ตอนที่แล้วตอนที่ 11 ของล้ำค่าบนถาดเงิน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 ความโกลาหล ปกปิดร่องรอย เรื่องลึกลับ

ตอนที่ 13 เป้าหมาย เขตแดนปราณก่อกำเนิด


เทพธิดากระบี่มองไม่เห็น'เย่ว์หยาง'ผู้กำลังปลาบปลื้มใจ  เหมือนกับว่านางมองไม่เห็น'เย่ว์หยาง'เลย มือขาวนวลราวกลีบบัวของนางถือจี้หยกดำเส้นนั้น สายตานางสำรวจดูอย่างใคร่รู้ อย่างไรก็ตาม ก่อนที่เย่ว์หยางจะโผโอบแขนเข้าหานาง พอตะโกนว่า

"ที่รักจ๋า!"”

นางก็หายวับไปในอากาศ 'เย่ว์หยาง'คว้าได้แต่เพียงจี้หยกดำที่นางทิ้งไว้ เขาแปลกใจเมื่อรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลไม่มีที่สิ้นสุดเหมือนมหาสมุทรกว้างใหญ่ไร้ขอบเขตจากจี้หยกดำ

ในเวลาเดียวกัน ขณะที่เขาสะดุ้งเพราะตกใจที่พลังที่เขารู้สึกนั้นได้ ไหลบ่าเข้ามาในใจเขาทันที เป็นไปได้ว่าเทพธิดากระบี่ช่วยเขาทำลายผนึกจี้หยกดำกระมัง?

ด้วยจี้หยกดำนี่เอง 'เย่ว์หยาง'ดำเนินการฝึกในความฝันอย่างต่อเนื่องมีผลเป็นทวีคูณ  เมื่อสวมจี้หยกดำ เขาสามารถดูดซึมพลังภายในจากโลกและบรรยากาศได้ง่ายมาก และยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้ดูดซับพลังภายในที่เก็บไว้ภายในจี้นั้นเอง

คราวนี้ เขาสามารถดูดซับพลังได้มากกว่า 10 เท่า เมื่อเทียบกับการฝันในครั้งก่อน โดยไม่รู้ตัว พลังปราณสายที่ 2 ของเขา เส้นปราณหัวใจตอนนี้เชื่อมเข้าด้วยกัน 'เย่ว์หยาง'คิดว่าเป็นแบบนี้่ต่อไป เขาจะสามารถเชื่อมเส้นปราณหลักทั้ง 12 สายในกายเขาเข้าด้วยกันได้ทั้งหมดภายในเวลา 1 เดือน

เมื่อเขาควบคุมได้อย่างนั้น เขาจะสำเร็จชั้นปราณก่อกำเนิด กระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นที่ 1 และเข้าสู่ขอบเขตชั้นปราณก่อกำเนิด เมื่อ'เย่ว์หยาง'ตื่นขึ้นในตอนเช้า ก็พบว่ามีบางอย่างแปลกไป

เมื่อเขามองจี้หยกดำที่สวมอยู่ที่คอ มันยังคงสภาพเหมือนเมื่อก่อน สีดำสนิท แตกต่างจากที่ปรากฏในฝันของเขา เขาไม่ได้รู้สึกว่าร่างกายเขามีพลังภายในไร้ขีดจำกัดเหมือนที่รู้สึกในฝัน หรือว่าเขาคงใช้จี้หยกดำนี้ในความฝันได้อย่างเดียว? หรือว่าจี้หยกดำนี้ถูกทำลายผนึกโดยเทพธิดากระบี่ฟ้าในฝันของเขา? วัตถุนี่เต็มไปด้วยความลึกลับ

คนธรรมดาคงจะไม่เคยรู้เรื่องของมันหรือสามารถใช้มันได้ ทำไมบิดามารดาของเจ้าคนที่น่าสงสารถึงได้ทิ้งเอาไว้ให้เขา? ยังจะมีความจริงบางอย่างซ่อนอยู่ในบันทึกทั้ง 2 หรือไม่? จี้หยกดำนี้เป็นสมบัติเช่นใดกันแน่? มันเป็นสิ่งที่นำมาใช้ได้จริงๆ หรือ? ไม่ว่าเขาจะพยายามค้นหาอย่างหนักเพียงใด

'เย่ว์หยาง'ก็ยังไม่เข้าใจจี้หยกดำลึกลับนี้ อย่างไรก็ตาม ตามปกติ'เย่ว์หยาง' เขาจะเลิกคิดเรื่องที่ยังหาคำตอบไม่ได้ไว้ก่อน เพราะยังมีเรื่องอีกมากมายที่ยังหาคำตอบไม่ได้ค้างคาอยู่ในใจเขา เวลาผ่านไป 'เย่ว์หยาง'ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเขาเปลี่ยนไปเท่าไหร่, แต่ในสายตาของหญิงงามและเย่ว์ปิงเห็นว่า

เขาเปลี่ยนแปลงทุกวัน ช่วงเวลาที่เขาดูดซึมพลังวิญญาณในจี้หยกดำ สภาพร่างกายเขาแข็งแรงขึ้น ทั่วทั้งร่างเปี่ยมไปด้วยพลังไม่รู้สึกเหนื่อยล้า พวกนางคิดว่าเย่ว์หยางอารมณ์ดีตั้งแต่ทำสัญญากับคัมภีร์อัญเชิญได้สำเร็จ ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้ผิวพรรณของเขาดูดี อย่างไรก็ตาม

ภายในไม่กี่วันมานี้ ผิวของเย่ว์หยางเริ่มลอก ตอนแรกเริ่มจากที่มือของเขา จากนั้นที่ขาและที่ลำตัวและท้ายสุดคือที่หน้าของเขา ผิวของเขาลอกไปทุกตารางนิ้วเผยให้เห็นผิวใหม่ในภายใต้ หลังจากผิวของเขาลอกไปหมดแล้ว

ผิวของ'เย่ว์หยาง'กลายเป็นดูเปล่งปลั่งและขาวนวลเหมือนหยก มันดูขาวพอๆ กับผิวสีขาวหิมะของ'เย่ว์ปิง' มันสมบูรณ์เปล่งปลั่งบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดีแข็งแรง 'เย่ว์หยาง'ยังเปลี่ยนไปกลายเป็นเก็บตัวมากขึ้นเมื่อผ่านไปหลายวัน

ถ้าหญิงงามไม่เห็นเขาเติบโตเปลี่ยนแปลงอยู่ทุกวัน นางคงไม่มีทางเชื่อเลยว่าซานเอ๋อจะเปลี่ยนไปได้มากในเวลาไม่ถึงครึ่งเดือน

"ซานเอ๋อ! เจ้าไม่สบายหรือเปล่า? บางทีเจ้าน่าจะพักสัก 2-3 วันนะ ข้าเกรงว่าร่างกายของเจ้าจะทนไม่ได้ หากว่าเจ้าฝึกหนักเกินไป หรือเจ้าจะพยายามตายด้วยวิธีนี้?””

เมื่อตอนที่หญิงงามเห็น'เย่ว์หยาง'ผลัดสีผิวที่มือตอนแรก นางคิดว่า เขาทำสัญญากับโรคบางอย่าง หรือว่าเขาฝึกหนักจนร่างกายรับไม่ไหว และแสดงผลข้างเคียงออกมา

ในที่สุด เพียงเมื่อนางเห็นเขาดีขึ้นมากและดูเหมือนคนใหม่ตอนที่เขาผลัดผิวทั้งหมด นางจึงค่อยรู้สึกสบายใจ มันแทบจะคล้ายได้เห็นวงจรชีวิตของหนอนที่กลายเป็นผีเสื้อ นางคิดว่ามันคงไม่แย่ขนาดนั้น

"ข้าสบายดี, สบายดี..."”

'เย่ว์หยาง'รู้ว่านี่เป็นผลข้างเคียงของการย่างเข้าสู่ขอบเขตปราณก่อกำเนิด พอได้ผ่านการดูดซึมพลังภายในบริสุทธิ์จากจี้หยกดำเป็นปริมาณมาก เขาเกือบจะสำเร็จวิชากระบี่ไร้ลักษณ์ ปราณก่อกำเนิดขั้นแรกได้

นั่นหมายความว่าเขาเกือบถึงขอบเขตปราณก่อกำเนิดแล้ว นั่นคือสาเหตุทำให้ผิวของเขาลอกออกและทำการผลัดกระดูกเปลี่ยนเส้นเอ็น ซึ่งก็หมายถึงการเกิดใหม่อันเป็นผลข้างเคียงจากการย่างเข้าสู่ดินแดนปราณก่อกำเนิดนั้น ผิวลอกออก และดูสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่

ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดเหล่านี้ หญิงงามกับ'เย่ว์ปิง'สามารถมองเห็นจากภายนอกได้ แต่ร่างกายของ'เย่ว์'เปลี่ยนเป็นแข็งแรงขึ้น มีพลังขึ้นแและภายในสมบูรณ์ยิ่งขึ้นในวันแล้ววันเล่า

นอกจากนี้ กล้ามเนื้อของ'เย่ว์หยาง'ไม่เหมือนกับนักเพาะกล้าม มันดูสมบูรณ์แข็งแรงมากกว่า ตอนนี้ กล้ามเนื้อของเขาค่อยๆ ถูกสร้างขึ้นมา ท้องเขาตึงแข็งกว่าเดิมและไม่มีไขมันในร่างกายอีกต่อไป แขนขายังคงดูผอมเหมือนก่อน แต่ก็เริ่มแข็งแรงและหนาขึ้นทุกวัน

'เย่ว์หยาง'เห็นมันเองตอนที่เขาอาบน้ำ นับแต่เขาฝึกวิชากระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิด ร่างกายเขาเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน เขาสมบูรณ์ยิ่งขึ้นทุกวัน เขาไม่ได้มีกล้ามเนื้อใดๆ มากขึ้นแม้ว่าเขาจะครอบครองพลังมหาศาล

'เย่ว์หยาง'ไม่แปลกใจที่เขาเปลี่ยนไปอย่างนั้น เพราะเขาได้เห็นตัวเองจากการเห็นเทพธิดากระบี่ฟ้านั้น มือที่เรียวและยาว อาจทำให้มีอำนาจทำลายดังกล่าว

ตั้งแต่เขาฝึกกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นปราณก่อกำเนิด ถือเป็นเรื่องปกติที่เขาไม่ต้องทำอะไรกับกล้ามเนื้อเลย กระบี่ไร้ลักษณ์ชั้นปราณก่อกำเนิดเป็นวิชาที่ไม่ง่ายที่นักสู้ระดับ 3 จะเรียนรู้ได้ เย่ว์หยางอารมณ์ดีขึ้นทุกวัน

ขณะที่เขาเปลี่ยนแปลงก้าวหน้าในแต่ละวัน กลับกลายเป็นว่าเจ้าเด็กเจ้าเล่ห์ผู้นี้มีแต่ความลับ ไม่เคยพูดอะไรให้หญิงงามหรือคนอื่นๆ ฟังเลย เวลาเดือนหนึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ในที่สุด'เย่ว์หยาง'เชื่อมเส้นพลังลมปราณหลักทั้ง 12 ถึงกันหมด   เส้นไท่อินที่แขน ไท่อินที่เท้า ไท่หยางที่มือ ไท่หยางที่เท้า เส้าอินที่มือ เส้าหยางที่เท้าและเส้นปราณอื่นๆ อีก

'เย่ว์หยาง'ในปัจจุบันนี้เกือบจะสำเร็จกระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดขั้นที่ 1 แล้ว เหลือแต่เพียงก้าวย่างสุดท้าย คือเชื่อมเส้นลมปราณทั้ง 12 เข้าด้วยกันกับเส้นปราณพิเศษอื่น

จากนั้นถึงจะสำเร็จวิชาขั้นแรก และย่างเข้าสู่เขตแดนปราณก่อกำเนิดที่นักสู้ระดับสูงทุกคนใฝ่ฝัน แม้แต่นักสู้ผู้มีพรสวรรค์ในแผ่นดินมังกรทะยานจำเป็นต้องใช้เวลาอย่างน้อย 100 ปีถึงจะสามารถย่างเข้าเขตแดนปราณก่อกำเนิดได้

อย่างไรก็ตาม  'เย่ว์หยาง'จำเป็นต้องใช้เวลาฝึกวิชาปราณธรรมชาติของเขานี้ ปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ แม้ใช้เวลาไม่ถึง 3 เดือน เขาก็เข้าไปถึงระดับผู้มีปราณธรรมชาติก่อกำเนิดแล้ว ทั้งที่คนทั่วไปต้องใช้เวลาเป็นร้อยๆ ปีเพื่อฝึกให้ได้

จากตรงนี้ จะเห็นได้ว่ากระบี่ไร้ลักษณ์ปราณก่อกำเนิดเป็นวิชาที่สูงสุดยอดอย่างแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น สำหรับ'เย่ว์หยาง'ตอนนี้ วิชาทวนตระกูลเย่ว์ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่าเป็นวิชาระดับสูงในแผ่นดินมังกรทะยาน

กลับเป็นเรื่องง่ายเหมือนอ่านหนังสือเด็กประถม 4 หรือ 5 สำหรับผู้ที่ตอนนี้เป็นเหมือนคนจบมหาวิทยาลัยแล้ว ตอนนี้ถ้าเอาไปเทียบกับวิชาระดับ 3 ที่นักรบได้เรียนรู้แล้ว

สำหรับเขาแล้วเหมือนความรู้ชั้นอนุบาล 'เย่ว์หยาง'คิดว่า วิชาทวนนั่นคงจะเป็นวิชาระดับปราณธรรมชาติก่อกำเนิดแท้ๆ  ถ้าไม่ได้สูญหายไปหลายชั่วคน อย่างดีก็เหมือนกับเป็นวิชาระดับมัธยมต้นหรือไม่ก็มัธยมปลาย วิชาเหล่านั้นรวมกันแล้วยังเทียบไม่ได้กับปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ขั้นก่อกำเนิดที่เขาได้เรียนรู้มา

ตอนนี้ 'เย่ว์หยาง'เกิดสงสัยเกี่ยวกับเทพธิดากระบี่ฟ้าขึ้นมาทันที นางเป็นใครกันแน่? เปรียบเทียบนางกับนักสู้ระดับสูงในโลกนี้แล้ว อย่างนั้นนางอยู่ที่ไหน และอยู่ในชั้นอะไร?

"พี่สาม! ข้าจำเป็นต้องกลับไปในเมืองเพื่อสอบในสถาบัน ข้าจะกลับพรุ่งนี้แล้ว เกี่ยวกับพื้นฐานวิชาอัญเชิญ ท่านคุ้นเคยกับมันดีแล้ว  ท่านน่าจะเข้าชั้นเรียนปี 2 ในสถาบันได้อย่างไม่มีปัญหา, พี่สาม! เรื่องที่น่าเสียดายเรื่องเดียวคือ ตอนนี้ท่านยังไม่สามารถเรียก "หมอก" สัตว์อสูรผู้พิทักษ์ออกมาได้ ฝึกสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ท่านให้ดี มันจะไม่หักหลัง ไม่หนีหายไป  นั่นคือสิ่งสำคัญที่สุดที่ท่านต้องทำ หลังจากข้าไปแล้วอย่าเรียกต้นดอกหนามพ่นพิษออกมาอีกเลย ท่านควรจะใช้ทอง 100 เหรียญที่ได้รับมาซื้อสัตว์อสูรดีกว่า ชนิดที่ดีที่สุดน่าจะเป็นสายสัตว์ร้ายหรือสายวิหคอย่างสุนัขป่าวายุ ราชสีห์เพลิง, วิหคสายฟ้า, เหยี่ยวทอง เสียดายจริงๆ.. ถ้าเพียงแต่ยาปลุกพลังวิญญาณสัตว์อสูรไม่ถูกลุงรองเบียดเบียนไปให้น้อง 9 แล้วล่ะก็ พี่สามอาจอัญเชิญสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของตนเองได้ รังแกกันชัดๆ ปีหน้าแข่งขันในตระกูล ข้าจะไม่เมตตาแล้วจะต้องสั่งสอนพวกเขาให้หลาบจำเสียบ้าง เมื่อเป็นอย่างนั้น ท่านปู่และผู้อาวุโสคนอื่นๆ ในตระกูลจะได้เลิกดูถูกพวกเราตระกูลสาขาที่สี่เสียที"”

ก่อนที่'เย่ว์ปิง'จะแยกจากไป นางย้ำเตือน'เย่ว์หยาง'อีก ในใจนาง นางเห็นใจ'เย่ว์หยาง'จริงๆ เพราะนางรู้สึกเหมือนมองเห็นตัวเอง อัจฉริยะผู้ถูกตระกูลตัวเองดูถูกดูแคลน นางทุกข์ใจอย่างมากกับธรรมเนียมแผ่นดินมังกรทะยาน เรื่องให้ความสำคัญกับผู้ชายมากกว่าผู้หญิง และสถานะของนางเป็นม่าย (ขันหมาก) ตั้งแต่อายุยังน้อย

นางไม่กล้าปฏิเสธในครั้งล่าสุด แต่พี่สามในตอนนี้คืออนาคตของครอบครัวนาง ถ้าเขาไม่มีอะไรดี อย่างนั้นนางคงพูดอะไรไม่ได้ แต่เห็นได้ชัดว่าเขาคืออัจฉริยะ  และเขายังโดนดูหมิ่นจากตระกูลและปฏิบัติต่อเขาอย่างไม่เป็นธรรม นี่ทำให้นางรู้สึกผิดอย่างมาก

'เย่ว์หยาง'ลูบศีรษะ'เย่ว์ปิง' แต่ไม่ได้พูดอะไร เขารู้จักความสามารถตัวเองดี และสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ของเขาจริงๆแล้วไม่ใช่ หมอก แต่เป็นเงาปีศาจ บางทีเขาคงไม่สามารถเรียกหมอกที่เป็นสัตว์อสูรผู้พิทักษ์ออกมาได้จนกระทั่งโลกแตกเป็นแน่ อย่างไรก็ตาม

ในความเป็นจริง เงาปีศาจดีกว่า หมอก ถึง 10 เท่า เขาเรียกเงาออกมาได้ครั้งละ 10 วัน ซึ่งก็หมายความว่าเขาอาจเรียกเงา 10 สายออกมาซ้อนทับกันก็ได้ การรวมเงาทั้ง 10 เข้าด้วยกัน อาจเพิ่มความสามารถของพวกมันได้ถึง 50%

เพิ่มกับการที่เขาฝึกพลังปราณได้สำเร็จแม้แต่เขาก็จินตนาการไม่ออกว่าความสามารถในการต่อสู้ของเขา ถูกยกระดับขึ้นจนสูงขนาดไหน? พอเห็น'เย่ว์ปิง'จากไป 'เย่ว์หยาง'ไม่ได้รีบซื้อหมาป่าวายุ ราชสีห์เพลิง วิหคสายฟ้าหรือเหยี่ยวทองแต่อย่างใด ในสายตาเขา

ดอกหนามพ่นพิษดีกว่าหมาป่าวายุหรือราชสีห์เพลิงมากนัก ตอนนี้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือฝึกกระบี่ไร้ลักษณ์ปราณธรรมชาติก่อกำเนิดให้สำเร็จให้ได้ เขาเหลือเพียงก้าวสุดท้ายก่อนเข้าสู่เขตแดนปราณก่อกำเนิด

 

ที่มา:https://writer.dek-d.com/tanay2507/story/viewlongc.php?id=1429532&chapter=13

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด