ตอนที่แล้วตอนที่ 76 เข้าถึงหัวใจธรรมชาติ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 78 ศัตรูแข็งแกร่ง มังกรกระดูกและจ้าวอัคคี

ตอนที่ 77 เติมปุ๋ย


มีเจ้าโง่เง่าบัดซบคนหนึ่งที่จะกล้าเผชิญหน้ากับ'ขุนพลปีศาจ'จำนวนหลายสิบ ยิ่งไปกว่านั้นยังมีปีศาจจำนวนเป็นแสนอยู่ที่ด้านหลังของพวกมันอีก ปฏิกิริยาแรกของ'เย่ว์หยาง'คือวิ่งเข้าไปหาลูกไฮดราตัวที่ใกล้ที่สุด

เขาเตรียมกอดมันไว้ตัวหนึ่งไม่ว่าจะเป็นหรือตาย จากนั้นอัญเชิญคัมภีร์ชั้นทองแดงของเขาออกมา เพื่อให้ม่านพลังปกป้องเขาไว้  แล้วใช้ม้วนเทเลพอร์ตพากลับไปอยู่ใต้ต้นโอ๊คหมื่นปี

ภายใต้สถานการณ์ที่เขาไม่ถูกโจมตี  การสู้กับไฮดราเต็มวัย เป็นเรื่องที่เปลืองกำลัง  แต่คงไม่มีปัญหาเมื่อสยบลูกไฮดราได้ แต่'ขุนพลปีศาจ'จะยอมปล่อยให้'เย่ว์หยาง'จากไปได้ตามใจชอบหรือ? แทบจะในทันทีเมื่อ'เย่ว์หยาง'ขยับ  'ขุนพลปีศาจ'ทั้งหมดก็ขยับตามด้วยเช่นกัน

'เย่ว์หยาง'พบว่าเครื่องมือเทเลพอร์ตในแดนปีศาจ เป็นอะไรที่แตกต่างจากที่ใช้ในทวีปมังกรทะยาน  ถ้านักรบในทวีปมังกรทะยานต้องการใช้ม้วนเทเลพอร์ต  พวกเขาจะต้องเปิดมันและอัญเชิญมันด้วยพลังภายในของพวกเขา

ช่วงก่อนนั้น เขามัวแต่ให้ความสนใจหลบหนีมากเกินไปโดยไม่ดูให้ดีเสียก่อน  แต่เวลานี้ 'เย่ว์หยาง'เห็นได้ชัดเจนทีเดียว  พวก'ขุนพลปีศาจ'โยนวัตถุสีดำลงมาแทบจะพร้อมกัน  ดูเหมือนว่าจะเป็นลูกบอลสีดำขนาดเท่ากำปั้น

ก่อนที่มันสัมผัสใครก็ตาม มันจะแตกโดยไม่มีเสียงแล้วกลายเป็นลำแสงสีดำ ภายในพื้นที่ครอบคลุมไปด้วยลำแสงสีดำ  แต่ละลำแสงจะตั้งเป้าหมายเทเลพอร์ตไปยังพื้นที่ซึ่งกำหนดไว้

ถ้า'เย่ว์หยาง'ไม่ละโมบและยืนกรานที่จะล็อคคอลูกไฮดราไว้  ด้วยพลังการเคลื่อนไหวของเขาลูกบอลเทเลพอร์ตของปีศาจคงยากที่จะกระทบเขาได้  แต่ตอนนี้..

'เย่ว์หยาง'ปฏิเสธที่จะโอนอ่อนผ่อนตามและผ่อนให้ลูกไฮดราดิ้นรนจนถูกเทเลพอร์ตไปยังสมรภูมิมรณะอีกแห่งหนึ่ง  ไม่ใช่แต่เพียงแค่นั้น  ตอนนี้ไม่ใช่เป็นแค่'ขุนพลปีศาจ'ตนเดียวที่เขาต้องเผชิญหน้าด้วย  แต่เป็น'ขุนพลปีศาจ' 5 ตนที่เขาต้องต่อสู้พร้อมกันทีเดียว

หลังจาก'ขุนพลปีศาจ' 5 ตนเข้ามาในพื้นที่สมรภูมิมรณะ พวกมันตั้งใจแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยมนุษย์ผู้นี้ไปจากที่นี้ทั้งที่ยังมีชีวิต  พวกมันปรึกษาหารือกันถึงวิธีรับมือ'เย่ว์หยาง' 'เย่ว์หยาง'ไม่เข้าใจเรื่องที่พวก'ขุนพลปีศาจ'คุยกัน

เนื่องจากพวกมันคุยกันด้วยภาษาปีศาจ แม้ว่าเขาจะสามารถเข้าใจพวกมันได้  แต่เขาก็ไม่มีเวลาสนใจพวกมัน ลูกไฮดราที่เขาล็อคคอมันไว้กำลังดิ้นรนด้วยพลังของมันเต็มที่

แม้ว่ามันจะเป็นแค่ลูกสัตว์อสูร  และมีเพียงแค่ 3 หัว  แต่ขนาดของลูกไฮดราก็ยังใหญ่กว่าวัวเสียอีก และคอทั้ง 3 ของมันก็ยาวคล้ายคองูเหลือม  แต่หัวของลูกไฮดราก็ยังโตกว่าหัวงูเหลือม (เต็มวัย)  และยิ่งไปกว่านั้น เขาแปลกๆ และครีบที่ยังปรากฏอยู่  ฟันของมันคมพอๆ กับใบมีด  และแต่ละครั้งที่มันกัดอย่างคคุ้มคลั่ง มักจะทำให้'เย่ว์หยาง'ลำบากเสมอ

“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”  พอเห็นฉากตลก 5 ขุนพลปีศาจถึงกับกุมท้องตัวเองหัวเราะกันลั่น พวกมันรู้สึกทันทีว่า เจ้ามนุษย์หนุ่มน้อยนี้ไม่ได้ตั้งใจโจมตีแดนปีศาจ สิ่งเดียวที่พวกมันไม่เข้าใจก็คือ เจ้าเด็กตัวแสบนี่ ใช้ม้วนเทเลพอร์ตประสาอะไร ถึงได้ส่งเข้ามาในสมรภูมิรบโบราณ? เขาเคยมาที่นี่ก่อนหรือ? 5 ขุนพลปีศาจยังสงสัยอยู่ว่า ถ้าพวกเขาจับตาดูและปล่อยเจ้ามนุษย์น้อยผู้นี้ไว้ก่อน บางทีเขาอาจไม่รอดโดนไฮดรากินทั้งเป็นก็ได้  มีหลายครั้งที่มนุษย์ลงมาต่อสู้ภายในดินแดนปีศาจ  แต่เจ้าเด็กนี่อ่อนแอที่สุด ทำให้พวกเขาตลกได้มากที่สุด  พวกเขาไม่เคยเห็นคนงี่เง่าอย่างอย่างนี้จากบรรดานักรบทั้งหมดที่เข้ามาถึงที่นี่ ไฮดราทั้ง 3 หัวจนล้มลงหมดฤทธิ์ ณ ตรงนั้นเอง พวกขุนพลปีศาจพากันหัวเราะจนตัวงอ “เจ้ามนุษย์! นี่เจ้ากะจะทำให้พวกข้าขำจนขาดใจตายใช่ไหม? เทียบกับการใช้พลังของเจ้าแล้ว ทำให้พวกข้าขำตาย ได้ผลมากกว่าจริงๆ!”

'ขุนพลปีศาจ'คนที่สูงที่สุดลุกขึ้นยืนแล้วพูดด้วยภาษาชาวทวีปมังกรทะยาน

พอเขาพูดจบ 'ขุนพลปีศาจ'อีก 4 ตนหัวเราะกับแบบไม่ยั้งอีกครั้ง

“ข้ายอมแพ้ได้ไหม?”

ขณะที่'เย่ว์หยาง'ถามอย่างนี้

พวก'ขุนพลปีศาจ'ที่อยู่ด้านตรงข้ามหัวเราะลั่น คราวนี้ถึงกับหัวเราะจนน้ำตาไหล ไอ้หนูนี่คงนึกว่าที่นี่คือผับมั้ง? ในสมรภูมิมรณะ ต้องมีฝ่ายหนึ่งตายและมีอีกฝ่ายหนึ่งรอด มิฉะนั้น ต่อให้เป็นจ้าวปีศาจก็จากไปไม่ได้ กฎโบราณนี้ใครๆ ก็ไม่สามารถล่วงละเมิดได้ 'ขุนพลปีศาจ'ที่ตัวเตี้ยที่สุด  พยักหน้ากล่าวอย่างจริงใจว่า

“ข้าจะอนุญาตให้เจ้ายอมแพ้ แต่ต้องหลังจากเจ้าตายแล้วนะ ฮ่าฮ่าฮ่า!”

'เย่ว์หยาง'เห็นว่าเขาไม่มีทางเลือก

ดูเหมือนว่าทวีปมังกรทะยานและดินแดนปีศาจ ยังคงเป็นอริต่อกันและกันจริงๆ และไม่มีทางเป็นไปได้ที่จะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกลมเกลียวกับอีกฝ่าย ในชั่ววินาที นักท่องเที่ยวข้ามโลกก็เปลี่ยนจากผู้รักสันติมาเป็นพวกบ้าต่อสู้  หลักการที่เขาได้รับแนะนำแต่แรกคือถ้าหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ เขาก็จะไม่สู้ ถ้าสู้กันแต่แรก  เขาคงเอาชีวิตอีกฝ่ายหนึ่งไปแล้ว

'เย่ว์หยาง'อัญเชิญคัมภีร์ทองแดงของเขาออกมา  และเรียกต้นดอกหนามทองที่ยังคงย่อยแขนของเจ้าปีศาจ'ฮาซิน'ไม่เสร็จออกมา  และให้มันทำการฝังรากกับพื้น

“นักอัญเชิญระดับฝึกหัดหรือ? ต้นดอกหนามหรือ?”

5 'ขุนพลปีศาจ'ถึงกับตะลึง

พวกเขากำลังจ้อง'เย่ว์หยาง'เหมือนกับว่ากำลังดูคนบ้า  คนๆ เดียวกับคัมภีร์อัญเชิญพื้นฐานระดับกลาง บังอาจเข้ามาสู้ในแดนปีศาจ?

“เอ่อ..เจ้าเตรียมตัวให้เรียบร้อยก่อนก็ได้  เสร็จเมื่อไหร่ค่อยบอกเรา”

'ขุนพลปีศาจ'ที่ตัวสูงที่สุดพูดอย่างนี้ด้วยความใจกว้างมาก

“เจ้าเลือกได้นะว่าจะตายแบบไหน! จะถูกตัดเป็นชิ้นๆ, แขวนคอตาย, จมน้ำตาย, หรือถูกเผาตาย, ทั้งหมดนี้ให้เจ้าเลือกอย่างไหนก็ได้  หรือว่าเจ้ามีไอเดียแนวคิดวิธีตายใหม่ๆ ก็ย่อมไม่เป็นปัญหาเลย,  โอ..จริงสิ จะให้ข้าจารึกชื่อของเจ้าบนหลุมศพว่ายังไงดี?  เขียนอย่างนี้ดีไหม?”

“ระวัง!  พวกแกจะติดเชื้อโง่จากข้า!”

'ขุนพลปีศาจ'ผู้ตัวเตี้ยที่สุด ยังกล่าวคำนี้อย่างจริงจัง

“บอกตามตรงเลยนะว่า เจ้าจะเป็นคู่ต่อสู้คนแรกที่ข้าพบว่า ข้าไม่ได้รู้สึกว่าจะประสบความสำเร็จแต่อย่างใดเลยหลังจากเอาชนะเจ้าได้...”

'ขุนพลปีศาจ'ผู้มีปีกยังคงถอนใจไม่หยุด

“ข้าจะไปนอนสักครู่  ฆ่ามันเสร็จค่อยมาเรียกข้าก็แล้วกัน”

'ขุนพลปีศาจ'ผู้ตัวอ้วนเหมือนหนอนล้มลงนอนอย่างสบายอารมณ์

“เนื่องจากพวกเจ้าทั้งหมดไม่ต้องการทำ อย่างงั้นข้าจะทำเอง สำหรับพวกมนุษย์  ข้าไม่ออมมืออยู่แล้ว”

'ขุนพลปีศาจ'ที่ตัวเตี้ยที่สุดและเป็นตนเดียวที่ไม่สวมเกราะเวท แต่สวมเสื้อแนบผิวแปลกเดินออกมาจากกลุ่ม'ขุนพลปีศาจ'

จากที่เห็นใบหน้าของมันแห้ง มีกระแสปราณดำไหลออกมาและตาของมันทอประกายสีแดง มันกวัดแกว่งกรงเล็บปีศาจ และเรียกคัมภีร์อัญเชิญสีเงินที่มีปราณดำเปล่งออกมา

จากนั้น แสงสีแดงปรากฏออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญเงิน ดูเหมือนว่ามันกำลังพึมพำกับตัวเอง หลังจากผ่านไปนาน เสียงเฟี้ยวแหลมที่ทำให้คนขนลุกผมชันจนถึงปลายผมเปล่งออกมาจากสัตว์อสูร

'เย่ว์หยาง'สั่นเล็กน้อยขณะมองดูแสงไฟ เขารู้สึกถึงพลังแสงสีแดงระเบิดได้เป็นล้านครั้ง  ถ้า'ฮุยไท่หลาง'กระโจนเข้าไปในใจกลางแสงสีแดง  ร่างของมันจะระเบิดเป็นเสี่ยงๆ ยังดีที่เขารู้อันตรายของแดนปีศาจแล้ว  และตัดสินใจไม่พา'ฮุยไท่หลาง'มาด้วย

เขาทิ้งมันไว้ใต้ต้นโอ๊คหมื่นปี ปล่อยให้มันรอ'เย่ว์ปิง'กับ'อี้หนาน' ในขณะเดียวกันเขาก็หวังว่ามันจะกลายเป็นหมากตัวหนึ่งที่เขาวางไว้เป็นเครื่องหมายบนพื้นเทเลพอร์ต  ถ้ามีอะไรผิดพลาด  จนทำให้เขาติดอยู่ในแดนปีศาจตลอดไป ไม่สามารถกลับมาได้  ดังนั้นเพื่อความปลอดภัยเป็น 2 เท่า  'เย่ว์หยาง'ยังคงทำเป้าหมายเทเลพอร์ตไว้บนตัว'ฮุยไท่หลาง'

แสงสีแดงระเบิดตามมาด้วยเสียงกึกก้อง  พายุรุนแรงกระหน่ำต่อเนื่อง  คลื่นกระแทกที่รุนแรงปะทะกับโล่ห์แสงของ'เย่ว์หยาง'จนสะเทือน แผ่นดินแตกระแหง และลาวาสีแดงพ่นรดไปบนพื้น

'ขุนพลปีศาจ'ที่อยู่ในชุดเสื้อดำ ใช้กรงเล็บกดลงบนคัมภีร์เงินเบาๆ และบริกรรมคาถาอีกครั้ง ลูกบอลไฟลูกหนึ่งลอยขึ้นมาจากลาวา  และพื้นที่โดยรอบเริ่มมีเปลวไฟโหมกระหน่ำ  พื้นที่ๆ มีลาวาไหลผ่านมีขนาดไม่ใหญ่ กว้างราวๆ 10 เมตรหรือมากกว่านั้น  แต่ภายใต้เปลวไฟโหมกระหน่ำ  พื้นที่ก็ขยายตัว

ในที่สุดก็กลายเป็นสายธารเปลวไฟไหลไปทุกที่ พลังอัญเชิญสัตว์ประจำธาตุงั้นหรือ? 'เย่ว์หยาง'ยังทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ขมวดคิ้ว  เป็นไปตามคาด พวก'ขุนพลปีศาจ'มีคัมภีร์อัญเชิญ ยากที่จะจัดการได้ โชคดี ที่ขณะนี้ดูเหมือนว่าแค่'ขุนพลปีศาจ'ที่มีคัมภีร์อัญเชิญก็คือปีศาจผอมนี้ ยังไม่รวมกับคนอื่นๆ 'ขุนพลปีศาจ'ชุดดำคือศัตรูตัวจริง

แม้ว่าเขาเพิ่งจะแสดงออกว่าเป็นคนอ่อนแอไปแล้วแท้ๆ แต่เขาก็ยังคงไม่ประมาท'เย่ว์หยาง'  ดูเหมือนว่าปีศาจตนนี้จะน่ากลัวที่สุดและจัดการได้ยากที่สุดในบรรดาขุนพลปีศาจทั้ง 5 ...

แม้เป็นการกระทำของ'ขุนพลปีศาจ'  'เย่ว์หยาง'ก็ยังเข้าใจได้หลายเรื่อง 'ขุนพลปีศาจ'เหล่านี้เข้าใจจุดอ่อนอสูรของมนุษย์ได้ดีทีเดียว  อสูรของมนุษย์เกือบทั้งหมดเป็นประเภทสัตว์ร้ายหรือไม่ก็สัตว์ปีก

บนพื้นผิวของกระแสลาวาและเปลวไฟที่ลุกกระหน่ำ  เป็นไปไม่ได้ที่พวกมันส่วนมากจะอยู่รอดได้  ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสู้  ถ้าเขาพา'ฮุยไท่หลาง'มาด้วย  มันคงเป็นได้แค่ไม้ประดับ  ในทางตรงกันข้ามปีศาจในแดนปีศาจหลายชนิดไม่กลัวไฟ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปีศาจจากนรก  สำหรับพวกมันแล้วเปลวไปฆ่าพวกมันไม่ได้  มันจะรู้สึกเหมือนปลาที่อยู่ในน้ำ  มีแต่จะทำให้พวกมันเพิ่มพลังขึ้นหลายเท่า

“เอาล่ะ, เราจะมาเล่นด้วยกับเจ้า  บางครั้ง ได้หยอกเย้าหนอนตัวน้อยบ้างก็ยังค่อยมีความหมาย”

'ขุนพลปีศาจ'ที่ตัวสูงที่สุดเรียกเปลวไฟดำออกมาเคลือบกระบี่เล่มมหึมาของเขาพลางเดินออกมา

ขณะที่เขาสาวเท้าออกมาเปลวไฟก็ลุกโหมอย่างบ้าคลั่ง  เขาไม่ได้รับอันตรายเลยและมีเพียงร่องรอยเปลวไฟไหม้ตรงเท้าของเขาเท่านั้น

“ข้าหวังว่าเจ้าหนูนี่ จะไม่ตายเร็วเกินไปนะ”

'ขุนพลปีศาจ'ที่ตัวเตี้ยที่สุดกวัดแกว่งขวานของเขา  และอัญเชิญหัวกะโหลกงงงวยออกมาติดไว้ที่หัวขวาน หัวขวานกลายเป็นขวานกะดูกที่น่ากลัว  นัยน์ตาปีศาจส่องแสงสีเขียว และมีจุดรอบๆ ขวานดูแปลกและน่าขยะแขยง

เบื้องหลังพวกเขา 'ขุนพลปีศาจ'ที่มีปีกและ'ขุนพลปีศาจ'อ้วนยังไม่ยอมขยับและแค่ชมการต่อสู้และยิ้มเต็มหน้าเท่านั้น พวกเขาไม่คิดว่าเด็กหนุ่มชาวมนุษย์ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาจะสามารถเอาชนะ'ขุนพลปีศาจ'ทั้ง 3 ที่ร่วมมือต่อสู้กันได้

ยิ่งไปกว่านั้้นพวกเขายังอยู่ภายใต้อสูรเฉพาะธาตุอย่างลาวาและอสูรไฟนรก  เด็กฝึกใช้คัมภีร์สามารถอัญเชิญสัตว์อสูรได้เพียงตัวเดียว  เจ้าเด็กนั่นเรียกต้นดอกหนามไปแล้ว  ไม่สามารถเรียกอสูรตัวที่สองออกมาได้

แม้ว่าต้นดอกหนามจะเป็นอสูรสายพฤกษา   ซึ่งโดยธรรมชาติจะข่มอสูรในนรกได้ และพัฒนาให้ถึงระดับทองได้ ขณะที่ต้นดอกหนามนี้ มีระดับต่ำเกินไป  ดูเหมือนว่าไม่น่าจะสูงกว่าระดับ 2   และมันยังคงเป็นต้นอ่อนที่กำลังเติบโต  แล้วมันจะใช้ได้อย่างไรกัน? อัญเชิญต้นดอกหนามเป็นการต่อสู้ที่ไร้ประโยชน์ก่อนตายเท่านั้นเอง

“ดูเหมือนว่าข้าจะระวังตัวมากขึ้นแล้ว  พลังวิญญาณของต้นดอกหนามยังคงทรงพลังมาก”

'ขุนพลปีศาจ'ที่ตัวสูงที่สุดเริ่มจะเยาะเย้ยและหัวเราะเยาะ'เย่ว์หยาง'

“ข้าจะบอกให้ สหายเก่า  ดูให้ดี  เป็นไปไม่ได้ที่ต้นดอกหนามนี้จะพ่นพิษตามที่มันต้องการได้  มันยังคงย่อยอะไรบางอย่างอยู่  ข้าสงสัย มันกินอะไรเข้าไป? เรามาเริ่มสู้กันได้แล้ว  ทำไมมันยังย่อยไม่เสร็จเสียที?”

'ขุนพลปีศาจ'ตัวเตี้ยร่วมกับ'ขุนพลปีศาจ'ตัวสูงล้อม'เย่ว์หยาง'เอาไว้ขณะที่พวกเขาจู่โจม

พวกเขาตั้งใจจะทำลายม่านพลังคุ้มกันของ'เย่ว์หยาง'ด้วยดาบเพลิงกับขวานกระดูก คุกคามทางจิตใจเขาและใช้ประโยชน์จากวิธีนี้ สำหรับพลังโจมตีของต้นดอกหนาม พวกเขาไม่สนใจมัน พอเห็นปีศาจสองสหายเดินไปคุยไปและไม่สนสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกเขา ใบหน้าของ'เย่ว์หยาง'ปรากฏรอยยิ้มที่ลี้ลับทันที

“เอ๋?”

'ขุนพลปีศาจ'ชุดดำคอยสังเกตท่าทางของ'เย่ว์หยาง'ต่อเนื่อง

เขารู้สึกว่าพฤติกรรมของเจ้าหนุ่มนี่ น่าอึดอัดมาก  แต่เขาไม่แสดงสีหน้าว่ากลัวหรืออึดอัดอะไรเลย  นี่ผิดปกติมากเกินไป เป็นไปได้ว่า เขาจงใจแสดงว่าเป็นคนอ่อนแอหรือเปล่า?

ความคิดนี้แว่บเข้ามาในหัวของ'ขุนพลปีศาจ'ชุดดำ  โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากเขาเห็นรอยยิ้มลี้ลับบนใบหน้าของ'เย่ว์หยาง' เหมือนกับว่าสายฟ้าแว่บผ่านเขาไป ก่อนที่เขาจะส่งเสียงเตือนสหายของเขา

'เย่ว์หยาง'ได้หลบออกมาจากม่านแสงของเขาแล้ว พุ่งผ่านพวกเขาไปราวกับดาวตก ไม่มีใครเห็นความเคลื่อนไหวหรือรูปร่างเขาชัดเจน เมื่อเขาปรากฏตัวอีกครั้ง 'ขุนพลปีศาจ'ข้างหลังเขาก็ล้มลงดังตึงไปเรียบร้อยแล้ว

“อ๋า..ปุ๋ยชั้นดีนะนี่!”

'เย่ว์หยาง'ใช้มีดของเขาแทงที่หัวใจของ'ขุนพลปีศาจ'ทั้ง 2

จากนั้นลาก'ขุนพลปีศาจ'ทั้งคู่ที่ยังมีเลือดไหลเข้าไปในม่านแสง  เขาเรียกหน่อของต้นดอกหนามออกมา 2 หน่อ  พอหน่อทั้ง 2 อ้าปากขนาดยักษ์ของมันและกิน'ขุนพลปีศาจ'ทั้ง 2 ที่ยังดิ้นรนอยู่ทั้งเป็น

แม้แต่ดาบเปลวไฟและขวานกะโหลกก็กลืนลงไปทั้งหมด จากนั้นหน่อทั้งสองก็ขยายรากออกไปและเชื่อมกับต้นใหญ่จนทำให้พลังงานที่ได้จากการย่อยไหลเข้าไปในต้นหลักอย่างต่อเนื่อง

“อ๋า...”

เหตุการณ์นี้เหมือนกับถูกฟ้าผ่า จนทำให้'ขุนพลปีศาจ'ที่เหลืออีก 3 ตนพูดอะไรไม่ออก 'ขุนพลปีศาจ'ทั้งสอง ถูกต้นดอกหนามกินโดยไม่อาจต่อต้านแข็งขืนได้อย่างไร? กะ..เกิดเรื่องบ้าอะไรกันแน่? เจ้าเด็กแสบเพิ่งทำอะไรลงไป?

 

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=77

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด