้หลังจากฆ่าสัตว์ประหลาดตายเป็นร้อยและได้รับค่าประสบการณ์มากมาย แต่เพิ่งจะมาปรับระดับขึ้นเมื่อตอนนี้เอง สิ่งที่ทำให้เย่ว์หยางลำบากใจที่สุดก็คือเขาไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วเธอปรับระดับขึ้นได้อย่างไร เรื่องที่เกิดขึ้นนี้ น่าแปลกจริงๆ

เจ้าเมืองโล่วฮัวฟื้นขึ้นมาเมื่อผ่านเวลาไปครู่หนึ่ง นางหัวเราะขณะมองดูเย่ว์หยาง

“เกิดอะไรขึ้นที่นี่กันแน่? ข้าหมดสติไปตั้งแต่เมื่อไหร่? ความจริงแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”

เย่ว์หยางต้องการรู้สึกถึงพัฒนาการของเรื่องราวทั้งหมด มิฉะนั้น เขาอาจตายเพราะความสงสัยก็ได้

“ข้าก็หมดสติไปตลอดเวลาและเพิ่งฟื้นหลังจากเจ้านี่แหละ แล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? ข้าไม่รู้อะไรเลยแม้แต่น้อย ข้าไม่รู้อะไรเลยว่านางพญากระหายเลือดของเจ้าเลื่อนระดับขึ้นและวิวัฒนาการเป็นอสูรชั้นแพลตตินัมได้อย่างไร”

เมื่อเจ้าเมืองโล่วฮัวพูดเช่นนี้ เย่ว์หยางแทบอยากเอาหัวโหม่งพื้นเหวสิ้นหวัง พูดแบบนี้แย่ไม่ต่างจากที่เขาพูดตามปกติเลย แม่นางผู้นี้พูดมาตลอดว่าจะแก้แค้นกับเขา นางพูดแบบนี้ก็บรรลุวัตถุประสงค์แน่นอนแล้ว

“ใจดำจริงนะ”

เย่ว์หยางรู้ว่าเขาคงไม่ได้ข้อมูลอะไรจากปากเจ้าเมืองโล่วฮัวได้ เขาคิดว่า

“แม้ว่าท่านไม่บอกข้า แต่ข้าจะค้นสาเหตุด้วยตัวข้าเอง”

“ขอบคุณที่ชมเชย!”

ทันใดนั้น เจ้าเมืองโล่วฮัวมองดูเหมือนพยายามกลั้นหัวเราะเต็มที่ ดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากที่นางจะทำได้ ไหล่ของนางคลอนไหว แต่ก็ไม่มีเสียงหัวเราะเล็ดลอดออกมาแม้แต่น้อย

“เมื่อกี๊นี้ ท่านกำลังพูดกับใครเหรอ?”

อยู่ๆ เย่ว์หยางก็ถามนาง ทำให้นางแปลกใจ

เขาจำได้ว่าในฝันของเขา เป็นเหมือนว่าเขาได้ยินเสียงสตรีคุยกัน บางครั้งก็เป็นเสียงหัวเราะไพเราะเหมือนระฆังเงิน นางพญากระหายเลือดเพิ่งเรียนรู้วิธีพูดและยังไม่เปล่งเสียงพูด ขณะที่เสี่ยวเหวินหลีก็ยังพูดไม่ได้ ดังนั้นย่อมไม่ใช่ทั้งสองนี้แน่นอน

ถ้าเป็นกรณีนั้น เมื่อครู่ที่ผ่านมาเจ้าเมืองโล่วฮัวคุยอยู่กับใครกันแน่?

ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=177

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด