ตอนที่แล้วตอนที่ 101 เย่ว์หยางคลั่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 103 ความก้าวหน้าระหว่างสู้

ตอนที่ 102 เราจะกู้ศักดิ์ศรีของเราคืนมา


อสูรทุกตัวย่อมมีจุดอ่อนของมัน ความแตกต่างที่ใหญ่ที่สุดในหมู่อสูรรบก็คือจุดอ่อนของอสูรที่ทรงพลังไม่สามารถหาเจอได้  ขณะที่อาจมองเห็นได้ง่ายกว่าสำหรับอสูรที่ด้อยกว่า อสูรสายเสริมพลังดูเหมือนจะไม่มีจุดอ่อน

เมื่อมองอย่างผิวเผิน  ทั้งไม่มีข้อจำกัดในการใช้พลังโจมตีเหมือนกับอสูรที่เป็นสายธาตุเฉพาะ ทั้งมิใช่ว่าจะไม่สามารถปกป้องเจ้าของๆ มันขณะโจมตีเหมือนกับอสูรสายนักสู้ ขณะที่อสูรรูปแบบพิเศษแทบทั้งหมดอยู่ในประเภทอสูรมีชีวิต ถูกหลายๆ คนเข้าใจว่ามันแย่ที่สุด และคุณค่าน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสายอื่นๆ   อสูรสายเสริมพลังที่ดูเหมือนจะดีกว่ามาก

ขณะที่พวกมันสามารถผสานร่างเข้ากับเจ้าของมันเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้พวกเขา  แต่ทุกคนในทวีปนี้รู้ว่าอสูรสายเสริมพลังมีจุดอ่อนร้ายแรงอย่างหนึ่ง  ตราบใดที่จุดอ่อนร้ายแรงนี้ถูกโจมตี ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูรหรือเจ้าของก็ตาม  พวกเขาจะได้รับความเสียหายรุนแรง เมื่อต่อสู้กับศัตรูที่ครอบครองอสูรสายเสริมพลัง สิ่งเดียวที่พึงทำคือหาจุดอ่อนของมันให้เจอและจู่โจมโดยไม่ต้องยั้ง นี่คือสิ่งที่เย่ว์หยางจะทำแน่นอน

'เย่ว์หยาง'เริ่มเข้าใจเกี่ยวอสูรสายเสริมพลัง  แต่ขณะที่อยู่บนตำหนักลอยฟ้า  เจ้าเมืองโล่วฮัวผู้รอบรู้ได้สอนให้ความรู้เกี่ยวกับสัตว์อสูรบางอย่างแก่โจรน้อยงี่เง่าที่ไม่มีแม้แต่ความรู้พื้นฐาน... บรรดาความรู้ทั้งหมดที่นางได้สอนมานั้น รวมถึงจุดอ่อนของหมีเล็บเหล็กก็ได้พูดถึงไว้ด้วย

หลังจากได้รับการช่วยเหลือจากหมีเล็บเหล็กแล้ว  เจ้าของจะมีผิวทนทาน ซ่อนตัวอยู่ในหมีเล็บเหล็ก กระดูกแข็งเหมือนเหล็ก มีกรงเล็บเป็นเหล็ก มีตัวทนทานต่ออาวุธทุกอย่างและยังมีความแข็งแรงเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม มันมีจุดอ่อนที่ชัดเจนเห็นได้ชัด ก็คือรอยเครื่องหมายพระจันทร์เสี้ยวบนหน้าอกของมัน  ถ้ารอยนี้ถูกโจมตี  ทั้งเจ้าของและสัตว์อสูรจะบาดเจ็บมากกว่าปกติหลายเท่า

*ฮูมมมม!*

กรงเล็บหมีขนาดใหม่ของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์กรีดฝ่าอากาศกระแทกลงที่พื้นอย่างแรง พื้นหินถูกกระแทกแตกหลุดเป็นชั้น  เศษหินแตกร่วงกราว  ใจกลางพื้นหินเป็นรูลึกมีรอยร้าวเหมือนรูปใยแมงมุม

“ตายซะเถอะ!”

การโจมตีก่อนหน้านั้นเป็นเพียงการสู้ติดพันอย่าง'เย่ว์หยาง'เท่านั้น

'เย่ว์หยาง'บ้าระห่ำไปแล้วเขาใช้ความเร็วโจมตีเกินกว่าสายตาของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์จะรับรู้ได้ทัน  เขาพลิกตัวกลางอากาศ ยืมแรงขับดันจากพลังภายในซัดด้ามหอกหักให้ปักไปที่หน้าอกของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์  ยามนั้นผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ร้องโหยหวนอย่างทรมานเนื่องจากความเจ็บปวดที่จุดอ่อนของเขาโดนโจมตีอย่างหนัก

จากนั้น'เย่ว์หยาง'ปล่อยหมัดตามทันทีฮุคซ้าย, ฮุคขวา อัปเปอร์คัทแล้วต่อด้วยหมัดแย็บและตีศอกเข้าใส่ทุกจุด  จากนั้น'เย่ว์หยาง'กระโจนเข้าหาดุจเสือดำแล้วใช้มือของเขาเหนี่ยวคอของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ลงมาแล้วตีเข่าใส่ใบหน้าเขาเต็มแรง ทำให้ใบหน้าของเขากลับคืนสภาพเดิมก่อนที่จะแปลงกาย (ด้วยพลังอสูรเสริมพลัง) ฟันทุกๆ ซี่ของเขาถึงกับกระเด็นร่วงออกจากปาก ใบหน้าของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์เปรอะไปด้วยเลือด ทำให้หน้าตาของเขาดูน่ากลัวกว่าปกติ

ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์รู้สึกเจ็บปวดมากจนแทบอยากตายและพบว่าเขาถูกทำร้ายที่จุดอ่อน  ขณะที่อสูรของเขาใกล้จะตายเต็มที  เขาตื่นตระหนกทันทีอยากจะถอยหนีไม่ต้องการยุ่งกับอะไรอย่างอื่น แต่ในสภาพที่เขาสับสน  เขากลับเดินไปหาหญิงงามที่อยู่ภายในรถม้า...

เจ้าหน้าที่ชุดแดงทั้งสองคนยืนตะลึงมองดูและหมดหวังกับผู้บังคับบัญชาของเขา  ยังจะดีเสียกว่าถ้าเขาไม่ขอโทษหรือหนีไปขณะที่เผชิญหน้ากับความตาย  แต่เขากลับต้องการฆ่าคุณนายสี่ผู้ที่'เย่ว์หยาง'ต้องการปกป้องมากที่สุด? เขาต้องการลากใครคนหนึ่งให้ตายไปพร้อมกับเขางั้นหรือ? แม้ว่าเขาจะเป็นคนหัวรุนแรงและชอบผูกพยาบาท  แต่เขาก็ไม่ควรทำเรื่องที่น่ารังเกียจเช่นนี้ไม่ใช่หรือ? ถ้าเขาทำอย่างนั้นจริงๆ  ก็เท่ากับบีบบังคับฝ่ายตรงข้ามให้ฆ่าเขา...

เนื่องจากเขาไม่สามารถเอาชนะ'เย่ว์หยาง'ได้ซึ่งหน้า  จึงตัดสินใจใช้แม่และน้องสาวของศัตรูเป็นตัวประกัน  นี่มันชักเพี้ยนไปใหญ่ไม่ใช่หรือ? ความจริงในความคิดของเขา ถ้าผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ไม่บีบบังคับเหตุการณ์และดื้อดึงเกินไป  คุณชายสามผู้ไร้ประโยชน์ผู้นี้คงจะไม่ถึงออกอาการคลั่ง   ต่อให้เขาเป็นอย่างนั้นก็คงยังไม่ถึงกับโกรธแค้นแบบนี้  บางทีคงไม่ถึงกับยืนกรานจะฆ่าผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์เป็นแน่

สถานการณ์ตอนนี้ชัดเจนมากแล้ว  คุณชายสามผู้นี้ทุ่มเทฝึกวิทยายุทธมาโดยตลอด  เขาฝึกมาแบบลับๆ และไม่ทำตัวเด่นโดยไม่ให้คนในตระกูลได้รู้ความลับนี้  หลังจากทำสัญญากับคัมภีร์ได้สำเร็จ  เขาคงต้องการกลับตระกูลเพื่อสะสางภาพพจน์คนที่ไร้ประโยชน์  แต่กลับต้องพบกับสถานการณ์แบบนี้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องยากที่จะไม่ให้เขาคลั่งได้ อย่างนี้ก็ไม่มีทางเลือก ต้องปล่อยเลยตามเลย

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”

เพื่อเอาตัวให้รอด ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ถึงกับตวัดกรงเล็บไปมั่วทุกที่ โดยไม่ได้สังเกตและวิ่งตะบึงไปข้างหน้าอย่างเดียว

“เจ้าคนดื้อ ข้าจะฟันเจ้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ!”

เมื่อ'เย่ว์หยาง'เห็นว่าผู้อาวุโสต้องการจะลากหญิงงามให้ตายพร้อมกับตัวเอง ก็ยิ่งโกรธจนแทบจะเผาท้องฟ้าให้วอดวายถึงครึ่ง  เขาไล่ตามผู้อาวุโสนั้นไปด้วยความเร็วดุจสายฟ้า ตะปบนิ้วทั้ง 5 เข้ากลางหลังของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์

'เย่ว์หยาง'ต้องการควักหัวใจของเขาออกมาและฆ่าเขาทันที  แต่ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ไม่ต้องการตาย ดิ้นออกมาจาก'เย่ว์หยาง'ได้ด้วยกำลังที่เขามีทั้งหมด  ทำให้เขาหนีพ้นเงื้อมมือ'เย่ว์หยาง' ขณะที่เขาถลันไปถึงด้านข้างรถม้า 'เย่ว์หยาง'โกรธจนใบหน้าเขาเองบิดเบี้ยวเหมือนปีศาจ เขาวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วกวาดขาเข้าไปที่ขาขวาของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ จากนั้นเขาใช้มือยันพื้นและใช้เท้ายันร่างของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ลอยไปในอากาศ จากนั้น'เย่ว์หยาง'ยืดตัวกลับคืนและเหวี่ยงร่างผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ขึ้นไปในอากาศ

ผู้อาวุโสร่างลอยละลิ่ว..และก่อนที่เขาจะร่วงลงพื้น 'เย่ว์หยาง'ที่ยังโกรธเต็มที่อยู่ได้ชักดาบจันทร์เสี้ยวออกมาจากในรถม้าแล้วกระโจนไปข้างหน้า

“เจ้าคนโหดเหี้ยมอำมหิต เจ้าต้องการจะลากให้คนอื่นตายไปพร้อมกับเจ้า   คงอยากให้มีใครสักคนมาร่วมลงโลงกับเจ้าสินะ”

'เย่ว์หยาง'ตะโกนลั่น

พูดไปคำพลางฟันดาบจันทร์เสี้ยวใส่ผู้อาวุโสห้องทรมานจนเลือดเนื้อและกระดูกกระเซ็น ทันทีที่ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ร่วงลงกับพื้น  'เย่ว์หยาง'ที่ยังโกรธแค้นอยู่ได้ฟันแขนขาทั้งสี่ของเขา แล้วฟันอีก 10 ดาบจนร่างแปลงของหมีหายไป  ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ดูเหมือนหมูใกล้ตายภายใต้พ่อค้าชำแหละหมู  ส่วนต่างๆ ของร่างกายเขากระจายอยู่ทั่ว  พอเลือดชุ่มโชก  'เย่ว์หยาง'เงื้อดาบจันทร์เสี้ยวของเขาในที่สุด เตรียมบั่นหัวผู้อาวุโส  พลันมีเสียงตะโกนมาจากในระยะไกล

“หยุดดดดด!”

“หยุดก่อน  ยังพอมีหวังนะ ถ้าเจ้ายั้งมือในตอนนี้!”

ชายชราหน้าสีอมชมพูศีรษะขาวโพลนกำลังขี่กวางตัวใหญ่ตรงมาที่พวกเขาอย่างรวดเร็ว  เขายังไม่ทันมาถึง แต่เสียงก็มาถึงเย่ว์หยางก่อนแล้ว พอเห็นคนผู้นี้  ใบหน้า'เย่ว์ปิง'เปลี่ยนเป็นยินดี สีหน้าของนางเต็มไปด้วยอารมณ์

“ท่านปู่ห้า!  ท่านต้องรักษาความยุติธรรมให้พวกเราด้วย  พวกเราไม่ผิด  พวกเขาเป็นฝ่ายบีบบังคับให้พี่สามต้องสู้  พวกเขารังแกเราก่อน...”

พอชายชราผู้ขี่กวางมาถึงและได้เห็นพื้นที่ทั้งหมดเปลี่ยนเป็นโรงฆ่าสัตว์  กลิ่นคาวเลือดรุนแรงคละคลุ้งอยู่ในอากาศ  ขณะที่บนพื้นมีผู้บาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน บางคนก็นอนร้องครวญครางอยู่  เขาพูดอะไรไม่ออก ได้แต่จ้องมองอย่างตะลึงอยู่ชั่วครู่ แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่มีประสบการณ์ในชีวิตโชกโชน  ก็ยังทำอะไรไม่ถูก ได้แต่โดดด้วยความตกใจกลัว มันยุ่งเหยิงมากขนาดนี้ได้อย่างไร? ดูเหมือนว่าครอบครัวที่สี่จะพาตัวเองมาอยู่ในสถานะลำบากครั้งใหญ่เสียแล้ว

“ซานเอ๋อ ไม่ว่าจะเป็นความผิดของใคร เจ้าวางอาวุธลงก่อน  ถ้าเจ้าฆ่าผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ตอนนี้  ไม่ว่าตอนแรกเจ้าจะเป็นฝ่ายถูก และไม่ว่าเจ้าจะเป็นฝ่ายคับข้องแค้นใจแต่เริ่มแรกก็ตามที  เจ้าก็จะกลายเป็นฝ่ายผิดได้ในที่สุด ฟังปู่ห้าแนะให้ดี  วางอาวุธเจ้าลง  ก่อนที่สถานการณ์จะย่ำแย่จนแก้ไขไม่ได้  พี่ไห่ไม่อยู่แถวๆ นี้และ 3 ผู้อาวุโสก็ยังแยกกันอยู่  อาซาน (ลุงใหญ่) ทำหน้าที่รักษาการณ์ประมุขตระกูลอยู่ในเวลานี้  เจ้าไม่สามารถต่อต้านเขาด้วยกำลังล้วนๆ ได้  เจ้าจงฟังปู่ห้า วางอาวุธของเจ้าลงซะและรอข้าอยู่ที่นี่ขณะที่ข้าไปตามพี่ไห่กลับมา  ถ้าเจ้าคิดว่าตัวเจ้าถูกและไม่กลัวโต้เถียงกับคนอื่นๆ ปู่ห้าจะสนับสนุนพวกเจ้า  อย่างไรก็ตาม เจ้าต้องไม่ฆ่าผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ เขาอาจเป็นแค่เบี้ยอีกตัวหนึ่ง  เจ้าเป็นเด็กฉลาด  ข้าคิดว่าเจ้าจะเข้าใจสิ่งที่ข้าพูด”

ชายชราที่ขี่กวางแนะนำ'เย่ว์หยาง'ทันที

“ครั้งหนึ่ง ข้าเป็นแค่เด็กกำพร้า เป็นเหมือนสวะที่ถูกคนอื่นรังแก  ข้าไม่ได้รับการสนับสนุน และในการเอาตัวให้รอด  ข้าจำต้องกัดฟันอดทน อย่างไรก็ตาม หนังจากแม่สี่รับเลี้ยงข้าไว้ ข้ากลับมามีแม่มีครอบครัวน้อยๆ ที่อบอุ่นอีกครั้งหนึ่ง  ตั้งแต่นั้นมา ข้าจึงตั้งใจไว้ว่า หากผู้ใดก็ตามทำอันตรายบ้านข้าหรือแม่ของข้า  ต่อให้เขาเป็นจักรพรรดิข้าจะฆ่าเขาให้ได้”

สายตาของ'เย่ว์หยาง'เย็นยะเยียบ เขาพูดต่อว่า

“วันนี้ ขอให้ข้า คุณชายสาม สวะที่ใช้การไม่ได้ผู้นี้ ใช้เลือดป่าวร้องบอกชาวโลกให้รู้ว่า จะรังแกข่มเหงข้าก็ไม่เป็นไร  ตราบใดที่พวกท่านหมัดยังแข็งกว่าข้า ถือว่าพวกท่านมีเหตุผลเพียงพอที่จะทำเช่นนั้น  แต่ผู้ใดก็ตามบังอาจทำร้ายสมาชิกครอบครัวข้า  ข้าจะฆ่าโดยไม่คิดถึงอะไรทั้งนั้น”

'เย่ว์หยาง'เงื้อดาบจันทร์เสี้ยวที่โชกเลือดขั้น

เขาฟันลงด้วยสายตาที่เด็ดเดี่ยว เลือดพุ่งกระฉูดจากลำคอของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ ศีรษะที่บิดเบี้ยวผิดรูปของผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์กลิ้งไปตามพื้นห่างออกไปไม่กี่เมตร ขณะที่ผู้เฒ่าขี่กวางเห็นเหตุนี้ ท่านหลับตาอย่างขมขื่นและส่ายหัวอย่างเศร้าใจ ถอนหายใจยาวกล่าวว่า

“ซานเอ๋อ! ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกไม่พอใจ  แต่ทำอย่างนี้จะไม่ลำบากยิ่งขึ้นหรือ? การประหารคนของเจ้าจะทำให้สถานการณ์เลวร้ายจนยากจะกอบกู้”

ปีศาจอย่าง'เย่ว์หยาง'ผู้มีเลือดชุ่มตั้งแต่หัวจรดเท้าเริ่มหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

“ลูกผู้ชายที่แท้จริง หากไม่สามารถปกป้องครอบครัวของข้าเองได้ ยังจะเรียกตัวเองว่าเป็นลูกผู้ชายอยู่อีกหรือ?  อย่าว่าแต่ผู้อาวุโสห้องลงทัณฑ์ผู้นี้สมควรตายจริงๆ และมันยังไม่สาสมกับความผิดของเขาด้วยซ้ำ   ต่อให้เป็นผู้มีอำนาจหรือเป็นนักสู้ที่แข็งแกร่งที่สุด ข้าก็จะฆ่าโดยไม่ปราณี  ใครก็ตามที่ต้องการแตะต้องเส้นผมคนในครอบครัวข้า ต้องข้ามศพข้าไปก่อน”

พอได้ยินบุตรชายพูด หญิงงามถึงกับใจเต้นและเริ่มร้องไห้ออกมา แม้ตามปกติดรุณีน้อย'เย่ว์ปิง'จะเป็นผู้หญิงที่ดื้อรั้นก็ยังปิดหน้าร้องไห้  น้ำตานางไหลผ่านนิ้วมือนางหยดลงเป็นสาย ขณะที่ผู้อาวุโสที่ขี่กวางได้ยินคำพูดของ'เย่ว์หยาง' เขาพยักหน้าถอนหายใจ  ดูเหมือนเขาจะว้าวุ่นใจมาก  ในที่สุด ก็คลายความกังวลและแนะนำว่า

“ซานเอ๋อ, เนื่องจากเจ้าตัดสินใจไปแล้ว ปู่ห้าจะไม่พูดอะไรมากไปกว่านี้แล้ว  ข้าหวังว่าเจ้าจะรั้งอยู่ตรงนี้รอพี่ไห่กลับมารับมือสถานการณ์เอง  ซานเอ๋อ, อารมณ์ของเจ้าเหมือนกับบิดาเจ้า  แต่มากเกินไปก็ไม่ดี  ตอนนั้นถ้าเขาไม่...เฮ้อ.. พวกเจ้าทุกคนแค่รออยู่ตรงนี้  อย่าไปตอบโต้การยั่วยุของใครๆ จนตกเข้าไปในกับดักคนอื่น  ข้าจะไปตามหาพี่ไห่เดี๋ยวนี้แหละ”

“ขอบคุณท่าน, อย่างไรก็ตาม  สิ่งที่ข้า เสี่ยวซานผู้ใช้การไม่ได้ต้องการทำในตอนนี้ ไม่ใช่รอความตาย  แต่จะใช้พลังของข้าบอกคนในตระกูลไม่ให้ปฏิบัติต่อความอดทนของเราเหมือนกับเป็นสิ่งอ่อนแอ  วันนี้ครอบครัวสี่จะไม่ยอมทนให้พวกท่านรังแกกันอีกต่อไป  ข้าต้องการพาแม่สี่, ปิงเอ๋อและชวงเอ๋อกลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ ไม่ว่าตระกูลเย่ว์จะต้อนรับเราหรือไม่  เราจะกลับบ้านและกู้ศักดิ์ศรีของเขากลับคืนมา  ข้าได้กล่าวไว้ก่อนนี้แล้วว่า ไม่ว่ามันจะเป็นผู้ใดก็ตาม ข้าจะปฏิบัติกับคนที่ขัดขวางทางข้าเหมือนเป็นศัตรูและฆ่าให้หมด  มาดูกันซิว่าใครกล้าพอที่จะมาหยุดยั้งไม่ให้ข้าพาแม่สี่กลับบ้าน”

'เย่ว์หยาง'ตะโกนเสียงลั่น  ผู้คุ้มกันตระกูลเย่ว์ที่ยืนล้อมมองดูอยู่แต่ไกลถึงกับกลัวจนหนีกระจายไปคนละทิศทาง

“ถ้าเจ้าจะเอาอย่างนี้  เจ้าจะไปปราสาทตระกูลเย่ว์ได้อย่างไร? ซานเอ๋อ!  เจ้ารู้ไหมว่าสมาชิกตระกูลเย่ว์บางส่วนต้องการให้เจ้าทำอย่างนั้น”

ชายชราผู้ขี่กวางพยายามแนะนำ'เย่ว์หยาง'อย่างต่อเนื่อง

“ต่อให้ต้องเผชิญกับภูเขาดาบทะเลเพลิง  ข้าก็จะเดินหน้าต่อ  แม่สี่เป็นผู้หญิงที่ใจดีและอดทน  แต่ข้าในฐานะที่เป็นลูกชายได้แต่ยืนมองดูนางถูกคนอื่นข่มเหง  เป็นเพราะแม่สี่อยู่ที่นั่นในอดีต ข้าจึงสามารถยืนหยัดอยู่ที่นี่ได้ในวันนี้  ดังนั้น ในวันนี้ ข้าจะมาอยู่ที่นี่เพื่อแม่สี่”

'เย่ว์หยาง'ถือดาบไว้ในมือข้างหนึ่ง

ขณะที่อีกใช้อีกมือแกะเชือกออกจากม้าที่ตายแล้ว เขาเหวี่ยงเชือกเปือนเลือดขึ้นบนไหล่ของเขาและลากรถม้าไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ คนอื่นมอบให้ท่านไม่ได้ ต้องต่อสู้เพื่อให้ได้มาด้วยสองมือและพลังของตนเอง ภายใต้การจ้องมองด้วยความรู้สึกซับซ้อนของชายชราขี่กวางและเจ้าหน้าที่ชุดแดง

'เย่ว์หยาง'ที่ตัวโชกเลือดลากรถม้าเดินผ่านหมู่บ้านตระกูลเย่ว์มุ่งหน้าไปปราสาทตระกูลเย่ว์อย่างช้าๆ เมื่อเขาผ่านไปที่ใดก็ตาม  บรรดาผู้คุ้มกันตระกูลเย่ว์และญาติต่างแยกย้ายหนีหายไปด้วยความหวาดหวั่นอย่างรวดเร็ว 'เย่ว์หยาง'มองขึ้นไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ที่เด่นตระหง่าน ตั้งอยู่สูงขึ้นไปบนเขาครึ่งทางของความสูง  จากนั้นเขามองท้องฟ้า  และแผ่อารมณ์รักปรารถนาดีไปถึงเขา

“สหายผู้น่าสงสาร!  เจ้าดูเหตุการณ์นี้อยู่หรือเปล่า?  ข้าหวังจะให้เจ้าได้เห็นเหตุการณ์นี้จริงๆ ณ.ที่นี้  ข้าขอยืนหยัดในนามของเจ้า เราจะกอบกู้ศักดิ์ศรีที่เจ้าเสียไปกลับคืนมาให้ได้”

 ”

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=102

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด