ตอนที่แล้วตอนที่ 59 น้องข้าใครอย่าแตะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 61 พ่อตัวตลก ค่อยๆ แสดงให้ข้าดูก็ได้

ตอนที่ 60 คนชั่วต้องถูกคนชั่วกำจัด


การปรากฏตัวอย่างกระทันหันของ'เย่ว์หยาง' ทำให้ทุกคนตกตะลึง ใคร เจ้านี่เป็นใครกัน? 'เฉินถู่หาว'ไม่รู้จัก'เย่ว์หยาง'แม้แต่น้อย  แต่เขาถูกอานุภาพสยบขวัญจนเกิดความหวาดหวั่น  และยังจับ'ซวีเสียน'ไว้ด้วย

'เฉินถู่หาว'ถามอย่างกังวลด้วยเสียงเบาว่า

"เขาเป็นใคร?"”

2 พี่น้องตระกูลหลินตัวสั่นเมื่อพวกเขาเห็นสภาพที่น่าอนาถของ'ซวีเสียน'ที่ศีรษะแตกและหลั่งเลือดสดๆอยู่  หนึ่งในพวกเขาล้วงมือลงไปกระเป๋า เตรียมใช้ม้วนเวทย้ายที่พร้อมที่จะหลบหนีทุกเมื่อ อีกคนมีสีหน้าประหลาดใจปรากฏบนใบหน้า  ได้แต่ตะโกนซ้ำๆ ว่า

"นี่เป็นไปไม่ได้ ไม่ นี่เป็นไปไม่ได้!”

"ใคร เขาเป็นใคร?"”

'เฉินถู่หาว'รู้สึกว่าชีพจรเต้นเร็วและเหงื่อเย็นยะเยียบหลั่งออกในมือเขา  กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาตึงเครียด เขารู้จักระดับความแข็งแกร่งของ'ซวีเซียน'ว่าอยู่ระดับไหน

แม้ว่าอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดของ'ซวีเสียน' อสูรฟันผีตาปีศาจเป็นอสูรอัญเชิญประเภทรบไม่ใช่อสูรประเภทเสริมพลัง

แต่หลังจากที่มันทำสัญญาแล้ว มันช่วยให้โครงสร้างร่างกายดั้งเดิมของ'ซวีเสียน'มีความก้าวหน้าขึ้นทีละน้อยๆ   ยิ่งกว่านั้น 'ซวีเสียน'ยังเป็นนักสู้ชั้นวีรบุรุษระดับ 3 ขั้นเริ่มต้น

มีพลังต่อสู้ที่แข็งแกร่งมากๆ เขาไม่ใช่คนอ่อนแอขนาดที่ถูกคนตัวเท่าลูกไก่จับตัวและทุ่มลงพื้นเหมือนกับปาไข่ไก่อย่างนั้นได้ เผชิญหน้ากับคนที่กำลังโกรธเกรี้ยวผู้นี้  ดูแล้วความแข็งแกร่งของเขาอย่างน้อยต้องมากกว่าซวีเสียน 3 เท่า และความเร็วของเขาอย่างน้อยก็เร็วกว่า 2 เท่า มิฉะนั้น เขาคงไม่สามารถจับ'ซวีเสียน'ทุ่มจนบาดเจ็บหนักโดยไม่สามารถโต้ตอบอะไรได้

"แฮ่...."”

อสูรฟันผีตาปีศาจลอยขึ้นไปกลางอากาศเห็นนายของมันถูกทำร้าย และเหาะขึ้นไปอย่างดุร้าย  มันอ้าปากเผยให้เห็นฟันแถวคม เตรียมกัด'เย่ว์หยาง'ที่เพิ่งอุ้ม'เย่ว์ปิง'ไว้ 'เย่ว์หยาง'กวาดขาเตะออก และก่อนที่อสูรฟันผีตาปีศาจจะเข้ามาใกล้ มันปิดเปลือกตาเพื่อป้องกันตัวเอง

เขาทำลายนัยตาขนาดยักษ์ของมัน พอเขาหมุนตัวอีกครั้ง ใช้ขาขวาหวดไปที่บริเวณหัวของอสูรฟันผีตาปีศาจจนหมุนติ้วเป็นลูกข่าง อสูรฟันผีตาปีศาจล้มลงบนพื้นพร้อมกับเสียงดัง

*เป๊ง*

และก่อนที่มันจะได้โต้ตอบ 'เย่ว์หยาง'กระทืบลงมาด้วยพลังปานฟ้าผ่า กระบวนการนี้กินเวลาเพียง 3 วินาที อสูรฟันผีตาปีศาจถูก'เย่ว์หยาง'มนุษย์ที่มีชีวิตย่ำจนเละเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน

ในความเป็นจริง'เย่ว์หยาง'เพิ่งกลับออกมา หลังจากเข้าไปในพื้นที่แดนดาว นึกไม่ถึงเลยว่าเขาเข้าไปในวิหารราศีเมษหรือในวงกตหินดำ เขาไม่มีโอกาสได้สู้เลย  ทำได้แค่ดู'เสี่ยวเหวินหลี'  'ฮุยไท่หลาง'และโคเงาสู้  พอกลับมาสมาคมนักสู้ในพื้นที่นอกเขตแดนดาว  เขาเห็น'เย่ว์ปิง'ถูกคนอื่นรังแก เหตุนี้จึงได้จุดประกายความโกรธของเขา

หลังจากไม่สามารถแสดงฝีมือเองถึง 2-3 วัน  ในที่สุดก็ได้ระบายอารมณ์ตัวเองเอาชนะผู้คนจนสาแก่ใจ แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า'เย่ว์หยาง'ทำร้าย'ซวีเสียน'จนบาดเจ็บได้อย่างไร  แต่ทุกคนเห็น'เย่ว์หยาง'ฆ่าอสูรฟันผีตาปีศาจได้ชัดเจน  จึงพากันตกตะลึงกันทั้งหมดนี่

นี่กลายเป็นพื้นที่ฆ่าไปแล้ว อุ้มคนอยู่หนึ่งคน  เขายังสามารถใช้แค่ 2 เท้าทำลายอสูรฟันผีตาปีศาจระดับ 2 ได้ พลังของบุรุษผู้นี้ไปถึงระดับใดกันแน่ หรือว่าคนผู้นี้อัญเชิญสัตว์อสูรออกมาแล้ว  เป็นไปได้ว่าอาจเป็นอสูรสายเสริมพลังที่แข็งแกร่งที่สุด  แมมมอธ?

'เย่ว์หยาง'ใช้พลังปราณก่อกำเนิดของเขาตรวจสอบ'เย่ว์ปิง'และพบว่านางยังปลอดภัย  เพียงแต่นางฝืนใช้เรี่ยวแรงและพลังภายในมากเกินไป

ดังนั้นนางจึงหมดสติ อย่างไรก็ตาม ไฟที่เผาไหม้ในใจของเขายังคงคุกรุ่นอยู่  เขายังคงโกรธมาก บุรุษตัวโต 2-3 คนรุมทำร้ายสตรีตัวเล็กๆ ทำร้ายนางจนหมดสติล้มลงกับพื้น  แล้วยังจะทำกร่างเหยียบหน้าอกนาง

ถ้าคนประเภทนี้ไม่ถูกฆ่าตาย โลกนี้ยังจะมีความเป็นธรรมอีกหรือ? พอ'เย่ว์หยาง'เตรียมจะลงมือฆ่า  'ฮุยไท่หลาง'และเย่คงที่ยังมีเลือดโทรมกาย ก็วิ่งมาถึงจนได้

พอเห็น'ซวีเสียน'หลั่งเลือดนองบนพื้น เขาตกใจแทบสิ้นสติ  จากนั้นรีบกระโจนเข้าไปจับขา'เย่ว์หยาง'ไว้  รีบร้องเตือนสติเขาว่า

“เดี๋ยวก่อน  อย่าเพิ่งวู่วาม  ในหอทงเทียนชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง ท่านจะฆ่าใครไม่ได้เด็ดขาด  สำหรับฆาตกรทุกคน จะถูกตัดสิทธิ์ห้ามไม่ให้เข้าหอทงเทียนเป็นเวลา 10 ปี  ถ้าท่านต้องการฆ่าพวกเขา  ยังจะมีโอกาสอีกครั้งในอนาคต  ตราบใดที่ท่านไปถึงชั้นที่สาม ตราบนั้นท่านค่อยฆ่าตามความพอใจก็ได้  แต่ตอนนี้..หอทงเทียนคือสถานที่ซึ่งยอมรับนับถือผู้แข็งแกร่ง  ตราบใดที่ท่านแข็งแกร่งพอ  ท่านจะทำอะไรตามต้องการก็ได้  ทันทีที่ท่านได้รับ”กระบี่อาญาสิทธิ์“บนชั้นสาม  ท่านสามารถกำจัดพวกเขาได้เหมือนกำจัดขยะ  แต่ในเวลานี้ ท่านไม่จำเป็นต้องมาเสียอนาคตเพราะแมลงเล็กน้อยพวกนี้”

“อ๋า?”

'เย่ว์หยาง'ไม่รู้จริงๆ ว่า หอทงเทียนมีกฎระเบียบเหล่านี้ ที่ไม่อนุญาตให้มนุษย์ฆ่ากันและกัน

“ท่านจะฆ่าคนไม่ได้!  ถ้าท่านฆ่าแม้แต่คนเดียว  ท่านจะต้องถูกขับออกจากหอทงเทียนทันที  ท่านไม่อาจล้างแค้นคนที่รั้งอยู่ด้วย  ใจเย็นๆ  ท่านต้องสงบใจไว้  พวกเขาใช้กติกาสู้ 3 ต่อ 3  ใช้การวนต่อสู้เพื่อเอาชนะเย่ว์ปิง  ดังนั้นเราก็จะใช้กฎการต่อสู้ 3 ต่อ 3 ตอบโต้พวกเขา  เนื่องจากพวกเขาเป็นคนท้าทายก่อน พวกเขาไม่สามารถปฏิเสธได้  เราจะใช้กฎการต่อสู้ 3 ต่อ 3 จัดการเรื่องนี้”

'เย่คง'กลัวว่า'เย่ว์หยาง'จะย่ำ'ซวีเสียน'จนกระโหลกแตก  ขณะที่เขายึดขาของ'เย่ว์หยาง'ไว้แน่นไม่ยอมปล่อย

“ข้าฆ่าพวกมันไม่ได้ใช่ไหม?”

'เย่ว์หยาง'จ้องเขาอย่างเย็นชา ถ้าเขาไม่สามารถฆ่าได้  แล้วเขาจะสั่งสอนพวกมันได้หรือ? หลังจากจัดการพวกสวะเหล่านี้ด้วยตัวเขาเอง  หักซี่โครงพวกมันทีละคน  บิดกล้ามเนื้อพวกมัน  ทำลายความสามารถในการเสพสังวาสของพวกมัน  เปลี่ยนพวกมันให้เป็นขันทีจนไม่อาจให้กำเนิดบุตร ไม่อาจแสวงหาความตาย

อย่างนี้ก็ยังดีกว่าฆ่าพวกมันไม่ใช่หรือ? ฆ่าคนก็มีหลายวิธี  หนึ่งในวิธีนั้นก็คือ ฆ่าทันที อีกวิธีหนึ่งก็คือทรมานให้ตาย เมื่อเทียบกับการทรมานพวกมันให้ตาย  การฆ่าพวกมันให้ตายทันที ถือว่าเป็นการให้ความกรุณาพวกมัน เขาไม่จำเป็นต้องฆ่า  แต่ทำให้พวกมันตายอย่างเจ็บปวดและทำให้พวกมันตายประหลาดที่สุดเท่าที่จะทำได้

“อะไรกัน? เขาคือเจ้าสวะนั่นหรือ?  เย่ว์เยี่ยนบอกข้าไปคนละเรื่องเลยนี่  หรือว่าเจ้าจำผิดคน”

เมื่อ'เฉินถู่หาว'ได้ยินคนตระกูลหลินทั้งสองบอกว่า'เย่ว์หยาง'คือคุณชายสามผู้ไร้ประโยชน์ที่สุดในตระกูล  เขาถึงกับเบิกตากว้างยิ่งกว่าโคมไฟ  เขาไม่เคยฝันว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ที่ใครๆ เรียกกันว่าคนไม่มีอะไรดีมาตั้งแต่เกิดจะเป็นเหมือนราชสีห์เหี้ยม พยัคฆ์ห้าวไปได้

“จากที่ดูรูปลักษณ์ของเขา  เป็นเขาแน่ๆ แต่เมื่อก่อนนี้เขาไม่ได้น่ากลัวมาก...”

สองพี่น้องตระกูลหลินตัวสั่น ราวกับว่าพวกเขาเป็นคนป่วยที่ถูกความเย็นกัดกร่อนอยู่ในหิมะ

“อ้อ..มันเป็นอย่างนี้นี่เอง”

ความสามารถในการฟังของ'เย่ว์หยาง'น่าตระหนก  ทันทีที่เขาได้ยินคำพูดของ'เฉินถู่หาว' เขานึกออกทันทีว่า'เย่ว์เยี่ยน'ไม่อยู่ที่นี่  พอคิดสถานการณ์อย่างใจเย็น

ถ้า'เย่ว์เยี่ยน'ญาติของ'เย่ว์ปิง'อยู่ใกล้ๆ เมื่อนางถูกรังแกและเขาไม่ยอมช่วยนาง  คงเป็นไปไม่ได้ที่เขาจะปล่อยให้ขึ้นอยู่กับ'เย่ว์เยี่ยน'

'เย่ว์เยี่ยน'ไม่อยู่แถวนี้  'เย่ว์หยาง'ไม่กังวลว่าจะมีคนเห็นว่าเขาไม่ใช่คุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์ตัวจริง เมื่อเขาเห็นว่าเด็กหนุ่มพวกนี้สวมเครื่องแบบ มีสีหน้าขาวเผือดกันทั้งหมด  'เย่ว์หยาง'ยิ้มเหี้ยมเกรียมกล่าวว่า

“ใครว่าข้าจะฆ่าพวกเขาทั้งหมดเล่า?  เย่คง!  ท่านไม่รู้หรือว่าข้าเป็นผู้สนับสนุนวิธีสันติอย่างเคร่งครัด?  แล้วข้าจะไปฆ่าคนได้อย่างไร  ข้าใจดีจะตายไป ใจดีกว่าอาซิ้มวัย 60 ที่ถือศีลกินเจเคร่งครัดเสียอีก  คนอย่างข้ารักทุกชีวิตรอบๆ ตัวแล้วข้าไปฆ่าคนได้อย่างไร?  เข้าใจผิดกันแล้ว  เจ้าก็เข้าใจผิดข้า ข้าก็เป็นคนใจดีคนหนึ่งนะ”

ขณะที่นักท่องโลกข้ามมิติพูดอย่างนี้   เขาเหยียบ'ซวีเสียน'ที่เกือบจะสิ้นลมปราณอยู่แล้ว หนึ่งเท้า สองเท้า 'เย่ว์หยาง'ย่ำกระทั่งเลือดเขาพุ่งออกมา ชั่วพริบตา

แขนขาทั้งสี่ของ'ซวีเสียน'ก็ถูกหักอย่างไร้ความปราณีขณะที่'เย่ว์หยาง'ย่ำลงไป ทหารรับจ้างที่อยู่รอบๆ พวกเขารู้สึกกางเกงของตนเองเปียกแล้วยามเมื่อได้ยินเสียงกระดูกหักตอนที่'เย่ว์หยาง'ย่ำ'ซวีเสียน'  บุรุษผู้นี้ใจดีที่ไหนกัน?  เขาเหมือนปีศาจ ไม่สิ เขาน่ากลัวยิ่งกว่าปีศาจ เพราะปีศาจคงไม่เรียกตัวเองว่าใจดีแน่

'เฉินถู่หาว'ไม่สนใจว่า'ซวีเสียน'จะอยู่หรือตาย  ในสายตาเขา 'ซวีเสียน'เป็นแค่สุนัขรับใช้เท่านั้น  ดีที่สุดคือปล่อยให้สวะตระกูลเย่ว์ฆ่าเขา  จากนั้นเขาก็จะโดนขับออกจากหอทงเทียน

ถ้าเขาไม่สามารถเข้ามาฝึกฝนภายใน 10 ปี ไม่ว่าเขาจะเป็นสวะจริงหรือสวะปลอม  เขาก็จะกลายเป็นคนไม่เกี่ยวข้องด้วย  ตอนนี้เขาสังเกตว่ามีหมาป่าปีศาจแปลกๆ เพิ่มขึ้นมา พอมองเห็นมันแล้ว อย่างน้อยน่าจะเป็นชั้นทองแดงระดับ 3 ....

หมาป่าปีศาจหลังเหล็กระดับ 3 หรือ?  ไม่.. มันเป็นชั้นทองแดงระดับ 4 อย่างไรก็ตาม  มันแปลกที่ มันเป็นสัตว์อสูรที่ไม่ได้ทำสัญญา แต่เป็นสัตว์เลี้ยงที่ไม่ได้ทำสัญญา  เป็นไปได้ว่าเจ้าสวะตระกูลเย่ว์ผู้นี้ไม่สามารถทำสัญญากับมันได้  เพราะมันแข็งแกร่งเกินไปหรือ?

ถ้าเขาใช้ม้วนเวทพันธสัญญาของเขาเองเพื่อทำสัญญากับมัน เป็นไปได้ว่าจะไม่เป็นการเพิ่มประสบการณ์พลังอำนาจอย่างมาก เหมือนกับเสือติดปีกงั้นหรือ? 'เฉินถู่หาว'ตอนแรกก็กลัวลักษณะของ'ฮุยไท่หลาง'

แต่พอมองดีๆ ยิ่งขึ้น  'ฮุยไท่หลาง'ไม่ใช่อสูรที่ทำสัญญากับ'เย่ว์หยาง'  เขาแอบยินดีอยู่ในใจ เป็นไปตามคาด  ตระกูลเย่ว์ยังมีขยะที่ไม่สามารถทำสัญญากับหมาป่าปีศาจหลังเหล็กชั้นทองแดงระดับ 4 ที่เป็นสัตว์อสูรชั้นดี  นี่คือโอกาสที่สวรรค์ประทานมาให้แล้ว  'เฉินถู่หาว'หัวเราะอย่างเยือกเย็น  เขาแสดงสีหน้าว่าโกรธ

“เจ้าเป็นใคร? ซวีเสียนมีความตั้งใจที่ดีและช่วยเย่ว์ปิงกำจัดทาสที่ไร้ความสามารถของนาง  เจ้าไม่เพียงแต่ไม่ขอบคุณ  กลับทำร้ายเขาจนเกินเลยไปด้วยหรือ?  เจ้าคุณเนรคุณที่เอาแต่บ้าเลือดโหดร้าย เจ้าเป็นใครกัน?”

“…”

เมื่อพวกทหารรับจ้างได้ยินเช่นนี้  แทบไม่มีใครยกนิ้วชมเชย'เฉินถู่หาว'เลย  ยกหางตัวเองโดยไม่มีความรู้สึกละอายได้ถึงขนาดนี้ คงไม่มีที่ใดยกย่องเขาแน่

“สายตาใครที่เห็นว่าข้าเนรคุณ? ใครกันที่เห็นว่าข้าโหดร้าย กระหายเลือด? ข้าทำสิ่งโหดร้ายหรือ?  ข้าแค่ต้องการเชิญสหายรักอย่างเขาให้กินก๋วยเตี๋ยวกระดูกบดด้วยเท้า  มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรนี่  ดูสิ เขาพอใจมากแค่ไหนตอนกินมัน  อย่างนี้ข้ายังโหดเกินไปหรือ?”

'เย่ว์หยาง'ย่ำท้องของ'ซวีเสียน'ที่ยังหมดสติต่อไป  กระดูกของเขาถูกเหยียบจนมีเสียงแปลกๆ   มีเลือดไหลออกจากปากและจมูกของ'ซวีเสียน'มาก  และดูเหมือนเขาอาจตายได้ทุกวินาที

“เบาๆ เบาๆ เถอะ”

'เย่คง'เอาหินบดยาที่ถูกที่สุดจากคู่หูเขาและบดไว้ก่อนที่ช่วยกระจายยาที่มีประกายสีขาวไปตามรอยแตกบนร่างกาย'ซวีเสียน' ของเหล่านี้คือสิ่งที่เขาซื้อไว้ก่อนที่เขาจะผ่านเข้าหุบเขา'ยู่หลง'

และเขาไม่เต็มใจที่จะใช้มันในเวลานี้เลย เขาไม่ได้คาดคิดเลยจริงๆ เลยว่าหินยานี้จะต้องเอามาใช้กับเจ้าบัดซบที่'เย่ว์หยาง'ต้องการฉีกมันเป็นชิ้นๆ แล้วโยนให้สุนัขกิน

'เย่คง'กลัวจริงๆ ว่าคุณชายสามแห่งตระกูลเย่ว์จะย่ำ'ซวีเสียน'จนตาย  เพราะทันทีที่'ซวีเสียน'ตาย  คุณชายจะถูกขับออกจากหอทงเทียน

พอถึงจุดนั้น ไม่เพียงแต่เขาจะถูกจำกัดไม่ให้เข้าหอทงเทียน 10 ปีเท่านั้น  แต่ยังต้องทิ้ง'เย่ว์ปิง'ที่ยังหมดสติไว้ด้วย มันขึ้นอยู่กับตัวเขาเองและน้องสาวที่ยังบาดเจ็บ

พวกเขาจะพา'เย่ว์ปิง'ออกไปอย่างปลอดภัยได้อย่างไร? นั่นคือเหตุผลที่ ไม่ว่าอย่างไร 'ซวีเสียน'ก็ตายไม่ได้ ความจริงสิ่งที่'เย่คง'ไม่รู้ก็คือ 'เย่ว์หยาง'ควบคุมพลังเท้าของเขาไว้อย่างแม่นยำ เขาสามารถทำให้'ซวีเสียน'กระดูกหัก และทำให้กล้ามเนื้อเขาบาดเจ็บ  แต่ไม่มีการทำร้ายใดๆ ที่คุกคามชีวิตของเขา

ถ้า'ซวีเสียน'ต้องการตาย  มันไม่ใช่เรื่องง่าย  ถ้า'เย่ว์หยาง'ไม่อนุญาต  ถึงอยากตายก็เป็นไปไม่ได้ พวกทหารรับจ้างที่ยืนอยู่ข้างๆ พอเห็นบุรุษอำมหิตพูดดุร้ายน่ากลัว

แม้เขาจะเอาแต่ใจแต่ก็เป็นคนจริง คนเลวต้องการจัดการคนเลวด้วยตัวเอง  พวกนักเรียนจอมกร่างเหล่านี้ได้พบปีศาจน้อยนี่ ถือเป็นความซวยของมันเองจริงๆ

“เย่คง ช่วยข้าดูเย่ว์ปิงด้วย  เนื่องจากสหายเหล่านี้มีความสุขกันดีทุกคน  ข้าจะเชื้อเชิญพวกเขามากินกับข้า  ฮุยไท่หลาง  แกรออยู่ตรงนั้น อีกเดี๋ยวข้าจะให้กระดูกติดเนื้อของพวกมันให้แกได้กิน”

'เย่ว์หยาง'วาง'เย่ว์ปิง'ลงอย่างระวัง ปล่อยนางให้'เย่คง'กับ'ฮุยไท่หลาง'ดูแล  จากนั้นเดินตรงไปข้างหน้าโดยเร็ว  เขาไม่สนว่าใครจะอยู่ต่อหน้าเขา

อีกอย่างพวกมันกระตุ้นโทสะเขา  ถ้าเขาไม่ฆ่าพวกมันทันที  อย่างนั้นเขาจะบังคับให้พวกมันทุกข์ทรมานเสียบ้าง  มิฉะนั้น  เขาก็คงถูกมองว่าเป็นคนไม่มีอะไรดีที่ใครๆ สามารถรังแกได้

“แผลบ”

โดยที่'เย่ว์หยาง'ไม่ได้สั่ง  'ฮุยไท่ลาง'เริ่มเลียเลือดสดบนพื้น    ถ้า'เย่คง'ไม่กลัวว่ามันจะกิน'ซวีเสียน'จนถูก'เย่ว์หยาง'ตำหนิ  'เย่คง'คงจะไม่ห้าม'ฮุยไท่หลาง'ไม่ให้มันเคลื่อนไหว  มันดูเหมือนเตรียมจะกินต้นขาของ'ซวีเสียน'แล้ว

“เตรียมสู้  สู้เป็นกลุ่ม  รวมตัวผู้ร่วมประลอง”

ถ้าเป็นการสู้เดี่ยว 'เฉินถู่หาว'คงไม่มีความมั่นใจเพียงพอ ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทีสง่างามของคนที่ไม่มีอะไรดีจากตระกูลเย่ว์คุกคามเกินไป แตกต่างจากที่เขาได้ยินมาจากข่าวลือ  รังสีอำมหิตแผ่ออกมาจากตัวเขา เหมือนกับของปีศาจและขู่ขวัญผู้คนได้

อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นการสู้เป็นกลุ่ม การรุมจู่โจม'เย่ว์หยาง'จากรอบด้านด้วยคนที่เหลืออีก 7 คนเป็นเรื่องที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าจะแข็งแกร่งเหี้ยมหาญแค่ไหน  เขาจะต่อสู้กับสัตว์อสูรนับสิบตัวได้อย่างไร?

มีเพียงอย่างเดียวก็คือ หมาป่าปีศาจหลังเหล็กที่เกี่ยวข้องกันเล็กน้อย  แต่เนื่องจากมันเป็นสัตว์อสูรที่ยังไม่ได้ทำสัญญา  ตราบใดที่มันเข้าร่วมต่อสู้  'เฉินถู่หาว'จะหาโอกาสใช้ม้วนเวทพันธสัญญาปราบมัน และบังคับให้มันกลายเป็นสัตว์อสูรที่ทำสัญญา  พอถึงจุดนั้นเขา..

*บึ้ม  บึ้ม บึ้ม บึ้ม!*

ขณะที่'เฉินถู่หาว'คิดเรื่องทั้งหมดนี้ด้วยความภูมิใจตัวเอง  ก็เกิดเสียงดังสนั่น

พอเขาเงยหน้า เขาเห็นว่าเพื่อนร่วมชั้นเรียนทุกคนถูกคนที่ไม่มีอะไรดีของตระกูลเย่ว์โค่นจนหมอบกับพื้นทุกคน  ก่อนที่พวกเขาจะได้มีโอกาสอัญเชิญสัตว์อสูรออกมา  ทุกคนมีฟันหัก เลือดกลบปาก

แม้แต่พี่น้องตระกูลหลินที่อัญเชิญได้เร็วที่สุด ก็ทำได้เพียงหยิบแก้วผลึกอัญเชิญออกมาก่อนที่จะถูกน็อคลงกับพื้น 'เย่ว์หยาง'ยกเท้าขึ้นสูง  ภายใต้สายตาสิ้นหวังของพี่น้องตระกูลหลิน

'เย่ว์หยาง'ย่ำเท้าลงไปจนแขนพวกเขาหักอย่างไร้ความปราณี

“ดูสิ ข้าดีกับพวกเจ้าแค่ไหน  ข้ากลัวว่าพวกเจ้าจะไม่พอใจแค่ได้กินเค้ก 5 นิ้วและขนมปังหัวใจบด  ดังนั้นข้าก็เลยเชิญพวกเจ้าให้กินก๋วยเตี๋ยวกระดูกบด พวกเจ้าเห็นไหมว่าข้าเป็นเพื่อนที่ใจกว้างแค่ไหน? พวกเจ้าจะไปหาเพื่อนดีเลิศอย่างข้าได้จากที่ไหน?  โอ๊ะ! ข้าขอโทษด้วย ที่ต้องขอให้พวกเจ้ารออยู่ตรงนี้สักครู่”

ขณะที่ข้าขอไปทักทาย...

"เฉินถู่ใช่ไหม?  งั้นท่านก็คือพี่เฉินถู่ ข้าได้ยินชื่อเสียงต่างๆ ของพี่เฉินถู่มานานแล้ว ข้าชื่นชมท่าทีที่ “เรียกใช้หญิงบริการแต่ไม่จ่ายเงิน”ของพี่'เฉินถู่'จริงๆ  นั่นเป็นวิถีของวีรบุรุษจริงๆ ในฐานะที่เป็นต้นแบบที่ข้าต้องการเรียนรู้ด้วย  พี่'เฉินถู่'!  ข้าได้ยินว่าคนประเภทที่มีเหล้าอยู่ในสายเลือดและสมอง จะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงมาก ข้าสงสัยว่าเจ้าเคยลองมาก่อนหรือเปล่า?  มาเถอะ มาเถอะ  ข้าขอเชิญให้เจ้ามาดื่มกับข้าสักแก้ว  วาสนานำเราให้มาพบกันที่นี่  ถือว่าเราคุ้นเคยตั้งแต่แรกพบ  วันนี้ไม่เมา ไม่ต้องกลับบ้าน“ ”

'เย่ว์หยาง'ยิ้มให้อย่างจริงใจ ถ้าใครแค่เห็นรอยยิ้มของ'เย่ว์หยาง'ที่อบอุ่นเหมือนพระอาทิตย์ยามเช้า พวกเขาคงคิดว่าเขาเป็นเพื่อนที่มีหัวใจอบอุ่นที่น่าใกล้ชิดด้วย

อย่างไรก็ตาม  ถ้าพวกเขาได้เห็นเลือดที่หยดอยู่บนพื้น ความผิดปกติโดยรอบ และเด็กนักเรียนระดับสูงที่เจ็บปวดปางตายอยู่  ทุกคนคงจะรู้สึกหนาวสั่น และหนาวยิ่งขึ้น แน่นอน ยังคงมีความรู้สึกตื่นเต้นกระปรี้กระเปร่าอย่างมาก...

คนเลวก็ต้องให้คนเลวอีกคนหนึ่งจัดการ  พวกเด็กนักเรียนที่ดื้อด้านและไม่รู้จักความอายก็พบกับความซวยจนได้

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=60

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด