ตอนที่ 116 ทักษะลวงปะทะทักษะหกรับรู้
“ก็ได้, งั้นเราออกไปสู้กันข้างนอก ที่นี่เล็กเกินไป เราไม่สามารถสู้เต็มกำลังได้”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ไม่ได้เรียกอสูรต่อ แต่เก็บกระบี่ขนาดใหญ่ของนางและชวน'เย่ว์หยาง'ไปสู้กันสัก 300 ยก
โชคไม่ดีเมื่อ'เย่ว์หยาง'เห็นสีหน้าของ'เย่ว์ซาน' ทำให้เขาเปลี่ยนใจกระทันหัน ทันทีที่เขาออกไป เขาไม่สามารถตรวจสอบให้แน่ใจว่า จะไม่มีการลอบทำอันตรายกับแม่สี่ ถ้าแม่สี่ไม่จากไป เขาก็จากไปไม่ได้เช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น มีความเป็นไปได้ว่า การต่อสู้กับองค์หญิงมือกระบี่และ'เสวี่ยทันหลาง'อาจจบลงด้วยการบาดเจ็บหนักทั้งสามคนก็ได้ เขาไม่แน่ใจว่า เขาอาจจะไม่ได้เปรียบลุงใหญ่'เย่ว์ซาน'และลุงรอง'เย่ว์หลิ่ง'ก็ได้
'เย่ว์หยาง'ตัดสินใจว่ารักษาชีวิตตนเองไว้เป็นเรื่องสำคัญกว่าการต่อสู้และเข่นฆ่า แม้ว่า'เย่ว์หยาง'อยากรู้อยากเห็นอสูรขององค์หญิงมือกระบี่ก็ตาม แต่เขาเปลี่ยนใจและถอยกลับทันที เขาเรียก'โคเงา'และนางพญากระหายเลือดกลับมา
เขาแอบโดดลงจากเวทีแล้วหนีหน้าตาเฉย 'เสวี่ยทันหลาง'และองค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'เป็นผู้ที่เขาเห็นว่ารับมือได้ยาก ดังนั้นไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาดีกว่า สำหรับทักษะต่อสู้ใหม่ที่เขาเพิ่งทำความเข้าใจ เขาต้องกลับไปปรับแก้ทบทวน
ในที่สุดเขาจะใช้มันในความฝันและให้เทพธิดาสุดสวยช่วยเขาปรับแก้ทักษะต่อสู้ซึ่งไม่น่ามีปัญหาอะไร มีแต่คนโง่ที่เอาแต่เปิดเผยความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมด เนื่องจากพวกเขาได้ทำการต่อสู้มากบ้าง น้อยบ้าง ก็ควรจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุด ยิ่งไปกว่านั้น เขาไม่อาจอยู่ห่างจากแม่สี่มากเกินไป
ในขณะที่เขาไม่อาจประมาทจนทำให้เด็กหญิงกับแม่สี่ตกอยู่ในอันตราย แม้ว่าชีวิตของพวกนางยังไม่ตกอยู่ในอันตราย แต่หากพวกนางถูกวางยาพิษที่ไม่มีทางรักษาได้เหมือนที่อาสี่'เย่ว์หลิง'ประสบมา แล้วเขาจะทำอย่างไร? มาถึงจุดนี้แล้ว เขาไม่อาจปล่อยให้พวกนางอยู่ตามลำพังได้ สำหรับเคล็ดวิทยายุทธเขาสามารถหาโอกาสฝึกต่อได้ในภายหลัง
“อย่าหนีนะ, เจ้าเด็กน้อย”
ทั้งองค์หญิงมือกระบี่และ'เสวี่ยทันหลาง'งุนงงว่า ทำไม'เย่ว์หยาง'ถึงหนี ทั้งที่เริ่มการต่อสู้ไปแล้ว? ถ้าเขาไม่สู้ตรงนี้ เขาก็สามารถออกไปสู้ข้างนอกก็ได้
“แม่สี่! ข้าเคารพบรรพบุรุษเสร็จแล้ว กลับบ้านกันเถอะ”
ทั้ง'เสวี่ยทันหลาง'และองค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'รีบร้อนไล่ตามมา
อย่างไรก็ตาม'เย่ว์หยาง'โน้มคอลงไปอุ้มเด็กหญิง อีกฝ่ายที่เตรียมตัวจะโจมตี ไม่สามารถทำอะไรต่อไปได้ เพราะเกรงว่าจะพลาดพลั้งทำร้ายเด็กหญิง
“ข้าจะมองหาวันและสถานที่ๆ พวกเจ้ากับข้าสู้กันได้โดยไม่มีข้อจำกัด.. ข้ายังสามารถเรียกพายุหิมะที่แข็งแกร่งกว่า 10 เท่า 20 เท่า หรือแม้แต่ 30 เท่า ครั้งต่อไปที่เราพบกัน เราต้องตัดสินกันไปเลยว่าใครจะได้ชัยชนะไป”
คุณชายน้ำแข็ง'เสวี่ยทันหลาง'ไม่พอใจ เขารู้สึกว่าเขาเป็นบุรุษที่โดดเด่นที่สุดในกลุ่มคนที่มีพรสวรรค์ แม้ว่าเขาจะปฏิเสธไม่ได้ว่า คนหน้าด้านอย่าง'เย่ว์หยาง'ยังเป็นผู้โดดเด่นก็ตาม แต่ในใจของเขา ก็ยังหวังจะพิสูจน์ว่าเขาโดดเด่นกว่านิดหน่อยก็ยังดี
“เมื่อฤดูร้อนมาถึง ข้าจะขอให้เจ้าจัดงานเลี้ยงน้ำแข็งภาคฤดูร้อน”
ขณะที่'เย่ว์หยาง'พูด 'เสวี่ยทันหลาง'ก็หันหน้าเดินจากไปทันที
“คิกคิก”
'เย่ว์ปิง'ปิดปากหัวเราะคิกคัก
“นี่! เจ้ายังไม่ได้รับอนุญาตให้จากไปทั้งที่การต่อสู้ยังไม่จบ เราต้องมาสู้กันต่อ”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'เกลียดคนพาลประเภทนี้
นางอยากจะใช้กระบี่ยักษ์ของนางทุบศีรษะเจ้าเด็กบ้านี่ให้แหลกเป็นเสี่ยง ความจริงเขาวิ่งหนีแทบจะทันทีที่การต่อสู้เริ่ม เขาไม่มีความภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีลูกผู้ชายเลยหรือนี่? 'เย่ว์หยาง'รู้สึกรังเกียจมาก คนเราอาจมีเกียรติได้ก็จริง แต่มันเอามากินไม่ได้
เมื่อลูกผู้ชายพยายามไล่ตามจีบสาวงาม เขาจะตระหนักในเกียรติอย่างแรงกล้า แต่ในการต่อสู้ธรรมดา ทำไมจึงต้องรู้สึกถึงเกียรติรุนแรงขนาดนั้นด้วยเล่า? พออุ้มเด็กหญิงอยู่ 'เย่ว์หยาง'จงใจส่ายศีรษะถอนหายใจกล่าวว่า
“งั้นข้าแพ้แล้ว ข้าเป็นแค่สวะชิ้นหนึ่ง หากมีใครบางคนรังแกข้าเมื่อไหร่ก็ตาม ข้าก็แค่ปล่อยไป แต่ท่านเป็นองค์หญิง ท่านควรจะถอดชุดและไปเล่นน้ำในทะเลสาบไม่ใช่หรือ? แทนที่จะมัวมาหาเรื่องรังแกสวะชิ้นหนึ่ง โปรดเมตตาและเหลือทางออกให้เราบ้าง เราโดนรังแกจนเกือบจะใช้ชีวิตปกติต่อไม่ได้แล้ว แม่สี่! ไปกันเถอะ”
หญิงงามส่ายศีรษะและกล่าวอย่างนุ่มนวลว่า
“ยังต้องพักที่นี่ต่ออีก 2 วัน ข้าอยากจะพบกับแม่นางเฟิงและสอบถามอาการของอาสี่ของเจ้า”
นางรับเด็กหญิงมาจาก'เย่ว์หยาง'และลูบศีรษะ'เย่ว์หยาง'เบาๆ
“ไม่ทันได้รู้ตัว ซานเอ๋อของแม่ เจ้าโตมากแล้ว, ซานเอ๋อเก่งมาก แม่สี่มีความสุขจริงๆ เราค่อยคุยกันทีหลังนะ ตอนนี้เจ้าควรไปกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก่อน ในฐานะหัวหน้าครอบครัว เจ้าไม่ควรละเลยอาคันตุกะอย่างองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน”
'เย่ว์หยาง'สวมบทลูกกตัญญูที่น่ารัก เขาพยักหน้าอย่างจริงจัง
“แน่นอน, แม่สี่เดินช้าๆ นะ ข้าจะต้อนรับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตามสมควรเอง ข้ามั่นใจว่านางคงได้สำลักความสุขเป็นแน่”
โดยนิสัยแล้ว เขาไม่กล้าพูดประโยคสองแง่สองง่าม องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'เลิกคิ้วและสงสัยว่าทักษะ 6 รับรู้ของนางคงประสิทธิภาพลดลงนิดหน่อย ทำไมนางถึงไม่ได้ยินคำพูดที่'เย่ว์หยาง'พูด? เป็นเพราะความสับสนหรือเป็นเพราะนางถูก'เย่ว์หยาง'หลอกในเรื่องไร้สาระ?
แปลก... นางไม่รู้ว่าในโลกนี้, ยังมีบุรุษที่หน้าด้านใช้ทักษะโกง เรียกว่าทักษะลวง ทักษะหกรับรู้ของนางไม่แข็งแกร่งมาก นางคาดว่านางคงถูกหลอกแน่ ได้เผชิญหน้ากับทักษะลวง ระดับ 2 ทำให้นางสับสน เพราะคำ (2 แง่) ที่'เย่ว์หยาง'ใช้เป็นคำปกติแน่นอน ถ้านางยังฟังต่อไปโดยไม่มีความสงสัยใดๆ อย่างนั้นมันอาจกลายเป็นหายนะได้ หากว่ามันเกิดขึ้นจริง นางจะถูกเขาหลอกปั่นหัวได้อย่างไม่มีที่สุด
“คำพูดของเจ้าไม่ถูกต้อง มันเหมือนกับว่าต้องการเอาเปรียบข้า เจ้าคิดบางอย่างที่เลวร้ายอยู่หรือ?”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'มีความรู้สึกรับรู้ที่ดีและ'เย่ว์หยาง'พึมพำว่าเกือบไปแล้ว โชคดีที่ทักษะลวงได้เพิ่มระดับไปแล้ว ดังนั้นตอนนี้นางทำได้เพียงรู้สึกว่าเหมือนโกหกได้นิดหน่อย แต่ไม่สามารถยืนยันได้เหมือนที่ผ่านมา ฮ่า ฮ่า เวลาหลอกล่อนาง มาถึงแล้ว นางเป็นเจ้าหญิงพระองค์หนึ่งไม่ใช่เหรอ? ถ้านางได้รับการฝึกระเบียบวินัยมา 'เย่ว์หยาง'เชื่อว่ามีโอกาสดีที่จะทำให้นางกลายเป็นนางทาสเชื่องเชื่อได้...
'เย่ว์หยาง'รู้สึกคันในหัวใจ แต่แสร้งทำท่าสง่างาม
“เถอะน่า..ความคิดของข้าที่มีต่อองค์หญิงไม่เห็นมีอะไรต้องสงสัย และความชื่นชมที่ข้ามีต่อท่านไม่มีที่สิ้นสุดดุจสายน้ำไหลริน ข้าว่าจะเตรียมเชือดไก่เผากระดาษเงินกระดาษทองสาบานเป็นพี่น้องต่างเพศกับเจ้าหญิงด้วยซ้ำ ดังนั้น ถ้าข้าเคยทำไม่สุภาพไว้จริง ขอให้ฟ้าผ่าเถ้าแก่ร้านหล้าเมืองไป๋ฉือเลย”
“แล้วเถ้าแก่ร้านเหล้าเมืองไป๋ฉือเกี่ยวข้องอะไรด้วย?”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ยิ่งสับสนมากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของ'เย่ว์หยาง'
"ทำไมทักษะหกรับรู้ของนางจึงล้มเหลว?”
“เหลวไหล..เกี่ยวข้องมากๆ เลย”
'เย่ว์หยาง'พูดอย่างมีเลศนัย
“ข้าไม่ได้บอกเรื่องนี้แก่ใครๆ แต่เนื่องจากเป็นท่าน งั้นก็ดีแล้ว เพราะท่านเป็นพี่น้องร่วมสาบานของข้า ไม่สิ เดี๋ยวก่อน ท่านเป็นองค์หญิงของข้า ท่านไม่รู้เรื่องเถ้าแก่ร้านเหล้าทิศตะวันออกเมืองไป๋ฉือเลยเหรอ? เขาเป็นพ่อค้าที่หยาบช้า ไม่มีจิตสำนึกเมตตาปราณีเมื่อเทียบกับพ่อค้าฝ้ายเนื้อดีในโรงงานนรก? คนที่เป็นเถ้าแก่มักจะผสมน้ำในเหล้าเล็กน้อย แต่เขาไปไกลยิ่งกว่า เขาเอาเหล้าผสมในน้ำเปล่าแล้วเอามาขายเหมือนกับพวกซานลู่กรุ๊ป เอานมผงผสมเมลามีนมาขาย ถ้าสายฟ้าไม่ผ่าเขา ยังจะมีความยุติธรรมในโลกอีกหรือ?”
(ซานลู่กรุ๊ปปรากฏเป็นข่าวว่าผลิตนมผงสำหรับเลี้ยงเด็กโดยผสมเมลามีนเพื่อทำกำไรจนเป็นเหตุให้เด็กทารกเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากเป็นข่าวดังในจีนเมื่อ 8 ปีที่แล้ว)
“เมลามีนนี่คืออสูรชนิดใดเหรอ? แล้วพวกซานลู่ขายนมอะไร?”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ยิ่งสับสนมากกว่าแต่ก่อน กลายเป็นว่านางไม่เข้าใจแม้แต่เรื่องเดียว
“ท่านไม่รู้เหรอว่าซานลู่คืออะไร? มันคือสัตว์อสูรในตำนานที่ครอบครองความสามารถเปลี่ยนวัตถุให้กลายเป็นหิน โอว..สวรรค์เจ้าไม่ได้ยินคำขวัญนี้เหรอ”ดื่มซานลู่ จะกลายเป็นหินยกรุ่น“?”
'เย่ว์หยาง'แสดงอาการตกใจเมื่อเขาถามพร้อมกับตีสีหน้าตะลึงงันเหมือนคนโง่เง่า ลักษณะท่าทางของ'เย่ว์หยาง'กวนจนน่าซัดสักหมัด
“ข้าไม่เคยได้ยินมาเลย”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ปรารถนแรงกล้าที่จะซัดหนักๆ ที่ใบหน้าที่กวนโมโหของ'เย่ว์หยาง'
“สหาย, ข้ารู้ว่าเจ้าไม่สนใจเรื่องราวข้างนอก ท่านหมกมุ่นอยู่กับความเป็นหญิง แต่ท่านไม่รู้จักกระทั่งซานลู่ ข้าจะบอกอะไรให้ ซานลู่ก็เหมือนหญิงผู้ชำนาญการ ทั้งสองที่กล่าวมานั้นมี”นม“ เย่ว์หยางกล่าวจริงจัง”ข้ารู้สึกว่าเจ้ากำลังพยายามลวงข้า เจ้าจงใจลวงข้า””
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'รู้สึกว่า ยิ่งนางฟังเรื่องไร้สาระมาก นางก็ยิ่งเวียนหัว นางสามารถรู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่ก็บอกไม่ได้ว่าอะไรผิด
“ข้าจะกล้าหลอกลวงท่านได้อย่างไร ท่านเป็นเจ้าหญิง? ข้าเป็นเพียงสามัญชน เป็นแค่เศษสวะ แล้วจะกล้าหลอกลวงท่านได้อย่างไร องค์หญิง? ตามธรรมดาแล้ว ข้าจะไม่กล้าทำอะไรมาก ยิ่งไปกว่านั้น ข้าเป็นคนซื่อสัตย์และเป็นสุภาพบุรุษ ตลอดทั้งชีวิตข้าปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างจริงใจ พูดแแต่คำสัตย์ กระทำแต่เรื่องสุจริตและยังฝึกฝนอบรมให้ตัวเองเป็นคนดี ดังนั้นข้าจะโกหกได้อย่างไร? นี่ข้าบอกท่านอย่างรับผิดชอบแล้ว ข้าไม่เคยโกหกมาก่อนตลอดชีวิตของข้า”
ขณะที่'เย่ว์หยาง'พูดประโยคนี้ แม้แต่ตัวของเขาเองยังไม่เชื่อสิ่งที่ตัวเองพูดไป
“ทำไมเจ้าพูดว่าเจ้าเป็นนักบุญที่จะเป็นลมเมื่อมองเห็นเลือดเล่า?”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ถามอย่างขุ่นเคือง
“รอยเลือดทำให้ข้ารู้สึกย่ำแย่ มันคือจุดอ่อนในชีวิตของข้า ข้ามีนิสัยขี้อาย ไม่ใช่ ข้าใจอ่อนมาตั้งแต่เกิดแล้ว”
'เย่ว์หยาง'ผู้สวมบทใช้เลือดเนื้อของคนอื่นตั้งแต่หัวจรดเท้าในตอนนี้ยิ้มกว้าง ราวกับว่ากำลังเพลิดเพลินอยู่ใต้แดดอบอุ่นในฤดูใบ้ไม้ผลิ
“ข้าเวียนหัว เจ้าเป็นคนหน้าด้านที่สุดที่ข้าเคยพบมาในชีวิต”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกำลังปวดหัว
“ครั้งหนึ่ง ท่านพบว่าท่านเข้าใจผิดข้ามาตลอดเวลานี้ ท่านจะรู้สึกผิดอย่างแน่นอน อย่างไรก็ตาม ก็ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ข้ายกโทษให้ท่าน อีกอย่าง ความอดทนเป็นคุณธรรมประจำตัวของข้าอยู่แล้ว นอกจากนี้ยังเป็นกุศลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า”
ไม่กี่วันที่ผ่านมา เขายังฆ่าคนที่ขวางทางเข้าปราสาทตระกูลเย่ว์ที่มาล้างแค้นอยู่เลย วันนี้เขาเพิ่งซัด'เย่ว์เทียน', 'เย่ว์เยี่ยน'และแม้แต่เด็ก 7 ขวบ'เย่ว์เฟิง'จนสลบบนเวทีล้างแค้นให้ตนเอง นี่เป็นก็ยังเป็นเรื่องที่เขาเอาไว้ประเมินตนเอง
“ลืมซะเถอะ ตอนนี้ไม่ต้องพูดเรื่องของเจ้าแล้ว ข้าคิดว่าถ้าคนที่หน้าด้านที่สุดในโลกมาพบกับเจ้า บางทีเขาคงรู้สึกจิตตกจนฆ่าตัวตายก็ได้ แต่ข้ายังทำความเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดมาก่อนหน้านั้นไม่ได้เท่านั้น...”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'รู้สึกสับสนบ้าง จึงตัดสินใจไม่คุยกับเจ้าเด็กบ้านี่ต่อไป มันมีแต่จะทำให้นางอารมณ์เสียยิ่งขึ้น จนฆ่าตัวนางเองเพราะความปวดหัวได้
“มาตรวจดูด้วยกันก็ได้ แล้วท่านจะเข้าใจทุกอย่างโดยทั่วถึง ท่านตั้งใจจะเริ่มตรงไหนล่ะ?”
'เย่ว์หยาง'พูดอย่างจริงใจ
“เจ้า!”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'เข้าใจว่าเขาแทะเล็ม จึงโกรธจัด นางคว้าคอเสื้อของเขาและต่อว่า
“เจ้ากล้าเหนี่ยวรั้งและเกาะแกะข้าหรือ?”
“ไม่ยุติธรรมเลย ข้าคิดว่า ต่อให้เป็นคนตาบอดก็รู้ได้ว่าใครหน่วงเหนี่ยว ใครเกาะแกะใครกันแน่”
'เย่ว์หยาง'โดนคว้าคอเสื้อ ตะโกนอย่างคับข้องใจ และดูเหมือนกับว่าเขาอยากจะโดดแม่น้ำฆ่าตัวตาย ทันทีที่เขาเห็นองค์หญิงมือกระบี่จ้องเขา เขาฉีกยิ้ม
“ข้าต้องการเกาะแกะท่าน แต่บอกได้ว่าเป็นแค่ความตั้งใจแต่ไม่ได้ทำมัน, องค์หญิง, ท่านไม่มีหลักฐานอะไรนะ แล้วท่านจะยังพยายามแปะป้ายว่าข้าเป็นนักเกาะแกะลวนลามท่าน ประชาชนผู้นี้รู้สึกไม่พอใจนะ ทำไมท่านไม่รอจนกว่าข้าเกาะแกะท่าน ทันทีที่มันกลายเป็นจริง อย่างนั้นก็ยังไม่สายเกินไปที่องค์หญิงจะกริ้ว ท่านไม่รู้สึกว่าสิ่งที่ข้าพูดมีเหตุผลอยู่บ้างหรือ?”
“หัวของเจ้า! องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกริ้วแล้ว แต่ในที่สุดนางกลับหัวเราะแทน เจ้าเด็กบ้านี่อาจซื่อสัตย์ในบางครั้งก็ได้ เขาก็พูดเรื่องจริงอยู่บ้าง”
“ขอบคุณ ในความเมตตาขององค์หญิง ประชาชนผู้นี้ขอตัวจากไปก่อน”
'เย่ว์หยาง'พยายามหลบลี้หนีออกมา
“เดี๋ยวก่อน, ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่า ข้าควรจะถอดชุดและไปอาบน้ำที่ทะเลสาบ เจ้าจะอธิบายเรื่องนั้นอย่างไร? ถ้าเจ้าไม่สามารถทำได้เช่นนั้น อย่างนั้นข้าจะถือว่าเจ้าใส่ร้าย”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'มีความทรงจำดี นางยังคงจำได้ชัดถึงเรื่องไร้สาระที่'เย่ว์หยาง'ได้พล่ามไว้ก่อนหน้านี้
“ท่านมีงานอดิเรกอย่างนั้นจริงๆ เหรอ?”
'เย่ว์หยาง'กระพริบตาโตและถามอย่างสงสัย
“ข้าไม่มีงานอดิเรกเพี้ยนๆ แบบนั้น”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'แจกแจง ใครกันจะเบื่อถึงขนาดวิ่งไปอาบน้ำริมทะเลสาบ?
“แต่มันถูกเขียนไว้ในนิยายชัดแล้วนี่ว่าเจ้าหญิงจะแข่งขันและพยายามเอาชนะกันด้วยการวิ่งไปอาบน้ำที่ริมทะเลสาบ จากนั้นผู้ที่หยิบเสื้อผ้าของเจ้าหญิงได้ก็จะได้รับความรักจากพวกนาง ตอนแรกข้าก็ตั้งใจไปและเตรียมพร้อมซุ่มจู่โจมอยู่ริมทะเลสาบ เพื่อดูว่ายังมีเจ้าหญิงองค์ไหนไปอาบนั้นที่นั่น...”
'เย่ว์หยาง'พูดด้วยน้ำเสียงผิดหวังและบอกกลายๆ ว่าผิดหวัง
“หน้าโง่! เรื่องเล่าเช่นนั้น ไม่มีจริง ยิ่งไปกว่านั้น ข้าไม่อ่านนิยายที่เขียนแบบไร้สาระอย่างนั้น”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ต่อยเข้าที่หน้าอก'เย่ว์หยาง'อย่างแรง
“ข้าก็อยากให้เรื่องนั้นเป็นจริงนะ...”
'เย่ว์หยาง'ทำหน้าเหมือนกำลังจะร้องไห้
“เจ้าแก้ไขไม่ได้แล้วแล้ว”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'พูดอะไรไม่ถูก จากนั้น'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้ส่งคนมาตามให้'เย่ว์หยาง'มาพบพระองค์ ใครจะคาดกันว่า'เย่ว์หยาง'ปฏิเสธคำเชิญและหาข้ออ้างทำให้คนอื่นเหงื่อตกและหงุดหงิด 'เย่ว์หยาง'คลำหน้าอกและทำท่าเหมือนจะล้มจากอาการบาดเจ็บบอกราชองครักษ์ว่า
“ข้ารู้สึกเป็นเกียรติที่ฮ่องเต้ทรงเรียกหาสวะที่ไร้ประโยชน์อย่างข้าไปพูดคุยด้วย แต่เมื่อไม่กี่วันมานี้ข้าติดหวัดและยังไม่ฟื้นตัวดี ยิ่งไปกว่านั้น ข้าใช้พลังเกินพิกัดในการแข่งขันครั้งนี้ ส่งผลให้ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส ดูข้าสิ เลือดเปรอะเชียว แสดงว่าข้ามีเวลาในชีวิตเหลืออีกไม่มากแล้ว ข้าต้องรีบกลับเดี๋ยวนี้ ต้องรีบไปเขียนพินัยกรรมและจ่ายค่างวดให้สมาคมเป็นครั้งสุดท้าย โอว..ผิดแล้ว ค่าธรรมเนียมชมรม เอ๊ย..ลืมไป ข้าไม่ได้เป็นสมาชิกชมรมอะไรเลยนี่.. ข้าจะไปฆ่าตัวตาย..ใครอย่าได้พยายามห้ามข้าเชียวนะ”
ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค 'เย่ว์หยาง'ก็แว่บหายไปแล้ว องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ตะลึงเมื่อเห็นท่าทางแบบนี้ ได้แต่บ่นพึมพำตามอยู่พักหนึ่ง
“สมองของเจ้าเด็กบ้านี่คงเสียหายบางส่วนแน่? ทำไมเขาถึงได้ดื้อนักนะ?”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
หลังจาก'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้ได้ยินองครักษ์รายงาน พระองค์หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“เจ้าเด็กนี่ ร้ายจริงๆ ดูเหมือนว่าต้องรีบตามจับเขามาลงโทษบ้างเสียแล้ว ถ้าไม่ถูกลงโทษหนักๆ เสียบ้าง ข้าคาดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเปลี่ยนนิสัยซุกซนของเขาได้”
ผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'ก็พลอยหัวเราะด้วย
“เด็กหนุ่มทุกวันนี้ กล้าจริงๆ นึกถึงตอนที่ข้ายังเด็ก เมื่อไหร่ก็ตามที่ผู้ใหญ่เรียกข้าไปเตือนสติ บางครั้งข้าก็ไม่อยากไป ข้าต้องการบอกญาติผู้ใหญ่ของข้าว่า ข้าได้รับการสอนสั่งประจำวันมาพอแล้ว อย่างไรก็ตาม ข้าไม่กล้าเสี่ยงพูดออกไป พี่ไห่, ท่านตั้งใจจะทำอย่างไร? ปล่อยให้เขาห้าวสัก 2 ปีหรือว่าจะอบรมวินัยกันสักหน่อย? ทำไมไม่หาอะไรให้เขาทำล่ะ? เกรงว่าเขาจะคิดว่าพวกเราเป็นตาแก่หงำเหงือกที่กลายเป็นคนตาบอด มิฉะนั้นเราสามารถส่งเขาไปที่นั่นเพื่อหาประสบการณ์ ข้าเชื่อว่าเจ้าเด็กนี่จะไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน”
'จุนอู๋โหย่ว'หัวเราะ
แม้ว่าสิ่งที่'จุนอู๋โหย่ว'พูดจะดูเหมือนปกติ แต่เป็นเหมือนกับฟ้าผ่ายามกลางวันแสกๆ ทำให้ให้'เฟิงเสี่ยวหยุน', 'เสวี่ยเวิ่นเต้า', 'หยานเชี่ยนจง', 'เย่ว์ซาน', 'เย่ว์หลิ่ง'และคนอื่นๆที่นั่งอยู่ตกใจกันหมด พวกเขาทุกคนตกใจจนลุกขึ้นยืนทันที
“อะไรนะ? ฝ่าบาท จะส่งเด็กคนหนึ่งไปฝึกตัวในที่แห่งนั้น มันเร็วไปหน่อยไม่ใช่หรือ?”
'หยานเชี่ยน'จงรีบลุกขึ้นยืนแสดงความวิตกกังวลแทน
“แน่นอน ที่นั่นอันตรายมากเกินไป”
'เสวี่ยเวิ่นเต้า'พยักหน้าเห็นด้วย
“ฝ่าบาท, ทำไมเราไม่ปล่อยให้เขาฝึกในหอทงเทียนชั้นสามสักระยะ ให้เขาได้สั่งสมประสบการณ์ประสบการณ์เสียก่อนเล่า? ที่นั่นไม่สามารถคาดเดาอะไรได้มากเกินไป”
'เฟิงเสี่ยวหยุน'ก็มีข้อสงสัยบางอย่างเช่นกัน
“…”
'เย่ว์ซาน'และ'เย่ว์หลิ่ง'มองกันเอง แต่ไม่พูดอะไร
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม 'เย่ว์เทียน'และ'เย่ว์เยี่ยน'ทั้งคู่ตอนนี้หมดสภาพไปแล้ว ดังนั้นพวกเขาไม่มีโอกาสไปได้
“การส่งเขาไปที่นั่นเร็วไปหน่อยจริงๆ แต่เราไปเพียงชั่วคราว แค่เลาะๆ ชายเมืองของที่นั้น พวกเขาอาจไม่สามารถเข้าไปในวงในภายในช่วงสองปีมานี้ ดังนั้นก็คงไม่เป็นไร พวกท่านไม่ควรดูถูกเด็กๆ ในทุกวันนี้, โพ่จุน, ชิชา, ทันหลางและเจ้าเด็กบ้านี่ พวกเขาทั้งหมดเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นที่ข้าคิดว่าอยู่ในระดับสูง หลังจากพวกเขาบรรลุเข้าดินแดนนั้นและพบสิ่งที่ต้องการ ข้าจะแนะนำพวกเขาให้รู้จักผู้อาวุโสท่านนั้น ไม่มีความจำเป็นที่พวกเจ้าทุกคนต้องกังวล ข้ามั่นใจว่าพวกเขาจะประสบความสำเร็จเหนือพวกท่านแน่นอน พวกเขาเป็นคนของอาณาจักรต้าเซี่ย และยังเป็นอนาคตของสี่ตระกูลใหญ่อีกด้วย ปล่อยพวกเขาไปก่อน ท้องฟ้ากว้างใหญ่ให้นกไว้บิน ทะเลกว้างใหญ่ไว้ให้ปลาแหวกว่าย อาจเป็นไปได้ว่าพวกท่านทุกคนต้องการพึ่งพิงพวกเขาและจนทำให้พวกเขาเอาชนะความยากลำบากในชีวิตมิใช่หรือ? ความแข็งแกร่งก็มาจากการฝึกฝนที่ดี ยิ่งยากลำบากมาก พวกเขาก็จะยิ่งแกร่งมาก”
'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้พูดปลอบโยนพวกเขาและให้คำมั่นสัญญา
“โปรดมั่นใจได้ ทางราชสำนักแห่งอาณาจักรต้าเซี่ย จะไม่ตระหนี่ถี่เหนียวแน่ๆ , แผนที่, บันทึก, สมบัติ ฯลฯ จะถูกนำออกมาให้พวกเขาได้ใช้ เจ้าไม่คิดว่าข้าไม่ปรารถนาให้พวกเขาเป็นอัจฉริยะหรอกหรือ? หรือว่าข้าจะไม่ห่วงความปลอดภัยของพวกเขา? ตราบใดที่พวกท่านยินส่งพวกเขาไป ข้าสามารถสนับสนุนให้ทุกอย่างที่จำเป็นได้”
“เนื่องจากฝ่าบาทยอมรับคำขอเช่นนั้นของพวกเรา เรื่องของพระองค์ เราพอใจแน่นอน”
'หยานเชี่ยนจง', 'เสวี่ยเวิ่นเต้า'และ'เฟิงเสี่ยวหยุน'โค้งคารวะ'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้สำหรับความโปรดปรานของพระองค์
“ข้าจะให้เวลาเจ้าเตรียมตัว 3 เดือน เย่ว์เทียนและเย่ว์เยี่ยนก็ควรไปด้วย แม้ว่าอสูรของพวกเขาจะตายไปแล้ว แต่พวกเขาสามารถทำสัญญากับอสูรอื่นๆ ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมีอสูรผู้พิทักษ์ของพวกเขา อสูรพิทักษ์เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดเสมอ ดังนั้นลืมเรื่องอสูรอื่นๆ ไปซะ นอกจากนี้ ความแข็งแกร่งของพวกเขายังจะก้าวหน้าได้ สำหรับความสูญเสียใหญ่ตอนนี้ ทางราชสำนักจะมอบอสูรชั้นทองแดงให้เขาเพื่อเสริมความแข็งแกร่ง แต่นับจากวันนี้เป็นต้นไป พวกเจ้าจะต้องสามัคคีกันป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฏกรรมจนมีอัจฉริยะต้องตายอีก”
'จุนอู๋ฮ่องเต้'พระราชทานประโยชน์เล็กๆ น้อยๆ ให้'เย่ว์ซาน'และ'เย่ว์หลิ่ง'
ในขณะเดียวกันก็ทรงเตือนพวกเขาไม่ให้ลอบคิดร้ายใดๆ ต่อ'เย่ว์หยาง' พวกเขาต้องไม่ซ้ำรอยโศกนาฏกรรมแบบ'เย่ว์ชิว'อีก ถ้าไม่อย่างนั้น พระองค์จะเริ่มฆ่าคน
“พวกข้าพระองค์ ขอขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา”
'เย่ว์ซาน'และ'เย่ว์หลิ่ง'รับคำแต่เพียงผิวเผิน แต่ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเขาคิดอะไรในใจกันแน่ พอ'จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้'โบกพระหัตถ์ กลุ่มผู้คนก็ถวายบังคมลากลับไปอย่างรวดเร็ว หลังจากให้ทุกคนออกไปหมดแล้ว
'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้สนทนากับผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'อีกครั้ง
“พี่ไห่! ข้าเห็นด้วยนะ ดูเหมือนว่าเขาไม่ต้องการจะพบข้า ท่านในฐานะที่เป็นปู่ควรไปคุยกับเจ้าเด็กบ้านั่นสักหน่อย ข้ามีความรู้สึกเหมือนว่าเขาจะมีความเชี่ยวชาญในการต่อสู้ แต่ความรู้เรื่องสัตว์อสูรน่าจะมีแค่เพียงผิวเผิน เอาอย่างนี้เป็นไร ในช่วง 3 เดือนก่อนเข้าโรงเรียน ให้เขาได้ศึกษาความรู้พื้นฐานก่อน? ท่านจะว่ายังไง?”
แง่มุมมองของ'จุนอู๋โหย่วฮ่องเต้'แหลมคมเหลือเกิน พระองค์อ่านคนได้อย่างถูกต้อง คำพูดที่พระองค์ตรัสออกมามุ่งเน้นต่อความจริงที่ว่า'เย่ว์หยาง'ไม่มีประสบการณ์ในการแต่งตัวที่เหมาะสม ขณะที่เขาก็ไม่ให้ความสำคัญต่อตระกูลของเขา เจ้าเด็กบ้านี่เอาแต่หมกตัวอยู่ในบ้าน ไม่เคยได้รับการอบรมพื้นฐานที่ดี หรือได้รับการศึกษาที่เหมาะสม อาศัยแต่ความแข็งแรงบ้าบิ่น ก็ไม่เป็นสิ่งที่ดีสำหรับการเติบโตของเขา
“ข้าคิดว่าจะให้ของๆ เย่ว์ชิวแก่เขา หวังว่ามันจะเป็นประโยชน์กับเขา เด็กคนนี้มีความอดทนอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังอายุน้อยและคงยับยั้งชั่งใจได้ไม่นาน การสั่งสมชื่อเสียงเร็วเกินไป ไม่ใช่จะเป็นเรื่องดีมาก ถ้าเขาใช้เวลาสักสองปีเข้าสู่ขอบเขตระดับ 6 หรือเป็นไปได้ก็ระดับ 7 มันก็ยังไม่สายเกินไปสำหรับเขาที่จะกลายเป็นมีชื่อเสียง ตอนนี้เขามีชื่อเสียงเร็วเกินไป ข้าเกรงว่าจะไปกระตุ้นความอิจฉาริษยาของบางคน”
ผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'ถอนหายใจเบาๆ
“คิดตอนนี้ไป ก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าเด็กนี่ฉลาดกว่าบิดาของเขาแล้วยังเจ้าเล่ห์มาก เขาจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ได้ โอว...จริงสิ ถ้าท่านต้องการให้ข้ามอบสิ่งนั้นให้เขา แน่นอนก็ต้องมีเงื่อนไขกันหน่อย ท่านต้องปล่อยให้เขาจัดการงานให้ข้า เจ้าสิ่งนั้นคือสิ่งที่ข้าจัดการอย่างระมัดระวังเพื่อดึงคืนมาจากเฒ่าผู้นั้น ข้าไม่อาจให้เจ้าเด็กนั่นฟรีๆ ได้”
'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้ขึ้นเสียงสูงและหัวเราะทันทีขณะที่พระองค์เห็นองค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'กำลังเดินมา
“เชี่ยนเชี่ยน เป็นยังไงบ้าง? เจ้าเด็กนั่น คุยอะไรกับเจ้า?”
“เจ้าเด็กแสบนั่นลวงข้า, แต่ข้าจับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ทักษะหกรับรู้ไม่มีผลต่อเขา”
องค์หญิง'เชี่ยนเชี่ยน'ตอบอย่างเศร้าซึม
“อ๋า..มันเป็นไปได้ด้วยหรือ?”
'จุนอู๋โหย่ว'ฮ่องเต้และผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'แทบไม่เชื่อสิ่งที่พวกท่านได้ยิน
ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=116