ตอนที่แล้วตอนที่ 149 รุกและรับสอดประสานโดยธรรมชาติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 151 หลั่งเลือดคว้าชัยชนะ

ตอนที่ 150 ปีศาจน้อยดอกหนาม


สามง่ามจ้าวปีศาจแทงผ่านแขนซ้ายของเย่ว์หยางอย่างง่ายดาย

ในทันทีที่มันจะแทงเข้าที่หน้าอกของเขา เย่ว์หยางเบี่ยงแขนของเขาออก ทำให้ทิศทางสามง่ามเบี่ยงไปด้านนอก ในขณะเดียวกัน เขาหมุนตัวหลบพลังสังหารที่มุ่งตรงหัวใจเขาได้อย่างหวุดหวิด

ตัวของเขาประชิดเข้ากับสามง่ามจ้าวปีศาจและเข้าโจมตีทันที ประกายปราณกระบี่ที่มือขวาของเขา ได้เล็งที่นัยน์ตาของสื่อจินโหวแล้ว

“ฮ่าาาาา”

สื่อจินโหวใช้มือขวารับพลังจู่โจมเต็มที่ ปราณกระบี่ตัดทะลุฝ่ามือของเขาจนเลือดสาดกระจายไปทั่ว

เขาพยายามเต็มที่เพื่อรับและป้องกันการโต้กลับของเย่ว์หยาง

ฝ่ายหนึ่งเคลื่อนที่หลังอีกฝ่ายหนึ่ง

ผลัดกันรุกและรับ

การประลองต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายทั้งปัญญา พลังและความเหี้ยมหาญยังคงก้ำกึ่ง ทั้งเย่ว์หยางและสื่อจินโหวต่างก็ได้รับบาดเจ็บที่แขน

ทันใดนั้นสื่อจินโหวสูดลมหายใจแล้วพ่นเปลวไฟอย่างบ้าคลั่ง หวังจะเผามือเย่ว์หยาง เขาไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นต้องโจมตีที่แขนของเขาให้หนักยิ่งขึ้น เย่ว์หยางไม่ทันได้คาดเลยว่าเขาจะสามารถพ่นไฟปีศาจได้ ดังนั้้นนี่คงเป็นอุบายที่สื่อจินโหวเตรียมไว้สู้กับเขา อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางกลับรับเปลวไฟนั้นไว้ทั้งหมดโดยไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว

เมื่อพูดถึงการต่อสู้ด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมและเจ้าเล่ห์แล้ว มนุษย์ไม่ด้อยกว่าพวกปีศาจเลย กลยุทธ์โจมตีของเย่ว์หยางจะมีแต่การโจมตีอย่างเดียวได้ยังไง? เขายกขาถีบเข้าที่หน้าอกของสื่อจินโหวเต็มแรง รองเท้าของเขาขาดกระจุยเป็นชิ้นๆ และในขณะเดียวกันปราณกระบี่ทองถูกยิงออกมาจากเท้าเข้าที่หัวใจปีศาจของสื่อจินโหว

เมื่อปราณกระบี่ไร้ลักษณ์เข้าสู่ขอบเขตระดับที่สอง ก็อาจปล่อยปราณกระบี่เป็นร้อยจากจุดฝังเข็มทั่วร่างกายของมนุษย์ ตอนนี้เย่ว์หยางบรรลุปราณกระบี่ฯ ขั้นที่สามแล้ว เขาสามารถใช้มันได้ทั้งจากมือและเท้า และยังเป็นผู้ชำนาญในการใช้อีกด้วย

ปราณกระบี่แทงเข้าที่หัวใจเต็มที่ สื่อจินโหวส่งเสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังและเจ็บปวด เสียงนั้นน่าขนพองสยองเกล้าแทบจะทำลายแผ่นดินแผ่นฟ้าจนสลาย เขากวาดแขนขนาดใหญ่ฟาดโดนเย่ว์หยางกระเด็นออกไป

ที่ด้านหลังเขา หญิงงามลึกลับปรากฏตัวในชั่วแว่บหนึ่ง มือข้างหนึ่งถืออาวุธน้ำแข็ง อีกข้างหนึ่งใช้สายฟ้าของนาง

มือทั้งสองข้างของนางฟาดใส่หูทั้งสองข้างของสื่อจินโหวตามลำดับ

เสียงดังสนั่น

สื่อจินโหวได้รับบาดเจ็บที่หัวใจตอนบน และต้องทนรับการจู่โจมต่อเนื่องอย่างหนักจนร่างกายข้างหนึ่งไหม้เกรียม อีกข้างหนึ่งกลายเป็นน้ำแข็ง

นี่เป็นการร่วมมือจู่โจมที่ดีที่สุดของเย่ว์หยางและหญิงงามลึกลับ หลังจากเขาจงใจทำร้ายสื่อจินโหวสุดกำลังก็ค่อยประสบความสำเร็จ นี่ยังได้พลังโจมตีทรงพลังของหญิงงามลึกลับเสริมอีกด้วย

แต่สื่อจินโหวที่ยังบาดเจ็บหนักยังยืนหยัดได้อย่างแข็งแกร่ง เขาควงสามง่ามจ้าวปีศาจและกระหน่ำโจมตีหญิงงามลึกลับ

“ข้าจะฆ่าเจ้า!!!”

สื่อจินโหวที่บาดเจ็บหนักโกรธจนคลุ้มคลั่งไปแล้ว

หลังจากได้รับบาดเจ็บรุนแรงและคุมอารมณ์ไม่อยู่ เขาก็สูญเสียความสามารถควบคุมพื้นที่ไปทันที ขณะที่เขาไล่ตามเย่ว์หยาง เขาไม่สามารถใช้ทักษะเทเลพอร์ตได้อีกต่อไป พลังไฟฟ้าและพลังเยือกแข็งส่งผลอย่างหนัก

ทำให้เขาทำร้ายเย่ว์หยางไม่ถูก กลับต้องเจอดาบวิเศษฮุยจินของเย่ว์หยางฟันใส่หน้าแทน นี่ยิ่งทำให้เขาโกรธขึ้นไปอีกจนถึงขั้นคลุ้มคลั่ง ไฟปีศาจของเขาลุกท่วมตัวสูงขึ้นไปในอากาศ พอเห็นว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว เย่ว์หยางยกดาบฮุยจินกระหน่ำฟันใส่สื่อจินโหวที่กำลังโกรธและคำรามอยู่เหมือนกับว่าเขากำลังรังแกสุนัขที่กำลังจมน้ำ

เจ้ามักทำตัวใจเย็นมาตลอดไม่ใช่หรือ?

คนที่ข้าจะฟันก็คือเจ้า!

เปลวไฟปีศาจ อสูรรูปแบบพิเศษที่สื่อจินโหวเรียกออกมาเดิมที ทำหน้าที่เป็นเกราะช่วยป้องกันได้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้คาดเลยว่าก่อนที่มันจะเปลี่ยนเป็นเกราะได้สำเร็จ เย่ว์หยางตัดมันเป็นเสี่ยงๆ ขัดกับสิ่งที่เขาคิด เจ้าสิ่งนี้เปิดโอกาสให้เย่ว์หยางฉวยความได้เปรียบโจมตีใส่เขา

สื่อจินโหวโกรธจัดหมุนตัวกลับระดมพายุหมัดใส่อย่างหนักทันที

เขากระหน่ำหมัดใส่อกของเย่ว์หยาง ขณะที่เย่ว์หยางควงดาบและฟันใส่สื่อจินโหวอย่างห้าวหาญไม่ยอมถอยสักก้าว

เขาใช้ดาบต้านรับโต้ตอบเพลงหมัดของสื่อจินโหว ทำไมเขาจะต้องกลัวด้วยเล่า?

เย่ว์หยางยิ่งรุกหนักอย่างไม่ปราณี ก่อนหน้านี้ ดาบฮุยจินไม่สามารถทำให้สื่อจินโหวได้รับบาดเจ็บได้ แต่ตอนนี้ทุกครั้งกระหน่ำดาบออกไป สื่อจินโหวจะได้รับบาดเจ็บมากขึ้น

ในทำนองเดียวกัน พลังหมัดที่น่ากลัวของเจ้าผู้นี้ก็ทำให้เย่ว์หยางมึนงงจนแทบเห็นดวงดาว

ทั้งสองคนปะทะกันไม่มีถอย หวังจะยื้อเวลาจนได้ผลสรุปแห่งชัยชนะ..

ช่วงเวลาอย่างนี้ พลังในการต่อสู้ไม่สำคัญอีกต่อไป สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความมุ่งมั่นและความยืดหยุ่นตามสถานการณ์

พลังดาบของเย่ว์หยางและพลังหมัดของสื่อจินโหวที่ระดมใส่กันและกันทำให้เกิดเสียงดังกึกก้อง

เลือดสดๆ กระเซ็นไปทั่วทุกที่ เป็นเรื่องยากที่จะจำแนกความแตกต่างว่าเป็นเลือดของใคร

ในท่ามกลางความชุลมุน ทั้งสองฝ่ายต่างสู้กันราวกับคนบ้าโดยไม่คิดถึงชีวิตของตนเอง ไม่มีใครหลบการโจมตีหรือปกป้องตัวเองเลย

ถ้าสมาธิของผู้ใดหย่อนลงไปแม้เพียงนิดเดียว เขาจะต้องถูกอีกฝ่ายซัดจนล้มและถูกศัตรูฆ่า กลายเป็นผู้แพ้ในการศึกนี้ในที่สุด... แต่ละฝ่ายต้องกัดฟันทนและกดดันอีกฝ่ายจนกว่าจะล้มลงพ่ายแพ้

หญิงงามลึกลับถึงกับคุกเข่ากับพื้น มือของนางที่จับหนังสือโบราณอยู่สั่นเล็กน้อย ขณะที่นางเปิดอย่างหมดแรง เตรียมอ่านเพื่อให้ความช่วยเหลือเย่ว์หยางด้วยพลังอึดสุดท้ายของนาง

ปีศาจเคียวโลหิตซึ่งได้รับบาดแผลมีดและหมัดได้ฟื้นความแข็งแกร่งกลับคืนมาแล้วในตอนนี้ มันวิ่งก้าวยาวๆ เข้ามาพลางกวัดแกว่งเคียวของมัน โจมตีใส่หญิงงามลึกที่แทบจะไม่เหลือพลังปราณอยู่เลยอย่างดุเดือด มีอยู่ 2- 3 ครั้งที่นางตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายและเกือบจะถูกเคียวตัดเอว

เย่ว์หยางตื่นตัวทันที เขาวางมือจากสื่อจินโหวที่กำลังคร่ำเคร่งต่อสู้กับเขา และรีบเข้าไปช่วยเหลือนางทันที

เคียวโลหิตถูกชูขึ้นกลางอากาศ และสับลงมาอย่างเต็มกำลัง

หญิงงามลึกลับยกหนังสือโบราณขึ้น นางใช้มือที่สั่นเทาเปิดหน้าหนังสือ มีอสุรกายหญิงพุ่งออกมา จากนั้นอ้าปากพ่นบอลน้ำแข็งใส่ตัวปีศาจเคียวโลหิต ก่อนที่นางจะหายวับไปในอากาศที่เบาบาง

ปีศาจเคียวโลหิตถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่วินาที อย่างไรก็ตาม เพลิงปีศาจบนตัวของมันก็เผาผลาญอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เคียวโลหิตจะถูกสับลงด้วยอานุภาพทลายสวรรค์แยกชั้นฟ้า

พลังปราณภายในของหญิงงามลึกลับถูกใช้ไปหมดแล้ว นางไม่เหลือพลังต่อสู้อีกต่อไปแล้ว

นางหลับตาลงช้าๆ รอความตายกรายเข้ามา

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เคียวโลหิตฟันลงมา เย่ว์หยางโถมเข้ามาทันเวลา เขากอดนางด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะที่อีกข้างหนึ่งตวัดดาบต้านรับแรงฟัน

เสียงอาวุธแหวกอากาศสะท้อนอยู่ในอากาศ

เคียวโลหิตที่ไม่สามารถต้านรับได้สร้างรอยแผลลึกที่ไหล่และหลังของเย่ว์หยางเปิดเนื้อหนังทำให้เลือดกระเซ็นไปทุกทิศทาง... หญิงงามลึกลับและเย่ว์หยางล้มฟาดกับพื้นอย่างแรง

เลือดของทั้งสองคนต่างหลั่งไหลมารวมกันกลายเป็นสีแดงสดใสดูแปลกประหลาด อย่างไรก็ตาม ทั้งสองคนไม่ทันได้สังเกตสีสันที่แปลกประหลาด ขณะที่ทั้งคู่พ่ายแพ้และหอบหายใจอย่างหนักหน่วง

การต่อสู้ที่ยากลำบากติดต่อกันทำให้พวกเขาหมดแรง

ไม่เพียงแต่ทั้งสองคนเท่านั้น แม้แต่สื่อจินโหว ที่มีพลังมากจนแทบไม่มีปัญญาสู้กับศัตรูของเขาแล้ว ยังต้องการเวลาในการฟื้นฟูพลังในตอนนี้เช่นกัน

ปีศาจเคียวโลหิตก้าวยาวเข้าหาพวกเขา ควงเคียวอย่างน่ากลัวขณะพยายามจู่โจมใส่เย่ว์หยางอย่างไม่รามือ

อย่างไรก็ตาม ร่างของมันก็ได้รับบาดเจ็บอยู่หลายแห่งทำให้ได้รับผลกระทบจากบาดแผลเหล่านั้น ก่อนที่มันจะก้าวเข้ามาถึง มันก็สะดุดเท้าล้มลงกลิ้งห่างออกไปนับสิบเมตร มันทำได้เพียงใช้เคียวโลหิตเกี่ยวทำลายหินไปก้อนหนึ่ง

ปีศาจเคียวโลหิตตะเกียกตะกายลุกขึ้น มันใช้กรงเล็บตะกุยทำลายก้อนหินบนพื้นอย่างดุร้าย พยายามอยู่ 2-3 ครั้งก็ยังลุกขึ้นไม่ได้

สื่อจินโหวเร่งฟื้นฟูอาการบาดเจ็บร่างกายของตน ขณะที่เขาเก็บสามง่ามจ้าวปีศาจเตรียมจู่โจมเย่ว์หยางและหญิงงามลึกลับเป็นครั้งสุดท้าย

“ถ้าเราไม่มีอสูรสายพฤกษา เราจะเอาชนะเขาไม่ได้... ข้ายังสามารถใช้อสูรสายลมได้เป็นครั้งสุดท้ายส่งเจ้าหนีออกไป ตอนนี้เจ้ายังไม่อาจเอาชนะเขาได้ แต่หลังจากนั้นไม่กี่ปี เจ้าจะทำได้แน่ เมื่อเวลานั้นมาถึง ช่วยล้างแค้นแทนข้าด้วย”

เลือดซึมออกจากปากสีแดงม่วงของนางอย่างต่อเนื่อง มันถูกซ่อนอยู่ใต้ผ้าปิดหน้านาง จากนั้นนางดึงมาพันที่หน้าเย่ว์หยางและมองดูหน้าของเขา ทันใดนั้น รอยยิ้มที่เย็นสงบผุดอยู่ในแววตานาง

“บุคลิกเจ้าดูเด่นแถมยังปากเปราะอีกด้วย มิน่าเล่าเด็กสาวหลายคนถึงได้หวั่นไหวกับเจ้าได้...”

“แม่นางคนงาม, ดีจริงที่เจ้ามีใจให้ข้า แต่เจ้าต้องรับผิดชอบด้วยนะ”

เย่ว์หยางอ่อนล้าไปทั้งตัว ยกเว้นปาก

ถ้ามือซุกซนของเขายังมีแรงขยับได้ เขาคงเอื้อมมือไปคว้าและเอาเปรียบหญิงงามลึกลับแน่

แต่ตอนนี้ เขาไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกแล้ว

“เจ้าต้องการจากไปหรือ? มีทางเดียวที่เหลือให้พวกเจ้าทั้งคู่.... ตาย”

สื่อจินโหวฟื้นฟูพลังได้บางส่วนแล้ว เขากระโจนขึ้นไปในอากาศ ยกสามง่ามจ้าวปีศาจด้วยมือทั้งสอง และแทงลงมาอย่างโหดเหี้ยมหมายใจจะเสียบเย่ว์หยางทะลุไปถึงหญิงงามลึกลับ

“เราแค่ต้องการมีอารมณ์โรแมนติคเล็กๆ น้อยๆ ก็ไม่ได้...”

เย่ว์หยางนึกอยากจับสื่อจินโหวตอนเป็นขันทียิ่งนัก เนื่องจากเข้ามาขัดจังหวะช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มอย่างนี้ พอกอดหญิงงามลึกลับได้แน่น เขากลิ้งหลบการจู่โจมของสื่อจินโหวได้

อย่างก็ตาม เขาคิดไม่ถึงว่าเจ้าปีศาจเคียวโลหิตบ้าจะฟันเคียวใส่พวกเขาทั้งคู่อีก หญิงงามลึกลับตะโกนอย่างอ่อนล้า ขณะที่นางหมุนตัวขึ้นมาอยู่ด้านบนและพลิกเย่ว์หยางไปอยู่ด้านล่าง เคียวโลหิตทะลุไหล่บอบบางของนางอย่างง่ายดายแทงเข้าที่อกของเย่ว์หยาง

“สิ่งที่ข้าเป็นหนี้เจ้าตอนนี้ ข้าก็ใช้คืนให้ตอนนี้แล้ว”

หญิงงามลึกลับใช้ลมหายใจเฮือกสุดท้ายไปแล้ว แต่รอยยิ้มปรากฏอยู่ในดวงตานาง

“ให้ข้าส่งพวกเจ้าทั้งคู่เดินทางไปโลกหน้าเอง...”

สื่อจินโหวหัวเราะอย่างชั่วร้าย แทงสามง่ามจ้าวปีศาจมาที่พวกเขา แม้ว่าเย่ว์หยางจะใช้ความสามารถกลิ้งหลบ แต่สามง่ามก็ยังแทงเข้าที่ต้นขาของเขา ทั้งยังถูกน่องของหญิงงามลึกลับไปด้วย

เลือดของทั้งสองหลั่งไหลมารวมกันอีกครั้ง เป็นสีแดงสว่างประหลาดตา

เย่ว์หยางยิ้มให้หญิงงามที่กำลังจะตาย

“ตอนนี้ เจ้าเป็นหนี้ข้าอีกครั้งแล้ว”

ประกายตาของหญิงงามลึกลับเริ่มสลาย นางพยายามอย่างดีที่สุดที่จะเปล่งเสียง แต่เหลือแค่เพียงความอ่อนแอราวกับมดตัวหนึ่ง

“เจ้า.. ยินดี.. จะตายพร้อมกับข้าหรือ?”

ยังไม่ทันพูดจบประโยค นางหมดสติไปเสียก่อน

เย่ว์หยางกลัวแทบตาย เขาเอื้อมมือที่เปื้อนเลือดมาอังลมหายใจของนาง พบว่านางยังคงมีลมหายใจอยู่ เขายังคงเอามือทาบหน้าอกนางและพบว่าหัวใจนางยังคงเต้นอยู่แม้ว่าจะอ่อนก็ตาม พอรู้สึกได้อย่างนี้ ทำให้เขาถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เย่ว์หยางวางหญิงงามลึกลับอย่างแผ่วเบา และตะเกียกตะกายยืนขึ้นทั้งที่ร่างกายยังมีบาดแผลอาวุธและรอยทุบตี เขาส่ายศีรษะให้สื่อจินโหวที่กำลังยิ้มอย่างมีประสงค์ร้ายและกระหยิ่มกับตนเอง

“ถ้าข้าสู้ด้วยตัวข้าเอง บางทีข้าคงบาดเจ็บหนักจนตายไปแล้ว แต่ข้ายังมีอสูรที่แบ่งปันชีวิตกับข้าอยู่ ดังนั้นเจ้าฝันไปเถอะว่าจะฆ่าข้าได้”

พอได้ยินเช่นนี้ สื่อจินโหวถึงกับสะดุ้ง

แสงสีรุ้งลอยออกมาจากตัวของเย่ว์หยางขณะที่เสี่ยวเหวินหลีมีหน้าซีดตัวสั่นปรากฏตัวอยู่หน้าเย่ว์หยาง

ทันทีที่นางปรากฏตัว นางตวัดดาบคู่บุกใส่สื่อจินโหวทันที

สามง่ามราชาปีศาจของสื่อจินโหวที่เงื้อขึ้นได้ชะงักค้างไว้เพราะโซ่ล่องหนของเสี่ยวเหวินหลี เธอใช้ดาบคู่แทงลึกลงไปที่หัวใจปีศาจของสื่อจินโหว

ขณะที่เธอปล่อยแสงสีขาวเข้าไปในหัวใจ ไปในอากาศ เย่ว์หยางเหินลงมาเหมือนมังกรโชกเลือด นิ้วทั้งสิบประกบกันเหมือนดาบ เล็งที่รูเลือดแผลเก่าตรงหน้าผากของสื่อจินโหว เขาแทงซ้ำลงไปที่สมองของเขาด้วยปราณกระบี่มากกว่าเก่า

มีเสียงดังกึกก้อง

อกของสื่อจินโหวถึงกับระเบิด หัวของเขาถูกทุบยุบเป็นหลุมเท่ากำปั้น เลือดและของเหลวสีคล้ายน้ำนมไหลออกมา

“ต้องการจะฆ่าข้าหรือ? ฝันไปเถอะ”

เย่ว์หยางต้องการเก็บดาบฮุยจินออกมาตัดหัวสื่อจินโหว แต่เสี่ยวเหวินหลีห้ามเขาไว้ ดูเหมือนเธอกังวลว่าอาการบาดเจ็บหนักจะทำให้ดาบฮุยจินเผาผลาญเขาได้ อีกอย่าง เธอระมัดระวังศพสื่อจินโหวที่นอนอยู่เป็นพิเศษ เหมือนกับกังวลว่าเขายังไม่ตายสนิท เย่ว์หยางประหลาดใจ เขาคงไม่ผิดปกติมากเกินไปมั้ง?

แม้จะบาดเจ็บขนาดนี้ เขาก็ยังไม่ตายอีกหรือ?

ร่างของสื่อจินโหวเริ่มเปลี่ยนรูปร่างช้าๆ

เปลวไฟปีศาจเริ่มโหมไหม้ ทันใดนั้นร่างของสื่อจินโหวเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ขณะที่กระดูกก็งอกขยายขนาดออก ปีกยักษ์ เขาโค้งและกรงเล็บงอกออกมาจากร่างกาย ภายในนาทีเดียว สื่อจินโหวก็เปลี่ยนร่างเป็นเจ้าชายปีศาจที่ทั้งร่างมีเปลวไฟนรกลุกท่วม ส่วนสูงของเขายังน้อยกว่าจ้าวปีศาจฮาซิน

แต่ยังสูงกว่าปีศาจเคียวโลหิตสองเมตร คือมีตัวสูงเจ็ดเมตร บาดแผลบนร่างของสื่อจินโหวฟื้นฟูโดยสิ้นเชิง ยกเว้นรูใหญ่ที่น่ากลัวตรงหน้าอกที่ยังไม่ปิด แม้แต่รูแผลที่หน้าผากยังลดขนาดลง ดูเหมือนแผลที่เกิดจากปราณกระบี่ัยังไม่สมานตัวได้ง่ายนัก แม้จะมีพลังแข็งแกร่งของปีศาจก็ตาม

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าถูกมนุษย์เล่นงานโดยตรงจนต้องกลับคืนสู่ร่างเดิม...”

สื่อจินโหวคลำศีรษะและครางด้วยความเจ็บปวด

“ต่อให้ข้าสังหารเจ้าเสีย มันก็ยากที่จะฟื้นคืนร่างมนุษย์ได้ การต่อสู้ครั้งนี้ ข้าเสียเปรียบมากเกินไป ข้าเกลียดที่ต้องสู้ในร่างนี้ เจ้ามันเป็นมนุษย์ที่น่ารังเกียจ ข้าจะฆ่าเจ้าอย่างไรดีถึงจะทำให้ความชิงชังของข้าลดลงได้?”

“ข้าคิดว่าเจ้าไว้ค่อยรำพึงรำพันถึงชีวิตเจ้าตอนเป็นปุ๋ยต้นไม้ก็แล้วกัน”

เย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ออกมา และเตรียมเรียกต้นดอกหนาม

อีกด้านหนึ่ง เสี่ยวหวินหลีเรียกคัมภีร์เพชรออกมาแล้ว พลางเรียกเมดูซาศิลาและเงือกวายุออกมา

พอเมื่อเมดูซาศิลาและเงือกวายุปรากฏออกมา ความหวาดกลัวปรากฏอยู่บนในหน้าของปีศาจเคียวโลหิตทันที มันเริ่มก้าวถอยไปทีละน้อยๆ

สีหน้าของสื่อจินโหวเคร่งเครียด เขาคาดไม่ถึงเลยว่าการต่อสู้จะมาถึงจุดนี้ได้ เย่ว์หยางยังคงมีพลังดังกล่าว เขาต้องการจับหญิงงามลึกลับเป็นตัวประกัน แต่แค่เริ่มจะมีความคิดเท่านั้น เงือกวายุเรียกมังกรวารีออกมา ค่อยๆ พาร่างของหญิงงามลึกลับเข้าไว้ในอ้อมกอดนางก่อนที่จะพามาวางไว้ภายใต้โล่ปกป้องของเสี่ยวเหวินหลี

“ข้าได้ยินมาว่าดาวข่มที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของปีศาจก็คือต้นดอกหนาม บังเอิญที่ข้าก็มีอยู่หนึ่งต้น”

เย่ว์หยางใช้เวลาส่วนใหญ่เพื่อรวบรวมพลังปราณทีละนิดๆ เพื่ออัญเชิญนางปีศาจดอกหนาม

แสงสีทองคล้ำฉายออกมาจากปลายนิ้วของเขา ส่องฉายไปที่ภูเขาไฟทั้งลูก ทำให้สภาพโดยรอบกลายเป็นสีทองเข้มไปหมด

กลุ่มกิ่งก้านนับสิบที่หนากว่าชามงอกออกมาจากพื้น

ในกลุ่มกิ่งก้านนั้น มีต้นตอกหนามพ่นพิษระดับ 1 และดอกหนามกินเนื้อระดับ 2 อย่างไรก็ตาม ยังมีดอกหนามยักษ์ระดับ 3 พระยาดอกหนามระดับ 4 ซึ่งมีดอกใหญ่พอๆ กับโต๊ะ แต่ต้นเหล่านี้เป็นเพียงกลุ่มก้านเท่านั้น จากนั้นก็มีลำต้นรองที่มีขนาดใหญ่หนาพอๆ กับตะกร้าปรากฏขึ้น

มีลำต้นรองงอกออกมา 6 ต้น ใน 2 ต้นนั้นเปลี่ยนรูปเป็นต้นดอกหนามปีศาจที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ แต่มีขนาดสูงเกือบ 5 หรือ 6 เมตร จึงดูเหมือนยักษ์เขียว มือและกายท่อนล่างของพวกเขา ยังประกอบด้วยต้นหนามยาว คุณลักษณะที่ทำให้พวกเขาแตกต่างจากมนุษย์ก็คือนัยน์ตาของต้นดอกหนามทั้งสองนี้ยังปิดอยู่และสีหน้าของพวกเขายังคงแข็งกระด้าง ดูเหมือนว่าพวกนางไม่มีวิญญาณและจิตสำนึก

ในที่สุด ลำต้นหลักก็ระเบิดออกเสียงดังกึกก้อง สิ่งที่แตกต่างจากเมื่อก่อนคือตอนนี้ลำต้นหลักในตอนนี้ ดูเหมือนระเบียงพื้นดอกไม้หรือลูกบอลดอกไม้ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยใบเขียวและดอกหนามสีแดง

ใบขนาดยักษ์สีเขียวและดอกหนามสีแดงได้คลี่ดอกเบ่งบาน

แสงสีทองเข้ม แผ่กระจายไปทั่ว

เด็กหญิงตัวน้อยน่ารักนอนอยู่ตรงกลางหมู่ดอกไม้ เมื่อเธอลืมตา กลิ่นอายที่เยือกเย็นเสียดแทงเหมือนกับของจ้าวปีศาจแผ่กระจายทันที จากที่เห็นด้วยสายตาก็คือนางปีศาจดอกหนาม อสูรทองแดงระดับ 1 ปีศาจเคียวโลหิตที่เป็นอสูรทองระดับ 7 เริ่มจะสั่นด้วยความกลัว

เย่ว์หยางสังเกตว่าปีศาจน้อยดอกหนามร่างเปลือยนี้ ที่ไม่มีผ้าปกปิดเลยสักชิ้นนี้แทบไม่แตกต่างอะไรจากเด็กมนุษย์ มีเพียงก้านดอกเล็กๆ เชื่อมที่ก้นเธอกับพื้นดอกไม้ ขณะที่เธอพลิกตัวลุกขึ้น เธอลืมตามองมาที่เย่ว์หยางด้วยนัยน์ตาสีเขียวของเธอ ดูเหมือนเธอจะสงสัยเกี่ยวกับเขา จากนั้นมองมาที่เสี่ยวเหวินหลีแล้วเอียงศีรษะ ในที่สุดเธอมองมาที่เมดูซาศิลา, เงือกวายุและหญิงงามลึกลับที่หมดสติอยู่

เธอชี้นิ้วมาทางหญิงงามลึกลับ

ลำต้นรองและกิ่งก้านทั้งหมดเริ่มเคลื่อนเข้ามาโดยไม่มีการเตือน เหมือนกับว่าพร้อมจะกินหญิงงามที่หมดสตินั้นให้ได้

“ยัยเด็กโง่! ศัตรูอยู่ตรงนั้น”

เย่ว์หยางไม่ใช่แค่โกรธเล็กน้อย เขาใช้ความพยายามมากมายเพื่อบ่มเพาะให้เป็นปีศาจดอกหนาม มันก็ยังโง่อยู่บ้าง มันยากสำหรับเขาที่จะบ่มเพาะให้เป็นสาวสวยหุ่นดีงั้นหรือ? เย่ว์หยางสงสัยว่าเขาคงถูกสาวๆ สาปแช่งเป็นแน่ ทำไมสาวๆ ทุกคนถึงทำให้ชีวิตเขายุ่งยากนัก ขณะที่เด็กหญิงกลับทำให้เขาดูเหมือนกับเป็นเฒ่าหัวงูแบบนั้นด้วยเล่า?

“หืมม?”

ดูเหมือนปีศาจน้อยดอกหนามยังคงต่ำชั้นกว่าเสี่ยวเหวินหลี เธอถึงได้งงงวยไม่สามารถระบุได้ชัดว่าใครเป็นศัตรู

เธอมองไปตามตำแหน่งที่เย่ว์หยางชี้ด้วยสีหน้างุนงง อย่างไรก็ตาม เมื่อเธอเห็นปีศาจเคียวโลหิตและสื่อจินโหว เธอเริ่มน้ำลายสอทันที

จากนั้นเธอจึงดูดหัวแม่มือเหมือนกับไม่มีอะไรดี

สีหน้าเธอตื่นเต้นเหมือนกับเด็กน้อยได้พบขนมหวาน

ที่มา : https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=155

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด