ตอนที่แล้วตอนที่ 107 ข้าจะข้ามหัวเจ้า P1
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 109 จงทำให้ศัตรูสั่นสะท้านต่อหน้าเจ้า

ตอนที่ 108 ข้าจะข้ามหัวเจ้า P2


มีเหตุผลก็คืออสูรที่ไม่ได้ทำสัญญาจะนำขึ้นเวทีไม่ได้  โชดดีที่กฎนี้ตั้งขึ้นมาเมื่อไม่กี่ร้อยปีที่ผ่านมา  มิฉะนั้น'เย่ว์ปิง'คงต้องพลิกแพลงอีกครั้ง  บรรพบุรุษตระกูลเย่ว์กังวลว่าเป็นเรื่องง่ายที่คนจะสูญเสียการควบคุมอสูรที่ไม่ได้ทำสัญญา

เมื่อสมาชิกในตระกูลสู้กันเอง  พวกเขาอาจพลั้งมือฆ่าญาติของพวกเขาก็ได้  มันจึงเป็นสิ่งต้องห้าม  สำหรับเรื่องนี้ 'เย่ว์หยาง'ได้แต่ยิ้มและรู้สึกว่ามันไม่ใช่เรื่องสำคัญ เขาต้องการจัดการเด็ดขาด และเขาจะต้องทำด้วยตัวเอง ทำไมจะต้องใช้'ฮุยไท่หลาง'ด้วยเล่า? 'เย่ว์หยาง'เตะ'ฮุยไท่หลาง' ที่ต้องการจะขึ้นเวทีต่อสู้พร้อมกับเขา ให้มันกลับลงไป จากนั้นดึงดาบจันทร์เสี้ยวออกมา  'เย่ว์หยาง'มั่นใจเต็มเปี่ยม  พูดไปหาวไปว่า

“น้องเก้า!   เจ้าก็รู้ว่าพี่เสี่ยวซานเป็นแค่สวะ  ข้าหวังว่าเจ้าจะออมมือให้ข้านะ  จะรังแกข้าก็ไม่ว่า  แต่อย่างน้อยให้ข้ามีชีวิตรอดไปจากตรงนี้ ตกลงนะ?”

คนนับจำนวนไม่ถ้วนมองมาที่เขาอย่างชิงชัง

พวกเขาอยากจะให้ตาของพวกเขายิงแสงคล้ายเลเซอร์ออกมาฆ่าเจ้าสวะหน้าด้านนี่ได้ในทันที 'เย่ว์เฟิง'มั่นใจว่าเขาคงไม่กล้า แต่ก็สงบใจรวบรวมสมาธิอยู่ภายใน เนื่องจากเขาอยู่ในโล่แสง เขาจึงไม่ต้องกลัวดาบจันทร์เสี้ยวในมือของ'เย่ว์หยาง'  เขาใช้มือน้อยๆ กดลงที่คัมภีร์  ใช้เวลารวบรวมสมาธิเพื่ออัญเชิญอยู่นาน  หุ่นเสือลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 ก็ถูกเรียกออกมา

แม้ว่าเขาอาจเป็นเด็กอัจฉริยะ  แต่เขาฝึกมาในระยะเวลาสั้นเกินไป สำหรับ'เย่ว์เฟิง'ที่เพิ่งจะเรียกหุ่นเสือลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 เกิดขีดจำกัดเขาไปมาก ดูเหมือนพลังของ'เย่ว์เฟิง'แทบจะถูกสูบเหือดแห้ง   เขาเหงื่อออกมากและหอบหายใจ กอดคัมภีร์เงินที่ยังลอยอยู่  การอัญเชิญเกินขีดจำกัดทำให้เขาไม่เหลือเรี่ยวแรง เสียงปรบมือดังสนั่นจากกลุ่มคนดู อายุเพียง 7 ขวบก็ยังสามารถอัญเชิญหุ่นเสือลายทอง

อสูรทองแดงระดับ 3 ออกมาได้ ช่างน่าอัศจรรย์เหลือจะกล่าว ไม่ใช่แค่เฉพาะประชาชนทั่วไป แม้แต่'จุนอู๋โหย่ว'และตัวแทนจากครอบครัวชั้นสูงต่างก็ปรบมือชื่นชม บิดาของ'เย่ว์เฟิง' หัวหน้าครอบครัวที่สอง 'เย่ว์หลิง'มีความสุขมาก เขาแค่ขาดป้ายหนังสือแปะไว้ที่หน้าผากระบุไว้ว่า “ข้าคือบิดาของอัจฉริยะผู้นี้”

คนที่ล้อมรอบเขาต่างก็ยืนขึ้นและแสดงความยินดีและประจบเขาไม่หยุด ขณะที่สามตัวแทนจากนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ นอกจากมีผู้อาวุโสนักสู้ระดับ 6 ผู้หลับตาตั้งแต่เริ่มและอยู่ในอาการสงบมาโดยตลอด  อีกสองคนที่นั่งอยู่ข้างเป็นบุรุษวัยกลางคน เขาเป็นนักสู้ระดับ 5 นั่งยิ้มเต็มใบหน้าของพวกเขา  พวกเขาจับมือกับคนรอบตัวพวกเขาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ได้รับการแซ่ซ้องสรรเสริญ ทั้งสองคนนี้พูดอย่างถ่อมตัวว่า

“เสี่ยวจิ่วฝึกฝนมาอย่างหนัก  แต่เขาก็ยังฝึกสั้นเกินไปนิด ดังนั้นจึงได้แค่ทำสัญญากับหุ่นเสือลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3   เขายังคงมีความสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกในอนาคต  แผนของเราคือจะให้เขาได้ทำสัญญากับอสูรชั้นเงินให้ได้ในปีต่อไป  จากนั้นก็ทำสัญญากับอสูรทองภายในห้าปี  เราชาวนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ จะดูแลเสี่ยวจิ่วเป็นอย่างดี”

“หวา..ได้ยินอย่างนี้แล้ว  ยังมีอสูรชั้นเงินและทองรอให้คุณชายเก้าได้ทำสัญญาด้วย”

“เป็นไปตามที่คาดเลย นิกายภูเขาหมอกแดนใต้ของสี่นิกายใหญ่”

“ทุบไอ้สวะนั่นให้ตายซะ”

“ไปเลยพยัคฆ์ศึก กัดไอ้สวะนั่นให้ตาย!”

“ไม่มีหมาป่าปีศาจ 2 หัวไอ้สวะนั่นตายแน่ๆ กัดมันเลย ทำให้มันกลัวให้ได้”

'เย่ว์ปิง'โกรธและหดหู่มากที่ได้ยินคำพูดแบบนั้น

นางรู้สึกว่าตระกูลลำเอียงมากเกินไป  พวกเขาให้หุ่นหนูระดับ 1 5 ตัวแก่พี่ชายนาง  แต่กลับให้เสือลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 แก่เสี่ยวจิ่ว นี่มันมากเกินไปแล้ว  นางไม่เชื่อจริงๆ ว่าเป็นอสูรที่บิดานางจับสลากได้มา  แน่นอนว่าเป็นการจงใจของลุงใหญ่และลุงรอง  ความจริงทางตระกูลครอบครองอสูรหุ่นเป็นจำนวนมาก

แม้ว่าพวกเขาจะจับแบบสุ่มๆ ก็ยังได้หุ่นวัวเหล็กระดับ 2 ด้วยซ้ำ ก็ยังไม่ถึงกับทำให้คนอื่นผิดหวัง แต่..พวกเขาไม่ใช่ให้มาแค่เพียงหนึ่งตัว กลับให้หุ่นหนูระดับ 1 มาถึง 5 ตัว นางเคยเห็นคนถูกรังแกมาก่อน แต่ก็ยังไม่ถึงขนาดนี้ ถ้าพี่ชายของนางไม่เก่งขนาดนี้ คนที่น่ารังเกียจพวกนี้คงจะแอบยิ้มลับหลังก็ได้ ต่อหน้าเสือศึกลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 เย่ว์หยางแกล้งแสดงสีหน้าว่ากลัวจัด

เขาชูดาบจันทร์เสี้ยวขึ้นสูง ด้วยความเร็วปานสายฟ้า มีแสงแว่บอยู่ในอากาศ  ขณะที่ประกายแสงยังคงส่องกระทบตาของผู้ชม  เสือศึกลายทองชั้นทองแดงระดับ 3 ส่งเสียงครางและโดน'เย่ว์หยาง'จัดการจนกระเด็นไปในอากาศสูงถึง 10 เมตร มันร่วงลงเวทีต่อสู้อย่างแรงมีประกายไฟขนาดใหญ่พุ่งออกจากปากของมัน เสียงของแตกหักดังอยู่ตลอดเวลา  ตอนแรกดูเหมือนมันยังลุกขึ้นมาได้อีก แต่ว่ามันเดินเซไปเซมาเหมือนกับคนเมา

“เสือศึกลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 มันสุดยอดจริงๆ เล่นเอาซะข้ากลัวจนขวัญกระเจิงเลยนะ”

'เย่ว์หยาง'ตะโกนพลางเตะหุ่นเสือที่กำลังเดินโซเซไปมา และแล้วหุ่นเสือก็ล้มลงกับพื้นเสียงดังสนั่น มันหัวทิ่มลงกับพื้น

ภายในหัวของมันมีเสียงระเบิดดังกึกก้อง ตาของมันที่่ส่องแสงสีแดงเรื่อก็ค่อยๆ หรี่ลงและดับไปในที่สุด  ทุกคนต่างก็งุนงงและไม่เชื่อเรื่องอย่างนี้  เสือศึกลายทอง ชั้นทองแดงระดับ 3 จะพบจุดจบในลักษณะนี้หรือ? 'เย่ว์หยาง'เดินมาหา'เย่ว์เฟิง'ช้าๆ พร้อมกับกระชับดาบจันทร์เสี้ยวในมือ เขาเดินเข้ามาหา'เย่ว์เฟิง'ที่สูญเสียโล่แสงไปแล้ว เขายิ้มเหมือนกับไม่มีพิษมีภัย

“เสี่ยวจิ่ว! พี่เสี่ยวซานเป็นเหมือนสวะนะ  รังแกกันนิดๆ หน่อยๆ ก็ไม่เป็นไร  ถ้าเจ้ารังแกข้ามาก เดี๋ยวข้าร้องไห้นะ รู้ไหม?”

ขณะที่เขาพูด 'เย่ว์เฟิง'เริ่มเบะปาก น้ำตาเริ่มไหลออกเป็นทาง ฝูงชนมองดู'เย่ว์หยาง'อย่างโกรธแค้น พวกเขาอยากโดดลงมาที่เวทีมาฆ่าไอ้สวะจอมเพี้ยนน่ารังเกียจนี่ซะ 'เย่ว์หลิง' บิดาของ'เย่ว์เฟิง'กำหมัดตัวเองแน่น  ความโกรธในดวงตาเขาบ่งบอกว่าต้องการจะเผาผลาญ'เย่ว์หยาง'ให้เป็นจุล

อย่างไรก็ตาม 'เย่ว์ปิง'ตื่นเต้นมาก นางไม่สามารถลืมได้ว่าเมื่อปีที่แล้วเวลานี้ เด็กในครอบครัวที่หนึ่งและครอบครัวที่สอง ร่วมมือกันรังแกพี่ชายของนาง ความทรงจำเหล่านี้ยังคงแจ่มชัดอยู่ในหัวของนาง  'เย่ว์เฟิง'ไม่ใช่เหรอที่โยนประทัดใส่ตัวพี่สาม?

ถ้าเขาไม่ได้รับบทเรียนเสียบ้าง เขาก็จะไม่รู้ว่าโลกกว้างใหญ่เพียงใด และไม่รู้วิธีให้เกียรติคนอื่น  แล้วเป็นไงถ้าเขาได้พบคนที่ทำให้เขาได้รับคัมภีร์เงิน?  ความแข็งแกร่งที่แท้จริงไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอก  โดยเฉพาะทำงานอย่างหนักและการฝึกฝนจะสามารถเดินไปตามเส้นทางที่แท้จริงจนสามารถไต่ระดับไปจนถึงเป็นนักสู้ระดับสูงได้

“แง้....นี่เป็นไปไม่ได้ อสูรของข้า เสือศึกลายทอง อสูรทองแดงระดับ 3 เจ้าเอาชนะมันได้ยังไง โดยไม่ได้เรียกอสูรออกมา?   หุ่นก็กระจอก วิทยายุทธไม่มีทางเอาชนะเสือศึกลายทองได้..”

'เย่ว์เฟิง'ทำท่าเหมือนเด็กเหลือขอที่รู้สำนึกผิด และเริ่มตะโกนถามคำถาม'เย่ว์หยาง'

“มันเหมือนกับดาบผ่าปฐพีนิดหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ เป็นแค่พลิกแพลงใช้ พี่ไห่ ฝีมือเสี่ยวซานไม่เบาเลยนะ เขามีเสน่ห์บางอย่างที่สืบทอดมาจากบิดาของเขา”

'จุนอู๋โหย่ว'ยิ้มขณะที่เห็นภาพนี้  ในฐานะฮ่องเต้อาณาจักรต้าเซี่ย  พระองค์เป็นฮ่องเต้ที่คิดว่ามีฝีมือระดับสูง  ภายในทวีปมังกรทะยาน มีหลายคนที่สบประมาทพระองค์ บอกว่าพระองค์เป็นฮ่องเต้ที่เขลา  ถ้าไม่ใช่เพราะพระองค์เป็นนักสู้ระดับ 7 กับมีพลังที่น่ากลัว พวกเจ้าเมืองหัวเมืองต่างๆ คงก่อกบฎไปแล้ว

“หลานคนนี้อดทนอยู่เงียบๆ ไม่ยอมเปิดเผยความลับมาหลายปี  ข้าก็ยังเข้าใจเขาผิดไปเหมือนกัน”

ผู้เฒ่า'เย่ว์ไห่'ผงกศีรษะอย่างเงียบๆ

“…”

ผู้แทนจากสี่ตระกูลใหญ่ได้เห็นฝีมือของ'เย่ว์หยาง'แล้ว ถึงกับหน้าซีดลงเล็กน้อย พวกเขาไม่หวังให้'เย่ว์ชิว'ปรากฏตัวเป็นครั้งที่สอง คุณชายสามผู้เป็นสวะที่สุดในแผ่นดินมังกรทะยาน ในวันนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยสิ้นเชิง  ดูเหมือนว่าเขาได้รับสืบทอดวิชาของบิดาเขา 'เย่ว์ชิว' และมันก็ปรากฏในตัวเขาในตอนนี้แล้ว 'เสวี่ยทันหลาง'ขมวดคิ้วขณะที่เห็นเหตุนี้  เขาไม่แปลกใจว่า'เย่ว์หยาง'ครอบครองพลังอย่างนั้น  ทั้งนี้เป็นเพราะเมื่อพวกเขาเข้าไปในแดนปีศาจ

คุณชายสามผู้สวะผู้นี้สามารถกลับมาพร้อมกับกลุ่มสวะของเขาโดยปลอดภัยหลังจากสู้กับขุนปีศาจ  อย่างไรก็ตาม  เขายังรู้สึกว่า'เย่ว์หยาง'ไม่ใช่คนที่แค่ครอบครองพลังง่ายๆ อย่างนั้นแน่ นักสู้ที่มีแต่วิทยายุทธยากที่จะฆ่าขุนพลปีศาจได้ ขุนพลปีศาจหลายตนจะถูกฆ่าโดยสัตว์อสูร  ตัวอย่างเช่นขุนพลแห่งความตายและขุนพลเมฆปีศาจไม่มีรูปแบบชัดเจน  ไม่ว่าจะมีวิทยายุทธดีอย่างไรก็ตามก็ไร้ประโยชน์เมื่อเอามาใช้กับพวกมัน

คุณชายสามผู้นี้ครอบครองสัตว์อสูรแน่นอน  เขาแค่ยังไม่ได้แสดงมันออกมา 'เสวี่ยทันหลาง'รู้สึกตื่นเต้นและคาดหมายอยู่เต็มหัวใจ ความแข็งแกร่งที่เจ้านี่ปกปิดเอาไว้จะมีมากขนาดไหน? เขาต้องการเห็นให้ชัดก่อนที่จะสู้เสี่ยงตายกัน 'เย่ว์หยาง'ไม่ใส่ใจว่าคนอื่นจะมองเขาอย่างไร เขาขึ้นมาบนเวทีเพื่อประกาศศักดาและกอบกู้ศักดิ์ศรีของสหายผู้น่าสงสารและแม่สี่กลับคืนมา  เขาจะเล่นบทคนเกเรและจะไม่สุภาพกับเย่ว์เฟิงอีกแล้ว  จึงยิ้มแล้วพูดว่า

“เสี่ยวจิ่ว! แม่เรียกกลับไปกินนมแน่ะ ไป...”

เขาเตะอัจฉริยะ'เย่ว์เฟิง'ต่อหน้าต่อตาทุกคนจนปลิว การลงมือที่เกินเลยครั้งนี้ของ'เย่ว์หยาง'ทำให้ยอดฝีมือของนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ 2 คนโกรธแค้น  พวกเขาเคลื่อนไหวทันที คนหนึ่งเข้าไปรับ'เย่ว์เฟิง'ที่ถูกเตะจนปลิวไว้  อีกคนโดดขึ้นไปบนเวทีร้องด่า'เย่ว์หยาง'

“เจ้าสวะเสี่ยวซาน เจ้ามันบ้าจริงๆ เย่ว์เฟิงเป็นศิษย์คนสำคัญของนิกายภูเขาหมอกแดนใต้ของเรา  เจ้ากล้าทำเรื่องเลวร้ายกับเขาได้อย่างไร?”

ยอดฝีมือผู้นี้ไม่ยอมรับฟังคำอธิบายใดๆ  เขาเรียกอสูรของเขาออกมากลางอากาศและผสานร่างกับเขากลายเป็นมนุษย์หมาป่ากรงเล็บยาว กรงเล็บที่ตัดฟ้าและโลกได้ ในที่สุด หมาป่าสวรรค์ก็ได้กระโจนลงแผ่นดิน เขากระโจนเข้าใส่ศีรษะของ'เย่ว์หยาง'

“ดาบที่สอง ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย”

'เย่ว์หยาง'ซัดดาบจันทร์เสี้ยวใส่ยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าในลักษณะหมุนวน

จากนั้นเขาชักดาบวิเศษฮุยจินออกมาจากสะเอว บรรจุปราณก่อกำเนิดไว้  แสงสีทองปรากฏออกมาในมือของเขาและยิงใส่ไปที่หน้าอกของยอดฝีมือมนุษย์หมาป่า กรงเล็บของยอดฝีมือมนุษย์หมาป่านั้นใกล้จะถึงศีรษะของ'เย่ว์หยาง'เต็มที

อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีโอกาสที่จะเคลื่อนเข้าใกล้แม้แต่นิ้วเดียว เขาร้องออกมาอย่างโหยหวนและกระอักเลือดออกมาขณะที่หงายหลังออกไป ที่สำคัญ พวกเขาเป็นนักสู้ระดับ 5 เมื่อยอดฝีมือมนุษย์หมาป่ากระแทกลงกับพื้น เขารีบกลิ้งตัวออกไปพร้อมกับหลบคมมีดของ'เย่ว์หยาง' แล้วรอความช่วยเหลือจากสหายของเขา

อย่างไรก็ตาม เขาคิดตื้นเกินไป มีเท้าข้างหนึ่งย่ำลงมาจากท้องฟ้าเข้าที่หลังของเขา ทำให้ร่างของเขากระแทกกลับไปบนพื้นเวที  'เย่ว์หยาง'ย่ำลงบนหัวยอดฝีมือมนุษย์หมาป่าอย่างแรงและจ้องมองเขาด้วยสายตาดุจมัจจุราช

“นิกายภูเขาหมอกแดนใต้เหรอ?   นั่นทำให้ข้ากลัวตายเลยสินะ  พวกเจ้าก็รู้ว่าข้าเป็นแค่สวะ และข้ามีความกล้าอยู่เพียงเล็กน้อย  ถ้าพวกท่านข่มขู่ข้าอย่างนี้  นั่นขู่ขวัญข้าจนตายเลยไม่ใช่หรือ?  เย่ว์ปิง, ดูสิ นักสู้ระดับ 5 เชียวนะนี่  โอว..นักสู้ระดับ 5  เขากล้าเปิดฉากจู่โจมภายใต้สายตาผู้ชม กับสวะผู้นี้หรือ  พวกท่านต้องการทุบตีคนให้ตายหรือ?”

 ”

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=108

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด