ตอนที่แล้วตอนที่ 23 รองเท้าคู่หนึ่ง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 นางพญาเฟ่ยเหวินหลี

ตอนที่ 25 โฉมสะคราญ


ตามข้อมูลที่เขาได้รับจากคัมภีร์สีทองแดง หอทงเทียนเป็นสถานที่แปลกประหลาด หอทงเทียนมีมาตั้งแต่สมัยโบราณ และตำนานกล่าวว่าเทพเจ้าโบราณได้สร้างมันขึ้นมา

มันตั้งอยู่ใจกลางทวีปมังกรทะยาน และมันเป็นที่รู้จักว่าคือบันไดที่เทพเจ้าโบราณทิ้งไว้ให้มนุษย์เพื่อใช้ขึ้นสู่สวรรค์ ไม่มีใครรู้ว่าหอทงเทียนสูงเท่าไหร่ มันสูงเทียมเมฆ เทพเจ้าโบราณได้สร้างไว้ในสภาพที่ถูกปกคลุมไปด้วยเมฆ ไม่มีผู้ใดปีนจากด้านนอกได้

ต้องปีนหอทงเทียนจากด้านใด โดยไต่ไปทีละระดับชั้น ในทุกระดับของหอทงเทียน จะมีประตูผ่าน ด้านหลังประตูผ่านคือดินแดนที่แบ่งแยกกัน ใครๆ ก็สามารถเข้าไปฝึกฝนได้ เงื่อนไขการไต่ระดับจะได้รับของพิเศษจากชั้นล่างก่อนจะขึ้นสู่ชั้นถัดไป

"ปิงเอ๋อแค่ไปเพียงระดับแรก เป็นแค่ระดับทดสอบ ยิ่งไปกว่านั้น อาจารย์จากโรงเรียนจะนำเข้าไปเป็นกลุ่ม ดังนั้นไม่น่าจะมีอันตราย แต่ข้าก็ยังห่วงว่านางค่อนข้างจะรั้น"”

หญิงงามรู้จักนิสัยของลูกสาวนางอย่างดี นางโดดเดี่ยว เงียบขรึม ไม่ชอบเข้าสังคมไม่มีเพื่อนสนิทในโรงเรียน

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นชีวิตประจำวันหรือขั้นตอนการทดสอบ นางจะตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบได้ง่าย ถ้าบังเอิญนางตกอยู่ในอันตราย อาจไม่มีใครช่วยนาง และนางคงได้แต่ดิ้นรนเองโดยไม่มีผู้ช่วยสนับสนุน

"จะไม่มีอะไรเกิดขึ้น โปรดมั่นใจเถอะ น้องเจ็ดจะดูแลตัวเองได้"”

ทันทีที่'เย่ว์หยาง'ได้ยินว่าเป็นระดับแรกที่'ปิงเอ๋อ'จะเข้าไปทดสอบ นางใช้ทางเข้าเป็นการทดสอบ เขารีบพูดให้หญิงงามสบายใจ การทดสอบระดับแรกและระดับสองของหอทงเทียนแทบไม่มีการเสี่ยงชีวิต

แต่หลังจากไปถึงที่ระดับ 3 จะกลายเป็นเสี่ยงตายจริงๆ แน่นอนว่า ทุกอย่างมีโอกาสเกิดเรื่องที่คาดไม่ถึง ยกตัวอย่างเช่น ผู้เยาว์จากตระกูลเฟิงที่จะต้องจัดการแต่งงานกับน้อง'เย่ว์ปิง' ทดสอบที่ระดับ 2 แล้วถูกราชาอสูรทองที่หลงเข้ามาฆ่าตายอย่างรวดเร็ว

กรณีนี้เป็นอุบัติเหตุที่เกิดไม่บ่อยนัก สามารถมองข้าม ไม่ต้องใส่ใจก็ได้ นั่นเป็นเพราะเป็นระดับ 3 ของหอทงเทียน จ้าวอสูรทองจะอาศัยอยู่ตามภูเขา

ดังนั้นโดยทั่วไปมันจะไม่เดินทางออกมา ระหว่างที่เป็นห่วงลูกสาวนาง วันนี้หญิงงามรู้สึกใจเหม่อลอย แม้แต่คนที่มีฝีมืองานเย็บปักถักร้อยอย่างนาง ยังถูกเข็มแทงนิ้วอยู่ 2-3 ครั้ง เห็นหญิงงามถูกเข็มแทงนิ้วจนเลือดหยด

อยู่ๆ 'เย่ว์หยาง'มีแรงบันดาลใจแว่บเข้ามาในใจ เป็นไปได้ว่า จี้หยกดำของเขานั้นจำเป็นต้องใช้เลือดยืนยันตัวตน จี้หยกดำในตอนกลางวันจะดูเห็นเหมือนสร้อยธรรมดา ไม่มีใครบอกได้ว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่า

และ'เย่ว์หยาง'ไม่เคยพบวัตถุประสงค์ที่แท้จริงของวัตถุนี้ สภาพจิตเย่ว์หยางถูกรบกวนอยู่ ทันทีที่หญิงงามและเด็กหญิงออกไป เขารีบถอดสร้อยคอออกมา ใช้เข็มแทงนิ้วตนเองให้เลือดไหล และหยดลงบนผิวจี้เพียงเล็กน้อย

หลังจากผ่านไปครึ่งวัน ไม่มีการตอบสนองจากมันเลย

"ก็ได้ ก็ได้ ข้ายอมรับว่าข้าอ่านนิยายเพ้อฝันมากเกินไป"”

เดิมที'เย่ว์หยาง'คิดว่าของสิ่งนี้คงจะเหมือนในนิยายเกมที่ต้องหยดเลือดลงไปเพื่อให้มันรู้จักเจ้าของ แล้วสิ่งนี้จะผูกพันกับคนที่เป็นเจ้าของและจากนั้นมันจะไม่มีทางสวมหรือตกลงไปได้

แต่มันยังคงยกระดับพัฒนาตามเจ้าของไปด้วย ทำเทพอาวุธที่น่าทึ่งก็ได้ ใครจะรู้ จี้หยกดำยังคงไม่ตอบสนองแม้ผ่านไปครึ่งวัน ทำให้เย่ว์หยางปวดใจอย่างมาก ลืมซะเถอะ สักวัน ข้าจะเข้าใจมันให้ได้

'เย่ว์หยาง'เหยียดมือออก เตรียมหยิบจี้หยกดำมาสวมคอ ทันใดนั้น เขาพบว่ามีจุดสีดำบนจี้หยกมันขยายใหญ่อย่างรวดเร็ว เพียงชั่วพริบตา มันเปลี่ยนสภาพเป็นหลุมดำที่มีพลังรุนแรง

'เย่ว์หยาง'โดนดูดเข้าไปในนั้น ด้วยอาการอย่างนั้น 'เย่ว์หยาง'เกือบคิดว่าเสร็จแน่ๆ คงไม่รอดแล้ว เขาพบว่าตลอดทั้งตัวเขาแทบจะถูกหลุมดำฉีกกระชาก

ทันทีที่ถูกหลุมดำกลืนหายไป มันเหมือนกับว่าผิว เนื้อ กระดูก แม้กระทั่งวิญญาณแทบจะถูกบดกลายเป็นผง มันเจ็บปวดแสนสาหัส เมื่อ'เย่ว์หยาง'คิดว่าคงต้องตาย

ทันใดนั้น ในส่วนลึกของจิตวิญญาณเขากลับฉายส่องพลังไฟชีวิตขนาดใหญ่นับไม่ถ้วน ทำให้'เย่ว์หยาง'รู้สึกแปลกเหมือนคืนชีพใหม่

เขาตระหนักได้อย่างรวดเร็วว่า ในความเป็นจริงแล้วเขาอยู่ในที่เงียบสงัดไม่มีแสงไฟเลย.. เกิดอะไรขึ้นกันแน่? เขาจะออกไปได้อย่างไร?

'เย่ว์หยาง'คิดว่า วิธีแบบนี้แทบทำให้สมองพองโต ดูเหมือนว่าการใช้วิธีหยดเลือดเพื่อให้วัตถุรู้จักเจ้าของไม่สามารถใช้ทดสอบได้จริงๆ  แล้วยังก่อให้เกิดปัญหายุ่งยากตามมาอีกมาก

"เอ่? เจ้ายังไม่ตายอีกหรือ? เป็นเด็กผู้ชายที่แปลกจริงนะ หวา! เจ้ามีพลังปราณก่อกำเนิดด้วย มีนักสู้ปราณก่อกำเนิดที่อายุเยาว์ด้วยหรือนี่?"”

ขณะที่'เย่ว์หยาง'ลังเลว่าจะทำยังไงดี เสียงไพเราะของสตรีประหลาดก็ดังออกมา ก่อนจะมีเวลาได้โต้ตอบ  'เย่ว์หยาง'พบว่าเขาถูกยกขึ้นมาโดยไม่อาจต้านทานได้

จากนั้นริมฝีปากเขาถูกประทับจุมพิตอย่างอบอุ่นนุ่มนวล โฉมงามจุมพิตเขาหรือ? แว่บแรกในความคิดของเขา เขาคิดว่าในที่สุดก็ได้จูบแล้ว

แต่จากนั้นเขากลัวจะพบว่าโฉมงามที่มอบจุมพิตเขาอย่างเต็มใจจะกลายแวมไพร์ที่น่ากลัว นางคงสูบเอาพลังปราณธรรมชาติเขาไป  พลังทั้งหมดที่ได้รับมาเป็นเดือน ในระดับ 2 จะถูกนางสูบไปในเวลาไม่กี่วินาที ถ้านางไม่ผละฝีปากสีชมพูระเรื่อออก

'เย่ว์หยาง'ไม่สงสัยเลยว่า เขาคงจะกลายเป็นศพแห้งแน่

"เป็นเวลาหมื่นปีมาแล้ว นี่เป็นครั้งแรก ที่ข้ารู้สึกสบายจริงๆ สดชื่นจริงๆ แม้ว่านี่จะไม่บริสุทธิ์เต็มที่นัก แต่ก็ไม่เลวเลย"”

โฉมงามที่จุมพิตเขากล่าว พร้อมกับเสียงหอบอย่างชื่นชมจากในความมืด

"โธ่เอ๊ย!"”

'เย่ว์หยาง'พบว่าตนเองโดนสูบพลังจนแห้ง ดังนั้นร่างกายเขารู้สึกอ่อนแอ ขาปวกเปียกเมื่อยามเขายืน มันเหมือนกับความรู้สึกที่เขาได้รับตอนที่ ช่วยตัวเอง มากเกินไป

หลังจากความมึนงงผ่านไปได้สักครู่แล้ว เย่ว์หยางพบความผิดปกติที่ว่า เขาสามารถมองเห็นได้ในความมืด แม้ปราศจากร่องรอยแสงไฟ เขาก็สามารถเห็นได้ชัดพอที่จะรู้ว่า ร่างกายเขาเปลือยล่อนจ้อน ไม่สวมเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว เหมือนกับชีเปลือย ผู้ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเขาคือโฉมสะคราญสูงเกินกว่า 2 เมตร

ความงามของนางพูดได้ว่างามล่มเมือง ผิวหยวกขาวนวล ดวงตาราวกับไพลินสีน้ำเงิน จ้องมองเขาอย่างไม่กระพริบตา เต็มไปด้วยความประหลาดใจและสงสัยใครรู้

โฉมสะคราญนางนี้มีผมทองยาวสยายทิ้งตัวลงคลุมไหล่และบังส่วนสงวนที่หน้าอกที่ขาวปานหยกหิมะ 'เย่ว์หยาง'ฝืนแรงกระตุ้นความรู้สึกอย่างยากลำบาก มองลงไป เห็นเอวบอบบางอ้อนแอ้น หนึ่งในผลงานที่ยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ

รูปปั้นเหนือธรรมชาติที่ฝีมือประณีตคงไม่สามารถแสดงร่างกายธรรมชาติอย่างนี้ได้สมบูรณ์แบบนี้แน่ ต่อให้ต้องตายตกนรกชั้น 18 ทนทุกข์หมกไหม้  'เย่ว์หยาง'ก็ต้องการมองให้เห็นต่ำลงมากว่านั้นให้ได้....

นี่คือโอกาสทองที่หาได้ยากยิ่ง ถ้าเขาไม่สามารถเห็นโฉมงามเปลือยที่อยู่ต่อหน้าได้   'เย่ว์หยาง' สมควรเปลี่ยนชื่อเป็น'หลิ่วเซี่ยฮุ่ย'

อย่างไรก็ตาม เมื่อ'เย่ว์หยาง'ใช้สายตาที่เหมือนนักล่าของเขามองสำรวจลงไป เขาร้องออกมาด้วยความตกใจ

"พระเจ้า! ทำไมขาของเจ้าเป็นหางงูล่ะ?"”

พอได้ยินเช่นนี้ โฉมงามผมทองคลี่รอยยิ้ม ยิ้มของนางงามระยิบระยับเหมือนทะเลดวงดาว  แทบทำให้ฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ยิ้มของนางแทบกระชากวิญญาณ'เย่ว์หยาง'ให้ลอยละล่องออกนอกกายจนลืมไปว่ายังคงอยู่บนโลก

นางมีแขน 6 ข้างยื่นออกมา จากแนวผมทองที่สยายออก แกว่งไปมาอย่างแช่มช้อย นางเอามือที่ขาวปานหิมะข้างหนึ่งเชยคาง'เย่ว์หยาง'ขึ้น และตาสีไพลินของนางให้ความรู้สึกว่ากำลังเบิกบาน

"พ่อมนุษย์หนุ่มน้อยผู้น่ารัก นี่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ข้าคือนางพญาอสรพิษ แน่นอนว่าข้าดูแตกต่างจากมนุษย์ เจ้าไม่คิดหรือว่าหางนาคีของข้าสวยงามมากหรอกหรือ?"”

 

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=25

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด